ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1026 ฟ้าบุพกาลเริ่มปั่นป่วน สุดยอดดาวโทสะ
บทที่ 1026 ฟ้าบุพกาลเริ่มปั่นป่วน สุดยอดดาวโทสะ
หานหลิงหันมองไปทางเหล่าจื่อ ระแวงอยู่ในใจทว่าปากก็เอ่ยไปว่า “ผู้อาวุโสมีเรื่องใดจะชี้แนะหรือ”
สำหรับเหล่าจื่อหานหลิงเพียงให้ความเคารพในฉากหน้าเท่านั้น
เหล่าจื่อเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าสหายน้อยหานหลิงไม่ธรรมดา วันหน้าต้องได้ครองฟ้าบุพกาลแน่ หากสหายน้อยคิดสร้างโลกขึ้นกฎเกณฑ์ของมันก็คือวิถีแห่งเจ้า จะเลือกสร้างโลกเช่นไร ลู่ทางหลังจากนี้ไปสำคัญอย่างยิ่งอย่าได้ก้าวเดินไปผิดทาง”
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ!”
หานหลิงคำนับอย่างอ่อนน้อม จากนั้นก็จากไป
หลังพ้นจากเขตมหามรรคสามพันวิถีแล้ว หานหลิงก็ถูกหานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายกลับมาในอารามเต๋า
เหล่าจื่อมองทิศทางที่นางจากไปพลางเอ่ยพึมพำ “อริยะสวรรค์เกรียงไกร เลิศล้ำโดยแท้ การสืบทอดทางสายเลือดก็สูงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หรือว่าตัวเขาก็ครอบครองกฎเกณฑ์บางอย่างเช่นกัน”
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานหลิงนั่งอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย บ่นถึงเหล่าจื่ออยู่ไม่ขาดปาก รู้สึกว่าเหล่าจื่อใช้ความอาวุโสมาข่ม
“เขามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้ากัน หรือว่าโลกของเขาเลิศล้ำมากนัก ข้าว่าเขาก็ไม่ได้สร้างชื่อเสียงอะไรมากนัก เมื่อครั้งอดีตยามอยู่ในมรรคาสวรรค์ก็ไม่กล้าล่วงเกินบรรพชนเต๋า ต่อมาไปอยู่โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ก็รักษาโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ไว้ไม่ได้อยู่ดี น่าขันเสียจริง”
หานหลิงบ่นด้วยความโมโห นางและเหล่าจื่อมีตบะในระดับเดียวกันทว่าตอนนี้กลับถูกยกลำดับอาวุโสมาใช้สั่งสอน
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โลกมหามรรคนอกจากความแตกต่างด้านคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว อันที่จริงก็ไม่ต่างกันมากนัก เขาเพียงรู้สึกว่าหากเจ้าจัดการโลกมหามรรคด้วยเมตตาก็จะต้องก้าวเดินไปในวิถีแห่งความเมตตา หากว่าเจ้ากักขังสิ่งมีชีวิตไว้ในโลกมหามรรคแล้วหลงมัวเมาในอำนาจจนลืมปณิธาน วิถีทางของเจ้าก็จะปราศจากเมตตาธรรมเช่นกัน”
หานหลิงเม้มปาก
หานเจวี๋ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปสอบถามว่าผลลัพธ์การเดินทางครั้งนี้ของนางเป็นอย่างไร
หานหลิงร่าเริงขึ้นมาทันใด เล่าถึงเรื่องดูดซับพลังกฎเกณฑ์จากมหามรรคสามพันวิถี บอกว่าสามารถก่อตั้งมหามรรคสามพันวิถีแบบใหม่ขึ้นในโลกมหามรรคของตนได้แล้ว
ในฟ้าบุพกาล มหามรรคเป็นหนึ่งไม่มีสอง มหามรรคแบบเดียวกันไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ แต่โลกมหามรรคไม่มีข้อผูกมัดเช่นนี้
ผ่านไปหลายชั่วยาม สองพ่อลูกต่างฝึกบำเพ็ญกันต่อ
ฝึกบำเพ็ญอยู่ในอารามเต๋าวันเวลาผ่านไปอย่างสงบ แต่ในฟ้าบุพกาลกลับเกิดมรสุมขึ้นมาแล้ว เมื่ออริยะมหามรรคเพิ่มมากขึ้น ข้อพิพาทก็เริ่มปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ
กลุ่มมิ่งเริ่มเผยเขี้ยวเล็บแล้ว หวงจุนเทียนส่งอริยะมหามรรคหลายสิบคนออกมา เริ่มฮุบกลืนอาณาเขตฟ้าบุพกาลอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างเข้ามาโดยมีอาณาเขตของกลุ่มมิ่งเป็นศูนย์กลาง
ราชันฟ้าบุพกาลอุดรทิศใช้วิถีแห่งจักรพรรดิ เริ่มออกโจมตีอาณาเขตต่างๆ สร้างชื่อเสียงก้องฟ้า
อู๋เซียงเทียนเซี่ย ราชันเทวาฟ้าไพศาล จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุน มหามรรคอัมพรโจวซ่ง จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย โจวฝาน ผานกู่ก็เริ่มแย่งชิงอำนาจกันแล้ว
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่ดวงจิตมหามรรคก็เข้าร่วมด้วย
อีกทั้งหลังจากความวุ่นวายทั้งหมดนี้อุบัติขึ้น เทพมหาทัณฑ์ก็ไม่ได้ห้ามปรามขัดขวาง เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยโดยปริยาย
เมื่อผู้นำดวงจิตเห็นชอบโดยปริยายแล้ว ฟ้าบุพกาลย่อมโกลาหลขึ้นมายกใหญ่
หลังจากสงครามวุ่นวายดำเนินมาหลายแสนปี ในวันนี้ศึกตัดสินระหว่างหลี่เต้าคงแห่งกลุ่มมิ่งและเหล่าจื่อมาถึงแล้ว เดิมทีทั้งสองมีสายสัมพันธ์เป็นอาจารย์ปู่และศิษย์หลานแต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นศัตรูไป ย่อมดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนให้มาเฝ้าสังเกตการณ์
ศึกนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน สนั่นสั่นไหวไปกว่าครึ่งฟ้าบุพกาล แม้แต่หานเจวี๋ยและหานหลิงที่อยู่ในอาณาเขตเต๋าก็ยังรับรู้ได้
หานเจวี๋ยเพียงลืมตามองเล็กน้อยแล้วกลับไปตั้งใจฝึกบำเพ็ญต่อ
หานหลิงกลับรับชมอย่างมีอรรถรส
ที่สำคัญคือพอเห็นเหล่าจื่อถูกจัดการ นางเบิกบานขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ศึกนี้ดำเนินอยู่นานหลายวัน สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็เสมอกัน ชื่อเสียงหลี่เต้าคงแพร่ไปทั่วฟ้าบุพกาล ถูกขนานนามให้เป็นจอมกระบี่!
เมื่อชื่อเสียงของหลี่เต้าคงแพร่ออกไป อำนาจของกลุ่มอิทธิพลมิ่งก็บรรลุถึงจุดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เจ้าชะตาเป็นสิบยอดฟ้าบุพกาล มีจอมกระบี่เลิศโลกา มีผู้ยิ่งใหญ่สองคนที่สร้างชื่อเสียงสะเทือนยุคสมัยประจำการอยู่ กลุ่มอิทธิพลทั้งหมดที่ถูกกลุ่มมิ่งหมายตาเลือกได้เพียงจะหนีเอาตัวรอดไปหรือยอมจำนนโดยดี
กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่เริ่มต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ในฟ้าบุพกาลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ทรงพลังมากมายที่ปิดด่านอยู่ถูกรบกวนจนต้องออกมา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดฟ้าถึงแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน
พวกเขาทำนายดูอย่างละเอียด พบว่าความโกลาหลทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะตัวตนหนึ่ง!
เทพมารอนธการ!
ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวออกไปว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ใกล้จะมาเยือนแล้ว ผู้ที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดจะกลายเป็นเทพมารอนธการ บุกเบิกอนธการขึ้นในฟ้าบุพกาล ก้าวข้ามฟ้าบุพกาลไป พิสูจน์สู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน!
แรกเริ่มเหล่าผู้ทรงพลังคิดว่าเป็นข่าวลือ ต่อมาหลังจากมายังด้านหน้ากฎเกณฑ์สูงสุดแล้วทำนายจากกฎเกณฑ์ดูก็พบว่าคำลือเรื่องเทพมารอนธการเป็นความจริง!
รอจนมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือน ดวงชะตาของผู้ใดจะแข็งแกร่งที่สุด ผู้ใดจะได้รับการชี้ทางเบิกปัญญาจากเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด พัฒนาเป็นเทพมารอนธการ!
ชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลล้วนบ้าคลั่งขึ้นมา ยิ่งมีตบะสูงเท่าไรก็ยิ่งบ้าคลั่งมากเท่านั้น!
….
ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกห้าล้านปีแล้ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าฉายแววยินดี ในที่สุดเขาก็มองเห็นความหวังในการทะลวงขั้นแล้ว
ยี่สิบล้านปีผ่านไปถึงเพิ่งจะเห็นสัญญาณการทะลวงขั้น เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าระดับผู้สร้างมรรคาลึกล้ำยิ่ง ยากจะทะลวงผ่านได้
ปัจจุบันนี้หลายอาณาเขตในโลกปฐมยุคก็คึกคักขึ้นมาแล้ว เดิมทีตัวโลกปฐมยุคเองก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนใหญ่เทียบเท่าฟ้าบุพกาลแล้ว
การเพิ่มเผ่าเอกาเข้าไปสร้างแรงผลักดันขึ้นอย่างใหญ่หลวง ปกติพวกเขาอยู่ในเขตเซียนร้อยคีรีตลอด คุ้นเคยกับการอบรมสั่งสอนและเทศนาธรรมอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงออกเผยแพร่มรรคไปทั่วโลกปฐมยุค ขึ้นชื่อว่าเป็นทวยเทพแล้ว
พอเห็นหานเจวี๋ยลืมตาขึ้น หานหลิงก็เอ่ยถาม “ท่านพ่อ หลี่เต้าคงคนนั้นเป็นคนในสำนักซ่อนเร้นของเราจริงหรือเจ้าคะ เล่าเรื่องของเขาให้ข้าฟังได้หรือไม่”
ชัดเจนยิ่ง ศึกใหญ่ระหว่างหลี่เต้าคงและเหล่าจื่อเมื่อหลายล้านปีก่อนกระตุ้นนางเข้าแล้ว
นางพึ่งพากองทหารจักรพรรดิมาตลอด สามารถเอาชนะคนในระดับเดียวกันได้ ตอนนี้ถึงได้พบว่าผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ก็มีกลยุทธ์ที่เลิศล้ำเช่นกัน
กองทหารจักรพรรดิของนางมีเพียงพลังเวทเท่านั้น ทว่าไม่มีพลังมหามรรคหรือพลังวิเศษเลย
แน่นอน นางคิดว่าตัวเองเอาชนะหลี่เต้าคงได้แถมยังทำได้ไม่ยากด้วย แต่ในใจนางกลับมีความคิดอื่นอยู่
หานเจวี๋ยยิ้มพลางเล่าถึงความเป็นมาของหลี่เต้าคง หานหลิงฟังอย่างตั้งใจ
รอจนหานเจวี๋ยเล่าจบ หานหลิงพลันเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ด้วยรากฐานของสำนักซ่อนเร้นเข้าครอบครองฟ้าบุพกาลได้ไม่ยากเลยจริงๆ เพียงแต่ท่านพ่อใฝ่บำเพ็ญไม่ชอบแก่งแย่งชิงอำนาจ มิเช่นนั้นฟ้าบุพกาลคงเปลี่ยนเป็นแซ่หานไปนานแล้ว”
ฮ่าๆ ตอนนี้ก็เป็นอยู่!
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “หรือหลิงเอ๋อร์จะมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่อยู่”
จักรพรรดิแต่กำเนิด ตบะบรรลุถึงจุดสูงสุดในฟ้าบุพกาลแล้ว เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตบะยากจะพัฒนาต่อได้ความทะเยอทะยานย่อมก่อตัวขึ้นมาตามธรรมชาติ
หานหลิงรีบส่ายหน้ากล่าวไปว่า “เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากรู้เท่านั้น ตอนนี้ฟ้าบุพกาลคึกคักเกินไป มีอริยะมหามรรคต่อสู้กันเป็นระยะๆ ถึงขั้นที่มียอดมหามรรคด้วยเจ้าค่ะ”
หานเจวี๋ยยิ้มให้ ไม่ได้เอ่ยเปิดโปง
ฟ้าบุพกาลคึกคักจริงๆ แต่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องมีแผนการอยู่แน่นอน แต่หานเจวี๋ยไม่สนใจ
ยุคสมัยอันไร้ที่สิ้นสุดล้วนเป็นยุคสมัยที่เหล่าผู้สร้างมรรคาล้วนหวังให้ปรากฏขึ้น เขาย่อมไม่ขัดขวาง
‘ยังเหลือสวรรค์ประทานโชคอีกสองครั้ง จะใช้ดีหรือไม่ ช่วยสุมไฟให้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่อีกสักหน่อย’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาพบว่าหานหลิงค่อนข้างยโสโอหังแล้ว ฟังจากวาจาหาได้เห็นสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลอยู่ในสายตาไม่ นี่มิใช่เรื่องดีเลย
สมควรจะดัดนิสัยนางสักหน่อย!
ใช้สวรรค์ประทานโชค!
[เริ่มใช้งานสวรรค์ประทานโชค ผู้มีมหาโชคแต่กำเนิดจะปรากฏขึ้นในหมู่เชื้อสายของท่านแบบสุ่มเลือก]
[หานฮวงบุตรชายของท่านตื่นรู้มหาโชคแต่กำเนิด…สุดยอดดาวโทสะ]
[สุดยอดดาวโทสะ: มหาโชคแต่กำเนิด ผสานความกรุณาแห่งกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของโลกปฐมยุคไว้ สามารถหยิบยืมพลังแห่งกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติในโลกปฐมยุคได้ ยิ่งมีโทสะมากเท่าไรพลังแห่งกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น]
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
หานฮวง…
มหาโชคนี้ก็คือการหยิบยืมพลังจากผู้เฒ่าไปใช้ได้อย่างนั้นหรือ