ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1032 โลกผลาญนภา
บทที่ 1032 โลกผลาญนภา
“ไม่ว่าจริงหรือเท็จ การยกระดับตบะของตนสำคัญที่สุด วันพินาศของมรรคาสวรรค์ยังมาไม่ถึงหรอก”
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงเรียบเฉย
พอหวงจุนเทียนได้ยินวาจานี้ก็ยิ่งคิดไปใหญ่
ห้าสิบล้านปีก่อน ตัวตนลึกลับจากโลกมหามรรคอวิชชาโจมตีฟ้าบุพกาล แต่ก็ถูกสะกดไว้อย่างรวดเร็ว
ที่แท้แล้วเหนือฟ้าบุพกาลซุกซ่อนตัวตนเหนือชั้นที่ยากจะจินตนาการไว้มากมายแค่ไหนกันแน่
หานเจวี๋ยและหวงจุนเทียนพูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็สิ้นสุดแดนความฝัน
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สอดส่องดูหานป้าเสินที่อยู่ในอารามเต๋าด้านข้าง พบว่าพิสูจน์อริยะมหามรรคแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หลิงเอ๋อร์ พ่อมอบสิทธิ์เข้าใช้แบบจำลองการทดสอบให้หานป้าเสินแล้ว เข้าไปชี้แนะเขาทีว่าใช้งานอย่างไร”
หานหลิงลืมตาขึ้นแล้วออกไปทันที
หานเจวี๋ยมองลงไปยังก้นบึ้งฟ้าบุพกาล มารร้ายที่ผันแปรมาจากจิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาลเริ่มกระจายตัวขึ้นมาแล้ว เพิ่มจำนวนมหาศาล ดวงจิตมหามรรคเข่นฆ่าไม่หมดไม่สิ้น หานทั่ว อี๋เทียนและเหล่าเทวทัณฑ์ก็มุ่งหน้าไปกำจัดมาร สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
เหลืออีกสองแสนปีก็จะถึงช่วงจัดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแล้ว คาดว่าในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้คงมีภารกิจกำจัดมารร้ายรวมอยู่ด้วย
หานเจวี๋ยสร้างร่างแยกร่างหนึ่งขึ้น พอถึงเวลาก็ให้พาคู่บำเพ็ญและเหล่าศิษย์มุ่งหน้าไปร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล ส่วนร่างจริงของเขาจะฝึกบำเพ็ญต่อไป มุ่งมั่นทะลวงขั้น
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็เริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญ
อีกด้านหนึ่ง หานป้าเสินเริ่มประลองกับหานหลิงในแบบจำลองการทดสอบแล้ว
หานหลิงตั้งใจให้หานป้าเสินมาประลองกับตนก่อน หานป้าเสินตื่นเต้นยิ่ง ฝึกบำเพ็ญมาเนิ่นนานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้ลงมือแล้ว
เขาก็อยากทดสอบพลังของท่านบรรพชนหานหลิงเช่นกัน!
จากนั้น…
รอจนหานป้าเสินได้สติกลับมา สายตาที่มองหานหลิงแฝงความหวาดหวั่นเล็กน้อย
เขาไม่คิดเลยว่าบรรพชนหานหลิงที่ดูอ่อนโยนยามต่อสู้ขึ้นมาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ราวกับเป็นคนละคน
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เทียบกับข้าแล้วเจ้าห่างชั้นไกลโข แต่เจ้าสามารถไปประลองกับคนอื่นๆ ได้ แบบจำลองการทดสอบรวบรวมสรรพสิ่งไว้ เจ้าสามารถเลือกท้าประลองได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นระดับใดล้วนมีทั้งสิ้น”
หานป้าเสินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง พยักหน้าจากนั้นก็เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ เริ่มเลือกท้าทายคู่ต่อสู้
เขาค้นหาอริยะมหามรรค เขาไม่คิดจะไปเล่นกับพวกอ่อนหัดในระดับที่ต่ำกว่าอริยะมหามรรคเลย
ในไม่ช้าเขาก็เสพติดลุ่มหลง
หลายวันต่อมา เขาสร้างความมั่นใจขึ้นมาเต็มที่แล้ว
บรรพชนหานหลิงเอาชนะเขาได้ จะต้องอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเขาแน่นอน
แต่ในระดับเดียวกัน เขาก็นับว่าไร้พ่ายแล้ว!
เขาพลันบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น
ท่านปฐมบรรพชนหานเจวี๋ยจะมีพลังระดับใดกัน
เขาเลือกท้าทายหานเจวี๋ยทันที
….
ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล ณ เมืองทศพิธ
เนื่องจากงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่สองมาถึงแล้ว เมืองทศพิธจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกทั้งมีเสียงครึกโครมแว่วมาจากนอกเมืองไม่ขาด นั่นคือเสียงเหล่าผู้ทรงพลังกำลังต่อสู้กับมารร้ายอยู่
หลายล้านปีมานี้ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลเต็มไปด้วยมารร้ายลึกลับ มารร้ายเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ชอบการทำลายล้างและฆ่าฟัน มีผู้ทรงพลังและบุตรแห่งสวรรค์ไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อใต้กรงเล็บของพวกมัน
ร่างแยกของหานเจวี๋ยพาญาติมิตรมุ่งหน้ามา เป็นเช่นเดียวกับในครั้งก่อน ศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นและมรรคาสวรรค์จะจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน พวกเต้าจื้อจุนทั้งห้าก็มาด้วย คนส่วนใหญ่ไม่ได้พบกันมาหลายสิบล้านปี ล้วนกำลังทักทายสอบถามความเป็นไปของกันและกัน
บรรยากาศครื้นเครง ถึงแม้ศิษย์สำนักซ่อนเร้นจะต่างคนต่างไปแต่เพราะมีหมื่นโลกาฉายชัดอยู่ สายสัมพันธ์จึงไม่ห่างหายไป แม้ว่าจะต่อสู้กันแต่ก็จบลงเพียงเท่านั้น ไม่ได้โกรธแค้นผูกอาฆาต
แน่นอน เหตุผลสำคัญที่ทำให้ปรองดองกันอยู่ก็เพราะมีหานเจวี๋ยที่สามารถข่มพวกเขาไว้ได้
หานชิงเอ๋อร์มองซ้ายมองขวา เอ่ยถามออกไป “พี่รองล่ะ”
อี๋เทียนเอ่ยยิ้มๆ “พี่รองของเจ้าไม่สนใจมาร่วมงาน เขาได้เป็นเลิศล้ำหมื่นยุคแล้ว ไม่อาจเข้าร่วมได้อีก ตอนนี้เขาอยู่ที่เขตฟ้าบุพกาลใต้ เตรียมจะท้าทายสัตว์ร้ายบรรพกาลตนหนึ่ง สัตว์ร้ายตนนั้นเป็นตัวตนที่อยู่มาตั้งแต่ฟ้าบุพกาลถือกำเนิด ผสานพลังทำลายกาลเวลาไว้ ซ่อนตัวอยู่ในห้วงอดีตกาลและอนาคต มิได้อยู่ในปัจจุบันนี้”
หานชิงเอ๋อร์เบะปาก ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพี่รองถึงชอบต่อสู้นัก
สายตาของนางหันเหไปยังร่างของหานเหยาและหานเย่ เวลานี้ทั้งสองต่างห้อมล้อมอยู่รอบตัวหานอวิ๋นจิ่น พบหน้าบรรพชน
ถึงแม้ตระกูลหานจะปรากฏบุตรแห่งสวรรค์ขึ้นไม่น้อย แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลได้มีน้อยยิ่ง หานอวิ๋นจิ่นและหานอวี้พามาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ล้วนมิใช่อริยะมหามรรคทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ไม่บรรลุแม้แต่ระดับเสรีด้วยซ้ำ แต่หานเหยาและหานเย่เป็นอริยะมหามรรคที่มีชื่อเสียงอย่างแท้จริงแล้ว
เวลานี้เอง
หานหลิงเดินเข้ามา มีหานป้าเสินเดินตามหลัง
หานป้าเสินมีรูปร่างองอาจสง่างาม ราวกับสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์ ดึงดูดสายตาผู้คน
หานอวิ๋นจิ่นมองหานป้าเสิน สีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย นี่คือเชื้อสายของเขา
หานหลิงแนะนำให้ทุกคนรู้จักทันที เหล่าศิษย์สืบทอดต่างล้อมวงเข้ามาหา เชื้อสายที่สามารถติดตามบำเพ็ญอยู่ข้างกายหานเจวี๋ยได้คุณสมบัติย่อมแข็งแกร่งแน่นอน
หานเหยาและหานเย่เห็นหานป้าเสินกลายเป็นดาวเด่นถูกรายล้อมก็พากันขมวดคิ้ว
เด็กคนนี้โผล่มาจากไหนอีกแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ร่างแยกของหานเจวี๋ยกำลังหารือรายละเอียดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้อยู่
เนื่องจากงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรกประสบความสำเร็จน่าพึ่งพอใจ ทำให้งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่สองคึกคักยิ่งกว่าเดิม ในช่วงห้าสิบล้านปีนี้มีบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นในฟ้าบุพกาลไม่น้อย เรียกได้ว่าแต่ละรุ่นโดดเด่นเหนือกว่ารุ่นก่อนไปเรื่อยๆ อีกทั้งมีตัวตนบรรพกาลมากมายที่ออกจากเก็บตัวมาร่วมชมความสนุกสนาน
ไม่มีเทวาที่หนึ่งจากโลกมหามรรคอวิชชาคอยวางแผนเล่นงาน งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้คงราบรื่นกว่าเดิม
….
ณ ดินแดนเวิ้งว้าง
เทวีตราวินัยและหานฮวงยืนเคียงข้างกัน เทวีตราวินัยสูงใหญ่อย่างยิ่ง เมื่ออยู่ข้างกายนางหานฮวงดูเล็กจ้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่กลิ่นอายกลับแกร่งกล้ากว่า
สองดวงจิตมหามรรคมองไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อมองตามสายตาของพวกเขาไป ในส่วนลึกของดินแดนเวิ้งว้างปรากฏเป็นจุดดำๆ จุดหนึ่ง กำลังขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ
นั่นคือโลกมหามรรคแห่งหนึ่ง ใหญ่ไพศาลไม่ด้อยไปกว่าฟ้าบุพกาลเลย
เทวีตราวินัยเอ่ยขึ้นว่า “มองเห็นแล้วกระมัง นี่คือปฐมบทแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด เมื่อโลกมหามรรคทั้งสองแห่งมาบรรจบกัน ผู้ยิ่งใหญ่และบุตรแห่งสวรรค์ของสองโลกจะเข้าต่อสู้ห้ำหั่น ผู้ที่มีใจทะเยอทะยานเหล่านั้นจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ เปิดฉากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้น”
หานฮวงแค่นเสียงเอ่ย “มาก็มาสิ ข้าจะเป็นตัวแทนของฟ้าบุพกาลสกัดขวางผู้มารุกรานไว้”
เทวีตราวินัยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โลกมหามรรคแห่งนี้คือโลกผลาญนภา โลกผลาญนภาคงอยู่มาเนิ่นนาน เป็นโลกมหามรรคที่มีอายุมากที่สุดรองลงมาจากฟ้าบุพกาล”
“เช่นนั้นแปลว่าแข็งแกร่งที่สุดหรือ”
“มิใช่ ยังมีโลกมหามรรคอีกแห่งที่แข็งแกร่งกว่า กำลังอยู่ระหว่างเดินทางมา อีกหลายร้อยล้านปีให้หลังน่าจะปรากฏขึ้น”
“เทวี เหตุใดข้ารู้สึกว่าท่านรู้มากกว่าเทพมหาทัณฑ์อีกเล่า ท่านเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่”
หานฮวงขมวดคิ้วเอ่ยถาม ถึงแม้เทวีตราวินัยจะไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ทว่ามักจะให้ความรู้สึกลึกลับคาดเดายาก ทำให้เขามองไม่กระจ่างอยู่เสมอ
เทวีตราวินัยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าคือวินัย วินัยแห่งฟ้าบุพกาล หานฮวง ข้าเชื่อว่าเจ้าคือเทพมารอนธการ เทพมารอนธการจะต้องบุกเบิกอนธการขึ้นมา แต่เจ้าควรรอให้ยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึงจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นพลังแห่งอนธการจะย้อนกัดกินฟ้าบุพกาล เสมือนครั้งอดีตที่ฟ้าบุพกาลเข้าแทนที่อนธการ เป็นอันตรายต่อสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลและสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์”
หานฮวงเงียบไป
ในเวลานี้เอง!
เขาเงยหน้ามองออกไปในทันใด เห็นเพียงว่ามีแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากที่ไกลออกไปเกินจะเอื้อมถึง เขายื่นมืออกไปคว้าไว้ สิ่งที่อยู่ในมือคือแหวนวงหนึ่ง แหวนวงนี้ดูคล้ายจันทร์เสี้ยว แหว่งหายไปเสี้ยวหนึ่ง ทำให้มันไม่สามารถประกอบเป็นวงกลมที่สมบูรณ์ได้
หานฮวงขมวดคิ้วเอ่ยถาม “นี่คือสิ่งใด”
เทวีตราวินัยตอบว่า “แหวนของนักรบคนหนึ่งในโลกผลาญนภา แหวนวงนี้สามารถช่วยให้เจ้าก่อตั้งโลกมหามรรคได้ ช่วยเพิ่มพลังตระหนักรู้และพลังสรรค์สร้างให้เจ้า แต่หากเจ้าสิ้นชีพลงมันจะดูดซับพลังแห่งการสรรค์สร้างของเจ้าแล้วไปเติมเต็มให้นักรบคนนั้น
“เขากำลังประกาศศึกกับเจ้า หากเจ้าตาย เขาจะได้พลังสรรค์สร้างของเจ้า หากเขาตาย เจ้าจะได้พลังสรรค์สร้างของเขา”