ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1028 ฉินป้าเสินตกตะลึง
บทที่ 1028 ฉินป้าเสินตกตะลึง
“ฮ่าๆ เห็นทีว่าแม้แต่สวรรค์ก็ทนมองพวกเจ้าไม่ได้แล้ว!”
ฉินป้าเสินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง
เหล่าผู้บำเพ็ญระดับมหายานสีหน้าอึมครึมลง แต่ก็ไม่ได้นึกกลัวเลย พวกเขามีชีวิตมาหลายพันปี ผ่านคลื่นลมมามากมาย ไหนเลยจะยอมปล่อยฉินป้าเสินไป
ชายชราชุดขาวชิงลงมือก่อน กระบี่เล่มหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ หมายจะตัดหัวฉินป้าเสิน
เปรี้ยง!
อัสนีสายหนึ่งผ่าลงมาจากฟ้า โจมตีกระบี่จนแหลกลาญ จากนั้นเครื่องพันธนาการทั้งหมดบนร่างของฉินป้าเสินก็ถูกทำลาย ยันต์ที่แปะอยู่ทั่วร่างสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป
ฉินป้าเสินตะลึงงัน เหล่าผู้บำเพ็ญมหายานตกตะลึง ทั่วทั้งวังหลวงล้วนมีอาการเช่นนี้
น้ำเสียงสตรีที่เย็นชาสายหนึ่งดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
“มนุษย์ธรรมดาก็กล้ามาหยามเกียรติเชื้อสายตระกูลหานของข้าอย่างนั้นหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าทำลายโลกใบนี้ทิ้งได้โดยที่เหล่าเทพเซียนไม่กล้าขัดขวางด้วยซ้ำ!”
เป็นเสียงของหานหลิง ทรงพลังอย่างยิ่ง ความโกรธเกรี้ยวที่แฝงเร้นในเสียงทำให้อุณหภูมิในโลกลดฮวบลง ทุกคนล้วนตกตะลึง
เสียงดังถึงเพียงนี้เชียว!
เหล่าผู้บำเพ็ญมหายานตระหนกแล้ว อีกฝ่ายแสดงพลังยิ่งใหญ่ มิใช่คนที่พวกเขาจะเป็นศัตรูด้วยได้
เพียงแต่…
ตระกูลหานอย่างนั้นหรือ
ชายชราชุดขาวมองไปทางจักรพรรดิ พบว่าองค์จักรพรรดิมีท่าทางตื่นตระหนก ตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด
“ชนรุ่นหลังเอ๋ย ล้างแค้นเสียเถิด ผู้ใดกล้าขวางเจ้ามันจะตายอย่างร่างสิ้นวิญญาณสลาย หลังจากล้างแค้นสาแก่ใจแล้วจงติดตามขึ้นมาบำเพ็ญเพียรในโลกเบื้องบน หลุดพ้นจากโลกมนุษย์โลกีย์!”
เสียงของหานหลิงดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉินป้าเสินได้ฟังดวงตาพลันฉายแววดุดัน
เขาลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน เดินมุ่งเข้าไปหาฮองเฮา
ฮองเฮาที่ถูกกันไว้ด้านหลังกลุ่มผู้บำเพ็ญตกใจจนหน้าซีด ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น
พอเห็นฉินป้าเสินเดินเข้ามา นางกรีดร้องด้วยความกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่ง
เหล่าผู้บำเพ็ญที่คอยคุ้มกันตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมด ไหนเลยจะกล้าสู้ การปรากฏตัวขึ้นของหานหลิงทำให้พวกเขาคิดว่าเทพยดาพิโรธแล้ว ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างหนีกระเจิงออกไปด้วยความกลัว
เหล่าผู้บำเพ็ญมหายานมองไปทางชายชราชุดขาว ชายชราชุดขาวสีหน้ามืดครึ้มทว่าไม่ปริปากสักคำ ไม่มีคำสั่งใดๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกสละม้ารักษาทัพ
ฉินป้าเสินเดินผ่านจักรพรรดิไป จักรพรรดิรีบหันตามเอ่ยเสียงสั่นๆ ว่า “ลูกเอ๋ย หยุดเถิด!”
ฉินป้าเสินไม่สนใจ เร่งเดินเข้าไปหาฮองเฮาแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
ฮองเฮาผู้บอบบางไหนเลยจะทนรับหมัดเขาได้ ร่างแหลกลาญโลหิตนองเต็มพื้น
ฉินป้าเสินเงยหน้ามองเหล่าผู้บำเพ็ญบนนภา ตวาดเสียงกร้าว “บรรพชนตระกูลหานผู้สูงส่ง ช่วยสังหารพวกเขาให้ข้าได้หรือไม่!”
“เจ้า…”
ชายชราชุดขาวทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยว เขายอมอยู่เงียบๆ ให้ฉินป้าเสินล้างแค้นแล้ว ทว่าฉินป้าเสินกลับไม่ยอมปล่อยคนไป
“ได้!”
เสียงของหานหลิงดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญมหายานตระหนกขึ้นมาทันที
ชายชราชุดขาวตะโกนทันที “สังหารไอ้เด็กคนนี้ก่อน!”
เหล่าผู้บำเพ็ญมหายานลงมือพร้อมกัน วิชาอาคมสารพัดซัดโจมตีใส่ฉินป้าเสิน ถึงแม้ฉินป้าเสินจะมีพละกำลังแกร่งกล้า แต่ไม่มีพลังเวท ประกอบกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ไหนเลยจะหลบเลี่ยงได้
ทว่ายามที่วิชาอาคมเหล่านี้กำลังจะกระแทกโดนร่างของฉินป้าเสิน ทั้งหมดก็เลือนหายไปราวกับหมอกควัน
เสียงร้องโหยหวนดังก้องจากท้องนภา ผู้บำเพ็ญมหายานเหล่านั้นล้วนร่วงหล่นลงมากองเบื้องหน้าฉินป้าเสินทั้งหมด
ฉินป้าเสินแสยะยิ้ม สาแก่ใจอย่างยิ่ง
จักรพรรดิมองฉากนี้ด้วยความตะลึง ในใจนึกเสียใจอย่างยิ่ง
จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดที่สนมหานเคยกล่าวไว้ก่อนที่ตนจะส่งสนมหานเข้าตำหนักเย็น
“ฝ่าบาท พระองค์ปรารถนากำลังสนับสนุนจากตระกูลของฮองเฮา หากวันหน้าตระกูลหานของหม่อมฉันตามหาบรรพชนพบ พระองค์จะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน!”
ยามนั้นเขาโกรธเคืองจนไม่สนใจไยดี ตอนนี้พอย้อนคิดแล้วกลับรู้สึกว่าตนช่างโง่เขลาเหลือเกิน
ความโง่เขลานี้ผลักดันให้แผ่นดินสกุลฉินตกลงสู่เหวลึกล้ำ!
….
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
ฉินป้าเสินผลัดเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ อาการบาดเจ็บได้รับการรักษาแล้ว คราบสกปรกมอมแมมบนร่างหายไปหมดสิ้น ถึงแม้เขาจะบึกบึน แต่ใบหน้ากลับหล่อเหลาคมคาย ไม่ได้ดูดุดันถมึงทึงหมือนก่อนหน้านี้
สิงหงเสวียน ชิงหลวนเอ๋อร์รวมถึงเหล่าศิษย์ในอาณาเขตเต๋าล้อมวงมุงดูฉินป้าเสิน ทำให้เขาอึดอัดประดักประเดิด
“จุ๊ๆ สมกับเป็นเชื้อสายของท่านพี่ รูปโฉมน่ามองนัก”
“ไม่รู้ว่าห่างชั้นกันไปกี่รุ่นแล้ว”
เผชิญหน้ากับบรรพชนทั้งสองท่าน ฉินป้าเสินประหม่าสุดขีดไม่กล้าพูดเลย
ในเวลานี้ หานหลิงเดินเข้ามาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทั้งสอง อย่าทำให้เขาลำบากใจเลยเจ้าค่ะ ไม่กี่วันก่อนเขายังมีสติปัญญาบกพร่องเหมือนเด็กเล็กๆ อยู่เลย ไหนเลยจะเคยถูกหยอกล้อแบบที่พวกท่านทำ”
สิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์ออกมาจากมรรคาสวรรค์มานานมากแล้ว ไม่อาจทำนายสถานการณ์ในมรรคาสวรรค์ได้อีก ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังมิใช่ยอดมหามรรค
พอสตรีทั้งสองได้ฟังก็อดแปลกใจไม่ได้ เริ่มซักถามขึ้นมา
หานหลิงก็มิได้ปิดบัง บอกเล่าอดีตของฉินป้าเสินออกมา สตรีทั้งสองฟังแล้วโมโหเดือดดาล
ฉินป้าเสินนิ่งเงียบอยู่ตลอดไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ต่อมา หานหลิงพาเขาเข้ามาในอารามเต๋า
พอเห็นหานเจวี๋ย ฉินป้าเสินตะลึงดั่งเห็นเทวา ลอบคิดในใจว่ามีคนที่ดูดีสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
หานหลิงกล่าวว่า “ท่านนี้คือบิดาข้าและบิดาของบรรพชนตระกูลหาน บรรพชนตระกูลหานคืออริยะมรรคาสวรรค์หานอวิ๋นจิ่น”
อริยะมรรคาสวรรค์หรือ
ฉินป้าเสินตกใจ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร แต่ฟังดูก็รู้สึกได้ว่ายิ่งใหญ่มาก
หานเจวี๋ยไม่ได้ลืมตาขึ้นมา หานหลิงเริ่มแนะนำตระกูลหานต่อฉินป้าเสิน
เมื่อฉินป้าเสินได้ฟังหานหลิงเล่าประวัติตระกูลหานจากรุ่นสู่รุ่นก็นิ่งเงียบไป ถึงแม้ในใจจะตกตะลึงแต่กลับคับข้องเหลือเกิน
พอหานหลิงเล่าจบ ฉินป้าเสินทนไม่ไหวถามออกไปว่า “ในเมื่อตระกูลหานยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ไยจึงปล่อยให้เชื้อสายได้รับความทุกข์ยากอีก ขนาดข้ายังเป็นเช่นนี้ จะต้องมีลูกหลานตระกูลหานคนอื่นๆ ที่ระหกระเหินอยู่ด้านนอกอีกแน่นอน!”
หานหลิงขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “ตระกูลหานมีลูกหลานแตกแขนงไปนับไม่ถ้วน ตระกูลหานมอบชีวิตให้พวกเจ้ากำเนิดขึ้นมาแต่ไม่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคุ้มครองพวกเจ้าไปชั่วชีวิต มนุษย์ในโลกสามัญหากจะสืบสาวเทือกเถาเหล่ากอขึ้นมา ใครบ้างที่ไม่มีบรรพบุรุษเลิศล้ำทรงเกียรติ”
ฉินป้าเสินถามต่อว่า “เช่นนั้นเหตุใดถึงช่วยข้า เพราะพรสวรรค์ของข้าหรือ”
“พรสวรรค์ของเจ้าก็เป็นข้าที่ประทานให้เช่นกัน มิเช่นนั้นเจ้าก็ยังเป็นคนสติปัญญาบกพร่องอยู่อย่างอนาถไปชั่วชีวิต”
ผู้ที่กล่าวคือหานเจวี๋ย น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงอำนาจที่ยากจะบรรยายได้ ทำให้ฉินป้าเสินกระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม กระวนกระวายยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับหานหลิงเสียอีก
เขามองไปที่หานเจวี๋ย เห็นว่าจู่ๆ หานเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องตรงมาที่เขา เขาตกใจจนก้มหน้าลงไป
หานหลิงก็มองหานเจวี๋ยด้วยความแปลกใจ พรสวรรค์เป็นสิ่งที่ประทานให้กันได้ด้วยหรือ
หานเจวี๋ยจ้องมองฉินป้าเสิน “ตระกูลหานมีทายาทเชื้อสายนับไม่ถ้วน เจ้าได้รับคัดเลือกจากข้าแต่มิใช่เพราะข้าต้องตาเจ้า นี่คือชะตาที่เจ้าควรได้รับ ข้าใช้วิธีสุ่มเลือกสรรให้เหล่าลูกหลานเพื่อความยุติธรรมเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ได้รับเลือกล้วนเป็นวาสนาของตนทั้งสิ้น เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ก็อยากให้เจ้ารู้เอาไว้ด้วยว่าข้าไม่ได้ติดค้างตระกูลหาน หากไม่มีข้าตระกูลหานคงไม่มีตัวตนขึ้นมาด้วยซ้ำ”
ฉินป้าเสินเงียบไป หลังจากใจเย็นลงเขาก็ทราบว่าถ้วยคำเมื่อครู่ของตนไม่มีเหตุผลจริงๆ
เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เอ่ยถามออกไป “ปฐมบรรพชน ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใดขอรับ”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นับจากนี้ไปจงรับใช้บุตรสาวข้า นางก็เป็นบรรพชนของเจ้าเช่นกัน”
ฉินป้าเสินอดมองไปทางหานหลิงไม่ได้
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ เจ้าจะได้ฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่ นับตั้งแต่ข้าถือกำเนิดก็บำเพ็ญเพียรมาหลายสิบล้านปีแล้ว ออกไปข้างนอกทั้งหมดสองครั้งเท่านั้น ไม่เคยเผชิญอันตรายเลย”
ฉินป้าเสินพยักหน้ารับ ตะลึงอยู่ในใจ
หลายสิบล้านปี…
หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ
หานหลิงลุกขึ้นมา พาฉินป้าเสินออกไป สร้างอารามเต๋าขึ้นด้านข้างเพื่อให้ฉินป้าเสินพักอาศัย
นางถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญให้ก่อน หลังจากฉินป้าเสินจำได้แล้วนางก็เอ่ยกำชับ “หากไม่มีธุระห้ามไปที่อารามเต๋าของพวกข้า ท่านพ่อข้ายุ่งอยู่กับการปิดด่าน ทุกครั้งที่ปิดด่านจะกินเวลาห้าล้านปี หากเจ้าฝึกบำเพ็ญแล้วประสบสภาวะคอขวดข้าจะมาสอนเจ้าด้วยตัวเอง หากวันปกติทั่วไปรู้สึกเบื่อหน่ายก็ไปหาศิษย์เหล่านั้นได้ แต่หวังว่าเจ้าจะอุทิศความตั้งใจส่วนใหญ่ไปกับการฝึกบำเพ็ญ
“พูดไปแล้วอาจจะทำลายเกียรติของเจ้า แต่สิ่งที่มารดาของเจ้าต้องเผชิญมีสาเหตุเพราะเจ้าอ่อนแอเกินไป ขอเพียงเจ้าแข็งแกร่งมากพอ หลังจากแม่เจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่เจ้ายังสามารถทดแทนพระคุณได้ สังสารวัฏไร้ที่สิ้นสุด ข้ารับประกันได้ว่านางจะเวียนว่ายกำเนิดใหม่ไปเรื่อยๆ”