ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 9 ซากมังกรสถิต (ปลาย)
บทที่ 9 ซากมังกรสถิต (ปลาย)
บทที่ 9 ซากมังกรสถิต (ปลาย)
ระบบแจ้งออกมาว่า [ซวี่รั่วหลิงมีความประทับใจต่อท่าน ซึ่งทำให้ค่าชะตาของบุตรแห่งโชคชะตาลดลง!]
ลู่หยวนเข้าใจดีว่าสาวน้อยผู้นี้ควรจะชื่นชอบหมัวเทียน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเปลี่ยนมาชอบเขาแทนแล้ว
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นหาวก่อนจะพูดออกไปอย่างสบาย ๆ ว่าให้นางพักผ่อนให้มาก ก่อนจะจากไป
ไม่สำคัญว่านางจะชอบเขาหรือไม่อย่างไร สุดท้ายแล้วเครื่องหมายบนศีรษะของซวี่รั่วหลิงยังคงมีเจ้าสำนักฟ้าประทานคงอยู่ มันคือคำที่บอกว่าไม่อาจมีสัมพันธ์กับผู้ใดได้…. นอกจากบุตรแห่งโชคชะตาจากสำนักฟ้าประทาน
สามวันต่อมา เช้าตรู่ ลู่หยวนจัดการตนเองและพาซวี่รั่วหลิงออกจากตำหนัก ก่อนจะพบอวิ๋นหลิงยืนรออยู่อย่างเคารพด้านนอก
เมื่อเห็นลู่หยวนออกมา อวิ๋นหลิงก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวสุนัข “คารวะคุณชาย”
ลู่หยวนเพียงพึมพำแล้วกล่าวถาม “เจ้าจะออกเดินทางไปซากมังกรสถิตเมื่อใด?”
“พวกเราพร้อมแล้ว เหลือเพียงรอคำสั่งจากคุณชาย แล้วจึงออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
“ดี งั้นไปกันเลย”
อวิ๋นหลิงตอบรับ พร้อมกับวิ่งไปหารถลากกิเลนแล้วคุกเข่าลงเพื่อเป็นที่วางเท้าให้ลู่หยวน
เขาเหยียบแผ่นหลังของอวิ๋นหลิง และเข้าไปในรถลากพร้อมกับซวี่รั่วหลิงในอ้อมแขน
เมื่อลู่หยวนนั่งลงแล้ว กิเลนหลายตัวจึงเริ่มเคลื่อนไหว มุ่งหน้าสู่ซากมังกรสถิต
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มเดินทางหยุดลง อวิ๋นหลิงกล่าวเบา ๆ ว่า “คุณชาย พวกเรามาถึงซากมังกรสถิตแล้ว”
ลู่หยวนพาซวี่รั่วหลิงออกจากรถ และทุกที่ที่สายตาทอดยาวไปพบเจอเพียงดินไหม้เกรียม ซากปรักหักพัง ซากมังกรสถิตแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง แต่เวลานี้กลับทรุดโทรมจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
แสงสลัวริบหรี่ภายในซากปรักหักพัง อักขระประหลาดปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวเผยให้เห็นความผิดแปลกเล็กน้อย ด้านบนมีปราการขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้มันถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก
นั่นคือค่ายกลนภา แม้มันจะตั้งอยู่บนพื้นดิน แต่มันสามารถครอบพื้นที่ไว้ใต้อากาศเบาบาง
ห่างออกไปกว่าห้าลี้ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาคือกลุ่มบุคคลซึ่งอาจจะได้ยินว่าซากมังกรสถิตเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจึงมาเฝ้ารอตั้งแต่เนิ่น ๆ
อวิ๋นหลิงยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกล่าวคำประจบสอพลอ “คุณชาย ค่ายกลนภาไม่สามารถทำลายได้ด้วยพลังของข้า เช่นนั้นคงจะต้องรบกวนคุณชายแล้วขอรับ”
ลู่หยวนพยักหน้า เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ลำแสงสีทองควบแน่นอยู่บนนิ้วชี้ ก่อนที่ลมกระโชกจะพัดพาทุกสิ่งรอบตัวอย่างโหมกระหน่ำ
แม้แต่บุคคลที่ยืนอยู่ห่างไปกว่าห้าลี้ยังได้รับผลกระทบ พวกเขาถึงกับสูญเสียการควบคุม และวางอาวุธในมือทีละคน ร่างกายไม่มั่นคงและเริ่มสั่นไหว บางคนที่มีฐานการฝึกฝนต่ำเตี้ยถูกลมกระโชกพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลำแสงสีทองก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระบี่ยาวอยู่ตรงหน้าของลู่หยวน มันสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“ไป!”
กระบี่สีทองพุ่งออกไปหลังสิ้นเสียง ความเร็วของมันไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเพียงสมาชิกของตระกูลลู่เท่านั้นที่สามารถเห็นชัดเจน พริบตานั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ พืชน้อยใหญ่ทั้งหมด เส้นทางที่ผ่านพ้นถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก เหลือเพียงเศษฝุ่น
ฉึ่บ!
กระบี่สีทองส่งเสียง มันเสียบลงแน่นหนาบนค่ายกลนภา
ค่ายกลในอากาศนี้เริ่มโคจรอย่างรวดเร็ว อักขระโบราณเปล่งแสงพร่างพราว
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
ทันใดรอยแตกร้าวพลันปรากฏขึ้นจากรอบข้างของกระบี่สีทอง
ลู่หยวนยกมือขึ้นพร้อมกับสะบัดหนึ่งครั้ง กระบี่สีทองสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ฉึ่บ!
ปราณกระบี่ระเบิดออก จนค่ายกลแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ ในที่สุดค่ายกลนภาจึงปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน
หลายคนทะยานออกไปด้วยแววตาลุกโชน พวกเขาโจมตีเข้าสู่ค่ายกลนภาโดยตรง
ลู่หยวนไม่ได้รีบร้อนนัก เขาค่อย ๆ พาผู้คนของตนเองเข้าสู่ซากมังกรสถิต
อวิ๋นหลิงอยู่ด้านข้างเดินตามลู่หยวน สายตาของเขายังคงจับจ้องค่ายกลนภา เขามองเห็นร่างมากมายกำลังพุ่งทะยานเข้าไป จิตใจพลันกระสับกระส่ายและต้องการจะเข้าสู่ด้านในด้วยความร้อนใจ
แต่ชายหนุ่มยังคงเดินอย่างเชื่องช้า ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะรุดหน้าไปก่อน
ลู่หยวนตระหนักได้ถึงความในใจของอวิ๋นหลิง เขาจึงกล่าวว่า “เจ้าพาสมาชิกของตระกูลอวิ๋นเข้าไปข้างในก่อน บุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นข้าจะเข้าไปเมื่อใดก็ได้”
หลังจากได้รับอนุญาต อวิ๋นหลิงโค้งคำนับทันที แม้เขาจะกล่าวขอโทษแล้ว แต่เขาก็รีบนำผู้คนเข้าสู่ด้านในอย่างรวดเร็ว
มีสถานที่ยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้า หากชักช้าคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เหลือเพียงคนจากตระกูลลู่ไม่กี่คน
ลู่หยวนเอียงศีรษะไปมาก่อนจะพูดบางคำกับเฉาหง จากนั้นพาผู้คนไปที่ขอบของค่ายกลนภา มีระลอกคลื่นพลังอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา ในขณะที่ค่ายกลยังคงหมุนอย่างรวดเร็ว อักขระโบราณลอยอยู่รอบกายของทุกคน ลำแสงสีขาวพร่างพราวสว่างวาบ และร่างของพวกเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายไปในพริบตา
เฉาหงรอให้ลู่หยวนจากไปก่อน
หลังจากไม่กี่อึดใจ ร่างหนึ่งพลันกระโดดลงมาจากต้นไม้ยักษ์ด้านข้าง คนผู้นี้คือหมัวเทียน
มีวิญญาณตามติดอยู่ด้านหลังของเขา บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ลู่หยวนผู้นี้ส่งเฉาหงไปจริง ๆ พวกเราจึงไม่ต้องลำบากมาก เช่นนั้นสมบัติที่ดีในนั้นควรจะเป็นของข้า!”
หมัวเทียนมองค่ายกลที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็ว แววตาเปล่งประกายก่อนจะเอ่ย “เอาละ!”
หลังจากที่ลู่หยวนและคนอื่น ๆ เข้าสู่ค่ายกลนภา ฉากด้านหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้มันยังเป็นซากปรักหักพังและพื้นดินไหม้เกรียม แต่ในพริบตาถัดมา มันก็กลับกลายเป็นผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม
ต้นไม้สูงตระหง่านนับไม่ถ้วนก่อเกิดเป็นป่าทึบ และคนที่บุกรุกเข้ามาเพียงไม่กี่คนก็กลายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เล็กจ้อย
ลู่หยวนบอกกล่าวให้ตระกูลลู่ออกค้นหาสมบัติในสถานที่ต่าง ๆ โดยแยกย้ายกันไป ส่วนตัวเขาพาซวี่รั่วหลิงเดินเล่นสำรวจโดยรอบอย่างผ่อนคลาย
เมื่อเห็นลู่หยวนแล้ว ซวี่รั่วหลิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก วันนี้สมบัติปรากฏขึ้นแล้ว และคนอื่น ๆ เร่งรีบเข้าสู่ภายในเพราะเกรงกลัวจะพลาดของดี แต่เวลานี้ลู่หยวนกลับนิ่งเฉย และไม่รีบร้อน เช่นนี้เขาจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร
ลู่หยวนก็เป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขายังคงสงบและผ่อนคลาย ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างล้วนแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เขาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักธารสุญญะแห่งแดนเหนือ!
เมื่อนึกถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ของกองกำลังต่าง ๆ ที่นางเคยได้พบ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นมดปลวกเมื่อเผชิญหน้ากับลู่หยวน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเวลานี้ซวี่รั่วหลิงครุ่นคิดหลายสิ่ง จึงยังสงบนิ่งเช่นเคย ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะเป็นตัวของตัวเองในเวลานี้
เขาเหยียดแขนออกพร้อมกางฝ่ามือขวา ลำแสงเลือนรางปรากฏขึ้น ณ ทิศทางหนึ่ง
ลู่หยวนยกยิ้มจาง เมื่อได้พบกับหมัวเทียน เขาเก็บป้ายสลักอักขระราชันไว้บนร่างกายของตน แม้แต่เศษเสี้ยววิญญาณที่ติดตามอยู่ด้านหลังของหมัวเทียนก็ไม่สามารถตรวจพบได้
เวลานี้ ลำแสงปรากฏขึ้น หมายความว่าหมัวเทียนอยู่ในรัศมีห้าสิบลี้จากตัวเขา
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ไม่คิดจะหันหลังกลับ สุดท้ายแล้ว… บุตรแห่งโชคชะตาผู้สง่างามคนนั้นจะจากไปโดยไม่ได้รับสมบัติได้อย่างไร?
ตอนนี้ลู่หยวนอยู่ที่นี่พร้อมกับบุตรแห่งโชคชะตา แล้วเขาจะต้องค้นหาสมบัติด้วยตนเองไปทำไมกัน?
เจ้าพระเอกลูกรักสวรรค์นั่นแหละ… สุนัขดมกลิ่นชั้นดีของเขา
ตราบใดที่เขาติดตามหมัวเทียน สิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดภายในซากมังกรสถิตก็จะอยู่ในกำมือ!
ตามพระเอกไป …เดี๋ยวก็เจอสมบัติเอง!
ลู่หยวนเฝ้ามองดวงแสงในมือที่กำลังสั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์