ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 103 การคาดคะเนของซูฉี หญ้าโลกาสวรรค์ที่เจริญเติบโต
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 103 การคาดคะเนของซูฉี หญ้าโลกาสวรรค์ที่เจริญเติบโต
บทที่ 103 การคาดคะเนของซูฉี หญ้าโลกาสวรรค์ที่เจริญเติบโต
คาดไม่ถึงว่าสำนักมารปีศาจจะไม่มีแล้ว
หานเจวี๋ยเห็นข่าวนี้ ก็ถอนหายใจไม่หยุด
ซูฉีไม่ได้ยอมรับบิดาบุญธรรมเช่นหยางเทียนตง แต่ประมุขมารกลับช่วยเขาฆ่าล้างสำนักมารปีศาจ!
บางทีประมุขมารอาจจะกระหายเลือดเองอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้ซูฉีเป็นข้ออ้าง
หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นว่าฉางเยวี่ยเอ๋อร์และนักพรตเต๋าจิ่วติ่งเองก็เผชิญกับการโจมตีเช่นกัน ดูท่าทางแล้วช่วงนี้ที่ต่างแดนก็ไม่ค่อยสงบสุขสักเท่าไร
“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป ไม่ว่าขอบเขตพลังจะสูงมากเพียงใด ก็โดนโจมตีได้ง่ายอยู่ดี”
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งพญาอสรพิษหยก จูเชวี่ยและโม่โยวหลิง
หนึ่งคนเจ็ดวัน ใครก็ไม่ลำเอียง
……
เขตอุดร
ในอดีต สำนักมารปีศาจที่เคยเจริญรุ่งเรืองสุดขีดเสมือนดวงตะวันที่อยู่กลางท้องนภา กลับเผชิญกับการฆ่าสังหารจากผู้บำเพ็ญสายมารลึกลับ ทำลายทั้งสำนัก เรื่องนี้สั่นคลอนไปทั้งเขตอุดร เหล่าผู้บำเพ็ญล้วนอกสั่นขวัญแขวน
สำนักของสำนักมารปีศาจกลายเป็นซากปรักหักพัง ยามนี้มีคนผู้หนึ่งกำลังย่างกรายอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังอย่างช้าๆ
กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นซูฉี
หลังจากที่ประมุขมารจากไป ซูฉียังคงปิดด่านฝึกฝนมาโดยตลอด หลังจากทะลวงถึงระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว เขาถึงหนีออกมาจากหุบเขาลึก กลับไปยังสำนักมารปีศาจ
ทว่า หลังจากกลับมาที่สำนักมารปีศาจแล้ว พวกศิษย์ที่ขัดหูขัดตาเขาในอดีตก็เริ่มพุ่งเป้ามาที่เขาอีกครั้ง เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปซูฉีจึงฆ่าสังหารศิษย์เหล่านั้น จนผู้อาวุโสของสำนักเดือดดาล กักขังเขาไว้ในคุกใต้ดินของสำนักมารปีศาจ ทุกวันถูกทรมาน
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คุกใต้ดินพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่าศิษย์ที่เฝ้าอยู่ในคุกใต้ดินก็พากันจากไป ไม่หวนกลับมาอีก
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ซูฉีรักษาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด บำรุงและฟื้นฟูตนเอง จวบกระทั่งวันนี้ เขาทำลายข้อห้ามที่สำนักมารปีศาจควบคุมตัวเขาไว้ และสามารถหลบหนีออกมาจากสำนักมารปีศาจ
ทันทีที่เขาออกมา ซูฉีก็ต้องตะลึงกับฉากตรงหน้า
หลายเดือนผ่านไป ซากศพของสำนักมารปีศาจไม่มีใครจัดการ ทั้งหมดล้วนเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น คราบเลือดนองทั่วพื้นดิน ทำให้ซูฉีคลื่นไส้อยากจะอาเจียน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตายหมดเลยหรือ”
ซูฉีตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง
ทันใดนั้นเขาก็พลันคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
หรือจะเป็นฝีมือของอาจารย์?
แต่เหตุใดอาจารย์ถึงไม่ช่วยข้าออกมาจากจากคุกใต้ดิน
ช้าก่อน!
สำนักมารปีศาจล่มสลาย ข้าก็สามารถกลับไปได้แล้วมิใช่หรือ และเส้นทางกลับนั้นก็เป็นการทดสอบอีกสนามหนึ่ง!
มิน่าเล่าอาจารย์ถึงไม่ปรากฏตัว
หลังจากที่ซูฉีเข้าใจแล้ว ก็พลันเบิกบานใจขึ้นมาทันที
เขายังคงเดินสำรวจต่อไปท่ามกลางซากปรักหักพังของประตูใหญ่ของสำนักมารปีศาจ เพื่อดูว่ามีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่
หากมี แน่นอนว่าเขาจะช่วยซ้ำเติม
เขาก็เกลียดชังสำนักมารปีศาจจริงๆ
ตั้งแต่เข้าร่วมกับสำนักมารปีศาจ เขายังไม่ทันได้สร้างเรื่องอะไรก็ตกเป็นเป้าหมายสารพัด ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ในที่สุดวันนี้ก็สามารถหลุดพ้น
นึกมาถึงตรงนี้ กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยเตะจมูกกลับทำให้ซูฉีรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมหวน
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป
ซูฉีบังเอิญพบชายชราผู้หนึ่ง หลังของเขางุ้มงอ เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม บนใบหน้าเองก็มีรอยคราบเลือดเป็นดวงๆ เขาคุกเข่าอยู่หน้าประตูสำนักมารปีศาจ สายตาว่างเปล่า
ทันทีที่เห็นเขา ซูฉีก็พลันได้สติขึ้นมา
คนของสำนักมารปีศาจ?
ดียิ่งนัก!
มือขวาของซูฉีไพล่ไว้ด้านหลัง ไอมารปรากฏกลางฝ่ามือ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เขาเดินไปทางชายชราผู้นั้น
ชายชราเหลือบสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากที่แห้งผากค่อยๆ เผยอออก น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแหบแห้ง “เจ้า…ศิษย์ของสำนักมารปีศาจ?”
ซูฉีเอ่ยถาม “ท่านคือใคร”
ชายชราถอนหายใจเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยเป็นศิษย์ของสำนักมารปีศาจ แต่ถูกอาจารย์ขับไล่ออกจากสำนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ได้สำเร็จ จึงอยากกลับมาดูก่อนที่จะบินขึ้นสวรรค์ แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสำนักจะพินาศย่อยยับ ข้าขุดหามาหลายวันหลายคืน แต่ก็ยังไม่พบร่างของอาจารย์”
ระดับฝ่าด่านเคราะห์!
ซูฉีตกใจจนรีบร้อนบีบไอมารในฝ่ามือให้แตกสลาย
เกือบส่งตัวเองไปตายแล้ว!
……
หลังจากที่หานเจวี๋ยทราบข่าวการล่มสลายของสำนักมารปีศาจ ไม่ถึงสองเดือน สิงหงเสวียนก็กลับมา
ทันทีที่กลับมา นางก็ไปหาหานเจวี๋ย
ครั้งนี้ นางไม่มีสมบัติอะไรที่จะมอบให้หานเจวี๋ย
“ข้างนอกเกิดความโกลาหล ไม่รู้ว่ามารปีศาจนามว่าพญาอสรพิษหยกโผล่มาจากที่ใด ฆ่าล้างสังหารเผ่ามนุษย์ โหดร้ายอย่างที่สุด ดูเหมือนว่าเขากำลังไล่สังหารบุตรบุญธรรมที่ทรยศเขา สามี พญาอสรพิษหยกจะสังหารมาถึงต้าเยี่ยนหรือไม่ ได้ยินมาว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าเจ้าสำนักของสำนักไร้ลักษณ์ก็ตายในเงื้อมมือของพญาอสรพิษหยก สำนักไร้ลักษณ์ล้อมปราบเขาจนต้องล่าถอยออกมา อีกทั้งยังล้มตายบาดเจ็บสาหัส”
สิงหงเสวียนกล่าวอย่างกังวล คิ้วขมวดยับย่น
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น พญาอสรพิษหยกอีกแล้ว!
แม้กระทั่งสำนักไร้ลักษณ์ก็ทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นคงโหดร้ายจริงๆ
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างใจเย็น “ดูเถิด หากโจมตีมาถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ และข้าเอาชนะเขาไม่ได้ ข้าก็จะพาเจ้าหนีไป”
เมื่อสิงหงเสวียนได้ฟัง ในใจพลันมีความสุขมาก
นี่หมายความว่านางเข้าไปในหัวใจของหานเจวี๋ยแล้ว?
“จริงสิ ตอนที่ข้ามาก็พบว่ามีถ้ำเทวาอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้ เป็นของใครหรือ” สิงหงเสวียนแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
หานเจวี๋ยเอ่ยโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “เป็นของเซียนซีเสวียน ข้าเชิญนางมาเอง เพื่อที่นางจะได้ฝึกฝนได้สะดวก”
“สามีเป็นห่วงนางมากหรือ”
“อืม ถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นอาจารย์ของข้า”
“เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์?”
“เจ้าถามมากมายเช่นนี้เพื่ออะไรกัน เจ้าคิดอยากจะสอนข้าหรือ”
“มิกล้าๆ…สามีมีความสุขก็ดีแล้ว”
สิงหงเสวียนน้อยใจ ทั้งยังกลัวว่าจะทำให้หานเจวี๋ยไม่พอใจ
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าปกติว่า “บุรุษในโลกนี้ มากชู้หลายเมียเป็นเรื่องปกติ เจ้าดูบรรดาผู้อาวุโสในสำนักสิ ผู้ใดบ้างที่ไม่มีคู่ฝึกบำเพ็ญเพียรหลายคน หลังจากนี้ข้าก็อาจจะมีคู่บำเพ็ญเพียรคนอื่นเช่นกัน แต่หากให้ข้าตัดสินใจแต่งกับใครก่อน เวลานี้ข้าก็เลือกเจ้า”
สิงหงเสวียนได้ยินเช่นนี้ก็พลันตื่นเต้นดีใจ กอดแขนของหานเจวี๋ยแล้วแค่นเสียงเอ่ยว่า “ข้าก็รู้ว่าสามีไม่มีทางลืมเรื่องดีๆ ของข้าแน่!”
หานเจวี๋ยหัวเราะ ไม่ได้ต่อวาจาอีก
โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรช่างดีจริงๆ
หากเป็นในยุคปัจจุบัน คงเป็นเรื่องดราม่าแล้ว!
จากนั้น สิงหงเสวียนก็เริ่มซุกซน
“สามี…ข้าอยาก…”
“อยากอะไร ไม่ฝึกฝนหรือ”
“นี่ก็เป็นการฝึกฝนอีกแบบมิใช่หรืออย่างไร มาเถอะ คราวนี้เจ้าต้องถลำเข้าไปนิด ป่าเถื่อนหน่อยๆ…”
“หึ ฝันไปเถอะ เจ้านั่งลงก่อน!”
……
หนึ่งเดือนต่อมา สิงหงเสวียนจากไป
หานเจวี๋ยยังคงฝึกฝนต่อ หลังจากสิงหงเสวียนเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ เขาก็หวาดกลัวพญาอสรพิษหยกมากขึ้น
ไม่ได้!
ต้องทะลวงสู่ระดับรวมกายาขั้นแปดโดยเร็วที่สุด!
ในเวลาเดียวกันนั้น
อำนาจอันน่าเกรงขามของพญาอสรพิษหยกได้พัดเข้ามาในแดนต้าเยี่ยน แต่ละสำนักต่างตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ในสายตาของพวกเขาสำนักไร้ลักษณ์เป็นสัตว์ใหญ่มหึมาที่ไม่สามารถเอาชนะได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีจอมปีศาจที่สามารถเอาชนะสำนักไร้ลักษณ์ได้เพียงลำพังปรากฏออกมา แล้วพวกเขาจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร
แทบจะทุกสำนักต่างส่งคนมาที่สำนักหยกพิสุทธิ์เพื่อติดต่อกับหลี่ชิงจื่อ ทั้งหมดล้วนหวังว่าจะได้รับการคุ้มครองจากสำนักหยกพิสุทธิ์
หากพญาอสรพิษหยกไล่สังหารเข้ามาจริง ต้าเยี่ยนหรือสำนักหยกพิสุทธิ์อาจจะมีกำลังต้านทานได้
หลี่ชิงจื่อได้ยินข่าวนี้ก็รีบส่งศิษย์แกนหลักออกจากต้าเยี่ยน มุ่งหน้าไปยังเขตอื่นๆ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพญาอสรพิษหยก
สามปีผ่านไป
หานเจวี๋ยค้นพบเรื่องที่ไร้เหตุผลเรื่องหนึ่ง
หญ้าพยาบาท อืม หญ้าโลกาสวรรค์ดูเหมือนจะเป็นดรุณีน้อย
สติปัญญาของหญ้าโลกาสวรรค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกฝนอยู่นั้นพลันได้ยินเสียงของมันที่ส่งเข้ามา เบาบางยิ่งนัก ราวกับเด็กผู้หญิง
นี่ก็แปลกเกินไป
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงพูดได้”
เขาก็ไม่เคยสอนหญ้าโลกาสวรรค์มาก่อน
“ความทรงจำของข้ากำลังฟื้นคืน ดูเหมือนข้าเคยมีชีวิตมาก่อน…” หญ้าโลกาสวรรค์ตอบอย่างระมัดระวัง
มีความทรงจำ?
หานเจวี๋ยพลันระวังตัวขึ้นมา เจ้านี่คงไม่ใช่ร่างแปลงของเทพเซียนกระมัง
เขาใช้พลังจิตเพื่อสัมผัสกลิ่นอายพลังของหญ้าโลกาสวรรค์ ไม่ได้แข็งแกร่งนัก เพียงเท้าเดียวเขายังสามารถเหยียบย่ำให้ตายได้
“ท่านเป็นนายท่านของข้าหรือ” หญ้าโลกาสวรรค์เอ่ยถาม
หานเจวี๋ยกล่าว “ไม่ใช่ ข้าเป็นบิดาของเจ้า”
………………………………………………………….