ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 79 ลักพาตัวไจ่หลิง!
บทที่ 79 ลักพาตัวไจ่หลิง!
บทที่ 79 ลักพาตัวไจ่หลิง!
หลังจากเหลยโม่ไปแล้ว เขาไม่ได้กลับไปภูเขาที่ตัวเองอยู่ แต่ตรงไปที่ยอดเขาหลัก
ในยอดเขาหลัก เหลยโม่ยืนอยู่ใจกลางของห้องโถง และอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เจ้าสำนักฟัง
อู่หมิงเสวี่ยพิงเก้าอี้ด้วยความเกียจคร้าน ถือคัมภีร์ไว้ในมือแล้วมองดู หลังจากผู้คุมกฎอาวุโสกล่าวจบ นางก็วางคัมภีร์ลงแล้วเงยหน้าขึ้น “เจ้าหมายความว่า หยวนเอ๋อร์ขอให้เจ้าไปแย่งคนมางั้นหรือ?”
เหลยโม่ตอบด้วยความเคารพว่า “ขอรับ ข้าน้อยประหลาดใจนักตอนที่ได้รับยันต์จากนายน้อย”
เจ้าสำนักวางคัมภีร์ในมือลง แตะมันช้า ๆ ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวในมือของนางก็หยุดนิ่ง “เจ้าคิดว่าเขาทำไปเพื่ออะไร?”
คนฟังไม่ตอบ ทำแค่เพียงเงยหน้ามองอู่หมิงเสวี่ย
สายตาทั้งสองสบกัน พวกเขาล้วนเห็นคำตอบในแววตาของอีกฝ่าย
เจ้าสำนักอู่ยิ้มออกมา สายตาเกียจคร้านพลันเปลี่ยนไป กลิ่นอายสังหารแผ่ออกมาจากสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“ถึงเวลาที่สำนักอักขระสวรรค์จะต้องพัฒนาขึ้นจริง ๆ ในเมื่อหยวนเอ๋อร์มีใจช่วยแล้ว มาช่วยเขาด้วยกันเถอะ”
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป บอกว่าข้าจะเก็บตัวสักพัก เรื่องทั้งหมดของสำนักที่เกิดขึ้นในระหว่างการเก็บตัวมอบหมายให้นายน้อยเป็นผู้จัดการ ไม่มีใครสามารถขัดคำสั่งได้!”
เหลยโม่ยกมือขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “น้อมรับคำสั่ง!”
จากนั้นเหลยโม่ก็หันหลังจากไป
อู่หมิงเสวี่ยเก็บคัมภีร์ เมื่อมือหยกยกขึ้น ยันต์จำนวนมากก็ลอยขึ้นตาม
นางเริ่มเขียนตัวอักษรและประโยคบางอย่างบนยันต์เหล่านี้ หลังจรดหมึก ยันต์พลันกลายเป็นแสงสว่างสีทองก่อนสลายไป
หลังจากได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสจำนวนมากต่างพากันประหลาดใจ
ถึงอย่างไรตามกฎเดิมแล้ว เมื่อเจ้าสำนักไม่สามารถจัดการเรื่องราวของสำนักได้ เรื่องนี้จะต้องส่งมอบให้คณะผู้อาวุโสเป็นผู้จัดการ แต่ทำไมวันนี้ถึงส่งมอบให้นายน้อยกันล่ะ?
ถึงแม้ฉายานายน้อยจะได้รับการยืนยันผ่านวาจาแล้วก็จริง แต่พิธียังไม่ถูกจัดขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรับรู้ ดังนั้นที่จริงแล้วเขายังไม่ใช่นายน้อยโดยสมบูรณ์ ไม่ควรมาจัดการเรื่องราวในสำนักอย่างจริงจัง
ยิ่งกว่านั้น ลู่หยวนผู้นี้ไม่เคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะจัดการได้ไม่เก่งเท่ากับคณะผู้อาวุโส ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเจ้าสำนักกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อหวังเหิงได้รับคำสั่งนี้ เขาก็ทำได้เพียงกัดฟัน
อู่หมิงเสวี่ยกำลังยกยอปอปั้นบุตรชายตนเองอย่างชัดเจน!
ในอดีต… ผู้อาวุโสหลักเช่นเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ก้าวก่ายเรื่องของสำนักด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นางถึงกับมอบสิ่งเหล่านี้ให้ลูกชายสารเลวนั่น ไม่ยอมส่งมอบให้กับคณะผู้อาวุโส!
ดี ข้าอยากรู้นักว่าลูกชายเจ้าจะรับมือเรื่องต่าง ๆ ได้ดีแค่ไหน!
หวังเหิงถือยันต์ไว้ในมือ ก่อนเดินกลับเข้าห้องโถงพร้อมสะบัดแขนเสื้อ
ไม่กี่วันต่อมา อู่หมิงเสวี่ยก็เริ่มเก็บตัว
ในห้องโถงบนยอดเขาหลัก บุตรศักดิ์สิทธิ์นั่งพิงพนักเก้าอี้ หรี่ตาส่งเสียงงึมงำ เมื่ออ้าปากเล็กน้อย เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ป้อนผลไม้หวานให้เขาทันที
ไม่ไกลกันนั้น ฉินอี่หานผู้กำลังคุกเข่าตรงหน้าสมุดคัดลอกพลันโยนพู่กันในมือ ก่อนหยิบชาที่เย็นแล้วขึ้นมาจิบ
ลู่หยวนลืมตา พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เสร็จแล้วหรือ? ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนัก”
ฉินอี่หานส่งเสียงอืมอย่างแผ่วเบา “มันไม่ได้ยากอย่างที่นายท่านคิดหรอก ท่านสามารถไปเสวยสุขที่อื่นได้ แต่กลับแสร้งมาอยู่กับข้าที่นี่”
ลู่หยวนกลั้นหัวเราะเอาไว้ เขาไม่เคยเห็นสีหน้าประชดประชันของศิษย์พี่มาก่อน
ฉินอี่หานลุกขึ้น ชำเลืองมองไปนอกประตู “พวกเราจะเริ่มขั้นต่อไปเมื่อไหร่?”
ชายหนุ่มมองยันต์ด้วยสายตาเหยียดหยาม มันบันทึกความจริงที่หวังเหิงรับไจ่หลิงเป็นศิษย์ ที่มุมซ้ายล่างของยันต์ มีลายมืออนุมัติของผู้อาวุโสกำกับเอาไว้
เมื่อออกแรงเล็กน้อย ยันต์พลันถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็ถูกเผาจนสิ้น
“คืนนี้”
ตกกลางคืน หวังเหิงเชิญคณะผู้อาวุโสบนยอดเขาอื่นมาร่วมสังสรรค์ หลังจากดื่มไปสามจอก พวกเขาก็เริ่มเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับลู่หยวน
คณะผู้อาวุโสหลายคนไม่พอใจ บอกว่าการตระเตรียมของเจ้าสำนักช่างไร้เหตุผล บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความสามารถ รวมแล้วมีผู้อาวุโสหนึ่งถึงสองคนแสดงความไม่พอใจต่อนายน้อยอย่างลับ ๆ บอกว่ากู่หงเฟยเหมาะสมที่จะสืบทอดตำแหน่งมากกว่า
หวังเหิงทำได้แค่ยิ้ม ไม่สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด
ชายชราย่อมรู้ว่าคณะผู้อาวุโสเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร พวกเขาเป็นคณะผู้อาวุโสเหมือนกัน อู่หมิงเสวี่ยย่อมไม่ปล่อยให้มาก้าวก่ายเรื่องนี้ หวังเหิงไม่ใช่คนเดียวที่ขุ่นเคือง คณะผู้อาวุโสก็เช่นเดียวกัน
ในบรรดาพวกเขา หวังเหิงทรงพลังที่สุด พวกเขาย่อมอยากให้หวังเหิงได้รับอำนาจ เมื่อเขามีอำนาจ คณะก็จะมีอำนาจตาม ศักดิ์ศรีของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น ถึงตอนนั้น คณะผู้อาวุโสจะได้รับทรัพยากรจากสำนักมากขึ้น
หวังเหิงไม่ใช่คนโง่ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านลู่หยวนในตอนนี้
ทว่า… การรวมตัวครั้งนี้ไม่สูญเปล่า อย่างน้อยเท่าที่ทราบมา คนในคณะผู้อาวุโสยังยืนอยู่ข้างเขา
เขาปฏิเสธสองสามคำ จากนั้นกลับยอดเขาซู่หยาง
ทันทีที่มาถึง เขาเห็นกู่หงเฟยกำลังยืนอยู่บนภูเขาด้วยท่าทางสิ้นหวัง หลังจากเห็นอาจารย์ อัจฉริยะหนุ่มก็รีบวิ่งเข้ามาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงแตกตื่นว่า “อาจารย์ ศิษย์น้องไจ่หลิงหายไป!”
“ฮะ?”
หวังเหิงตกตะลึง “เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ศิษย์น้องไจ่หลิงหายไป! ข้าออกมาหาเขา อยากมอบค่ายกลที่จะเรียนรู้ในวันพรุ่งนี้ให้ แต่กลับไม่พบตัว แม้ค้นหาทั่วทั้งยอดเขาซู่หยางแล้วก็ยังหาไม่เจอ!”
สีหน้าของหวังเหิงเปลี่ยนไป เขาสะบัดฝ่ามือ ทำให้กู่หงเฟยกระแทกกับพื้นทันที “สวะ! แค่เด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้!”
เมื่อกล่าวจบก็ออกไปทันที มุ่งหน้าสู่ทิวเขาที่รายล้อม
หวังเหิงค้นหาอยู่ทั้งคืน แต่ก็ไม่พบตัวไจ่หลิง
เขาวิตกกังวลยิ่งนัก ทำไมคนตัวเป็น ๆ เช่นนี้ถึงหายไปได้?!
หากเสียไจ่หลิงไป เขาจะเสียอัจฉริยะไปตลอดกาล!
ขณะออกค้นหา ชายชราก็พบร่างคุ้นเคยสองคนกำลังผ่านไปทางหางตา
เขาหันศีรษะไปมองทันที พบว่าลู่หยวนกำลังบินไปทางยอดเขาหลักพร้อมเด็กคนหนึ่ง
เมื่อมองใกล้ ๆ จึงพบว่าเด็กคนนั้นคือไจ่หลิง!
หวังเหิงเดือดดาลขึ้นมา พุ่งออกไปทันทีเพื่อขวางทางนายน้อยเอาไว้ โดยไม่ลืมระงับโทสะไว้ในใจ แม้สีหน้ายังคงเคร่งขรึม
บุตรศักดิ์สิทธิ์เห็นผู้อาวุโสใหญ่ขวางทางเอาไว้จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หวังเหิง ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ลู่หยวน ข้าต่างหากที่ต้องถาม!”
หวังเหิงชี้ไปที่ไจ่หลิง “เจ้าถึงกับฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่ เพื่อลักพาตัวศิษย์ของข้าไป!”
เสียงของทั้งสองดึงดูดศิษย์จำนวนมากจากไกล ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ศิษย์หัวใสก็ไปรายงานให้อาจารย์ตนเองทราบทันที
“ศิษย์ของท่านหรือ?”
ลู่หยวนยกยิ้ม “ทำไมถึงบอกว่าเป็นศิษย์ของท่านล่ะ เขาเป็นศิษย์ของข้าผู้นี้ต่างหาก”
หวังเหิงถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ไจ่หลิงลงทะเบียนในนามของข้า ทำไมถึงจะไม่ใช่ศิษย์ของข้า?”
“ลงทะเบียนในนามของท่าน? พูดจาไม่มีหลักฐาน เอายันต์ลงทะเบียนมาให้ดูก่อน”
ผู้อาวุโสใหญ่หักห้ามโทสะที่แทบจะระเบิดออกมาไว้ในใจ ก่อนเรียกศิษย์คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “เจ้า ไปสำนักทะเบียน เอายันต์มา”
“ขอรับ!”
ศิษย์ผู้นั้นตกตะลึง ก่อนรีบตรงไปที่สำนักทะเบียนในทันที
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ศิษย์คนนั้นกลับมา…
หวังเหิงยื่นมือออกไป “เอายันต์มาให้ข้า!”
ศิษย์คารวะด้วยความสั่นกลัว จากนั้นกล่าวว่า “รายงานผู้อาวุโสใหญ่ สำนักทะเบียนบอกว่าไม่มียันต์เกี่ยวกับศิษย์ของท่านขอรับ”
หวังเหิงถลึงตา จิตสังหารพลันพลุ่งพล่าน เตรียมที่จะลงมือกับศิษย์สำนักผู้นั้นทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ?!”
กลิ่นอายของลู่หยวนพุ่งออกไป สะกดจิตสังหารน่าสะพรึงดังกล่าวเอาไว้ “ผู้อาวุโสใหญ่ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? คิดจะระบายโทสะแก้เก้อ จนถึงขั้นฆ่าศิษย์ของคนอื่นเลยหรือ?”