ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 81 ผู้อาวุโสต้องพยายามหน่อยนะ (ปลาย)
บทที่ 81 ผู้อาวุโสต้องพยายามหน่อยนะ (ปลาย)
บทที่ 81 ผู้อาวุโสต้องพยายามหน่อยนะ (ปลาย)
ลู่หยวนโบกมือ “นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ไม่สำคัญหรอกว่าสมาชิกคณะผู้อาวุโสจะลงมติหรือไม่ แต่พวกเขาอยู่ข้างข้า ต่อให้ก่อปัญหาก็เป็นการทำเพื่อทรัพยากรบางส่วนเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เหลยโม่ยกมือขึ้นแล้วคารวะ “เช่นนั้นขอบังอาจถามนายน้อย ใครคือคนที่ต้องถูกกำจัดจริง ๆ?”
คนฟังเหยียดยิ้ม แววตาชำเลืองมองไปทางยอดเขาซู่หยาง “หวังเหิงและสำนักสาขาของเขา!”
ในช่วงสามวัน ผู้อาวุโสใหญ่ขังตัวเองในห้องโถงหลัก ไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
กู่หงเฟยไม่รบกวนเขาเช่นกัน พูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่ถูกอาจารย์ลงไม้ลงมือ เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก
ตึง ๆๆ
ทันใดนั้นพลันมีเสียงเคาะประตูจากนอกห้องโถงหลัก หวังเหิงคิดว่าเป็นศิษย์เอกผู้ไร้ประโยชน์จึงกล่าวแค่ว่า “ไสหัวไป!”
เสียงนอกประตูหยุดไป จากนั้นน้ำเสียงแปลกประหลาดก็ดังขึ้น “ผู้อาวุโสใหญ่ไม่อยากพบข้าหรือ?”
หวังเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงนั้นทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย เขาจำไม่ได้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคือใคร
“เจ้าเป็นใคร?”
เสียงนอกประตูต่ำลงเล็กน้อย “ข้าคือต้วนคงซิว”
เกิดความเงียบในห้องโถงหลักสักพัก ประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออก
ต้วนคงซิวจัดแจงเสื้อผ้า เดินเข้ามาพร้อมเชิดหน้าขึ้น
หวังเหิงเห็นบุรุษในชุดสีดำเดินเข้ามา ชายคนนั้นมีรูปร่างเตี้ยและน่าเกลียดนัก ยามคลี่ยิ้มดูไม่ต่างจากผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง
หวังเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าคือต้วนคงซิวหรือ? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
แม้จะติดต่อกันมานาน แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็เพิ่งเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
ต้วนคงซิวยืนเอามือไพล่หลัง “แน่นอนว่าข้ามาเพื่อแสดงความยินดีกับกู่หงเฟยในฐานะนายน้อย รวมถึงเพื่อมาสังหารลู่หยวนด้วย!”
ลมหายใจของผู้ฟังสะดุด รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเหิงที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปหลายวัน “โถ ช่างกล้าคิดไปได้!”
เจ้าสำนักสาขาต้วนไม่ได้ใส่ใจท่าทีเย้ยหยันนั้น เพียงกล่าวว่า “ดูท่าผู้อาวุโสใหญ่จะแก่แล้ว เลยไม่มีความกล้าที่จะท้าทายสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนี้ จงแสร้งว่าข้าไม่ได้มาในคืนนี้ก็แล้วกัน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็หันหลังกำลังจะจากไป
“ช้าก่อน”
หวังเหิงพลันถามว่า “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าอยากฆ่าลู่หยวนหรือ?”
ต้วนคงซิวลอบขบขันอยู่ในใจ ใช่แล้ว หวังเหิงในตอนนี้เกลียดบุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!
ยอดเยี่ยม… ยอดเยี่ยม
เจ้าสำนักสาขาหันกลับมาที่ห้องโถง ไม่พูดจาอ้อมค้อม ตอบตามตรงว่า “หนึ่ง อู่หมิงเสวี่ยเก็บตัวอยู่ เหลยโม่เองก็เก็บตัวบ่มเพาะเมื่อวานเช่นกัน”
หวังเหิงขมวดคิ้ว “เหลยโม่เก็บตัวงั้นหรือ?”
เขาไม่ได้ออกจากที่นี่สามวัน เป็นธรรมดาที่จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับภายนอกบ้าง
ต้วนคงซิวกล่าวต่อว่า “สอง คนบางส่วนจากสำนักสาขาของข้าได้ก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพระดับสมบูรณ์แล้ว”
ขั้นเทียมเทพระดับสมบูรณ์?
หวังเหิงไม่อยากเชื่อ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอยู่ระดับครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์
ต่อให้เหลยโม่เก็บตัว ก็ยังมีคนอื่นคอยปกป้องลู่หยวน ขอเพียงนายน้อยอยู่ในสำนักอักขระสวรรค์ ก็ไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้
หากมีผู้แตะต้องบุตรศักดิ์สิทธิ์แม้แต่ปลายเส้นขน ลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ยจะต้องพลิกสำนักอักขระสวรรค์เพื่อควานหาตัวการมาลงทัณฑ์อย่างแน่นอน
ตามมาด้วยหายนะล่มสวรรค์ ฟ้าคำราม ปฐพีร่ำไห้กลางสำนักอักขระสวรรค์
ต่อให้ปรมาจารย์ยุทธ์ออกโรง ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้!
ต้วนคงซิวย่อมมองออกว่าหวังเหิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาชูนิ้วออกมาสามนิ้วช้า ๆ “สามก็คือ ลู่หยวนกำลังจะออกจากสำนักอักขระสวรรค์”
“อะไรนะ?!”
หวังเหิงพลันยืนขึ้น ยังคงทำการรวบรวมข้อมูลอยู่ในใจ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าแก่ชราช้า ๆ
สวรรค์เข้าข้างแล้ว!
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสใหญ่หุบยิ้ม แล้วถามว่า “ไม่ใช่ข่าวลวงหรือ? เขาจะออกไปทำไม?”
ต้วนคงซิวยิ้มแล้วตอบว่า “ท่านไม่รู้เลยสินะ ศิษย์ดีที่ท่านรับไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเส้นชีพจรวิญญาณอะไรเลย มันก็แค่เส้นชีพจรวิญญาณเทียมเท่านั้น”
“หลังจากตรวจสอบแล้วลู่หยวนโกรธมาก เขาถึงขั้นทุบตีไจ่หลิงจนเกือบตาย พร้อมตะโกนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์อีกต่อไป!”
“แต่ว่า หลังจากเด็กคนนี้เงียบไป เขาก็ตัดสินใจพาไจ่หลิงไปที่ภูเขาฉางเจ๋อเพื่อรวบรวมหญ้าเทวะ นำมาฟื้นฟูเส้นชีพจรวิญญาณให้กับเขา”
เส้นชีพจรวิญญาณเทียม
ต้วนคงซิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาไม่ได้ทุ่มทรัพยากรให้ไจ่หลิงมากเกินไป!
เส้นชีพจรวิญญาณเทียมนี้ดูคล้ายกับเส้นชีพจรวิญญาณ แต่ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล
เส้นชีพจรวิญญาณมีความข้องเกี่ยวกับศาสตร์ยันต์เป็นอย่างมาก ยามที่เรียนรู้ศาสตร์นี้จะได้ประสิทธิผลมากกว่าคนธรรมดามากมายนัก
ส่วนเส้นชีพจรวิญญาณเทียมคล้ายกับเส้นชีพจรวิญญาณ แต่พลังวิญญาณกลับเป็นของเสียตามธรรมชาติของเส้นชีพจรวิญญาณเทียม
ของเสียจากเส้นชีพจรวิญญาณเทียมนี้ไม่สามารถบ่มเพาะได้ด้วยวิธีปกติ หลายคนจึงนับว่ามันเป็นของเสีย
แต่ครั้งหนึ่งเคยมียอดฝีมือที่รับศิษย์ผู้มีเส้นชีพจรวิญญาณเทียม เขาไม่เต็มใจที่จะยกศิษย์คนนี้ให้ใคร และพยายามสุดความสามารถเพื่อฟื้นฟูเส้นชีพจรวิญญาณ
คาดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านมาหลายปี จะสามารถซ่อมแซมเส้นชีพจรวิญญาณเทียมนี้ได้!
ถึงอย่างไร… คนผู้นั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลู่ เป็นที่นับถือของผู้คนนับพัน
ทว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อน ร่องรอยของผู้อาวุโสคนนั้นเลือนหายไปไม่มีเหลือ วิธีที่ยอดฝีมือผู้นั้นใช้ฟื้นฟูเส้นชีพจรวิญญาณไม่ได้ถูกสืบทอดต่อกันมา
สิ่งที่ลู่หยวนทำอยู่ในตอนนี้จึงนับว่าแปลกประหลาด
ทว่า… นี่ก็เป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับพวกเขาเช่นกัน!
เมื่อลู่หยวนพาคนออกไป เขาจะพาคนคุ้มกันไปไม่มากนัก
ขอเพียงก้าวออกจากประตูสำนักอักขระสวรรค์ ย่อมเท่ากับก้าวเข้าสู่ประตูนรกไปหนึ่งก้าว!
ต้วนคงซิวมองสีหน้าของหวังเหิง รู้สึกยินดีไปถึงก้นบึ้งหัวใจ จึงยิ้มแล้วถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่คิดเห็นอย่างไร?”
คนฟังยืนขึ้นโดยเอามือไพล่หลัง แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เหอะ เรื่องนี้ต้องอาศัยเวลา สถานที่และคนที่เหมาะสม หากไม่ใช้ให้คุ้มค่า ย่อมเป็นการสูญเปล่า!”
เจ้าสำนักสาขายกมือขึ้นเพื่อทำความเคารพทันที “ข้าเต็มใจร่วมมือกับผู้อาวุโสใหญ่ พร้อมกับให้การช่วยเหลือ เพื่อทำให้เรื่องนี้ลุล่วง”
หวังเหิงย่อมเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วง เมื่อศิษย์ของข้ากลายเป็นนายน้อยแล้ว ข้าจะหาทางพาเจ้ากลับจากสำนักสาขาอย่างช้า ๆ เมื่อเขากลายเป็นเจ้าสำนักเมื่อไหร่ เจ้าจะได้เข้าสู่คณะผู้อาวุโส”
ต้วนคงซิวพึงพอใจ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็จะได้กลับสำนักหลักแล้ว!
ตอนนี้เขายังจำได้ ตอนที่ถูกย้ายจากสำนักหลักไปยังสำนักสาขา มีผู้คนเย้ยหยันเขามากเพียงไหน!
คนเหล่านั้นอยู่สุขสบายในสำนักหลักของสำนักอักขระสวรรค์จนถึงทุกวันนี้ เป็นผู้อาวุโสที่ศิษย์ทั้งหลายต่างให้ความเคารพ แต่เขาเป็นเพียงผู้อาวุโสของสำนักสาขาผู้ไม่อาจสามารถกลับสำนักหลักได้ยาวนานหลายปี
ทรัพยากรที่ตรากตรำค้นหาอย่างหนัก กลับไม่สามารถนำมาสร้างความสำราญให้ตัวเองได้ เขาต้องมอบให้กับสำนักสาขา ในขณะที่พวกผู้อาวุโสไม่ต้องทำอะไรนอกจากเพลิดเพลินกับของที่ได้มา แบบนี้มันสมเหตุสมผลตรงไหน?!
ศิษย์มากพรสวรรค์เหล่านั้นที่เขาพบด้วยความยากลำบากยิ่ง ก็ไม่สามารถเสนอตัวเป็นอาจารย์ได้ และต้องส่งมอบให้กับสำนักหลัก เพื่อนำไปคัดเลือกและฝึกฝนเพื่อเป็นยอดฝีมือ… เป็นผู้อาวุโสเชิดชูสำนักหลักในอนาคต แบบนี้มันยุติธรรมอย่างไร?!
ต้วนคงซิวเก็บงำความคับแค้นใจไว้ในอก พร้อมครุ่นคิดเอาไว้แล้ว ขอเพียงมีโอกาส เขาจะต้องไต่เต้ากลับสำนัก เพื่อให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นที่เคยทำตัวสูงส่งถูกใช้ให้เขาไปหาทรัพยากร พร้อมกับเสนอศิษย์ให้กับเขาแทน!
ตนจะทำแค่นั่งแล้วเพลิดเพลินกับความสำเร็จในสำนักนี้ก็พอ!