ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1036 เผ่าเทพปฐมยุค วังจักรพรรดิมหาโชค
บทที่ 1036 เผ่าเทพปฐมยุค วังจักรพรรดิมหาโชค
หานเย่และหานเหยาทยอยมาถึงห้วงจักรวาลโลกดาราภายในระยะเวลาหมื่นปี หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งสองเข้าสู่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
ทั้งสองไม่ถูกชะตากัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยกลับไม่กล้าก่อเรื่องขึ้น
หานเจวี๋ยเรียกหานป้าเสินเข้ามารวมตัวกันภายในอารามเต๋า
หานเหยาและหานเย่รู้จักหานป้าเสินอยู่ก่อนแล้วจึงพยักหน้าให้เล็กน้อย สายตาของพวกเขามองไปที่ร่างของหานหลิง
พวกเขาล้วนมีความเย่อหยิ่งทระนงอยู่ในใจ ไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะรับใช้หานหลิง
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “จะให้พวกเจ้าเข้าไปประลองกันในแบบจำลองการทดสอบก่อน หานเหยา หานเย่ หานป้าเสิน พวกเจ้าต่อสู้กับหานหลิงพร้อมกันสามคน ขอเพียงเอาชนะหานหลิงได้ก็ไม่จำเป็นต้องรับใช้นาง”
พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ ทั้งสามคนตกตะลึงอดมองกันเองไม่ได้
หานเย่กำสองมือแน่น เอ่ยไปว่า “ไม่จำเป็นต้องสู้แบบกลุ่ม ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
หานเจวี๋ยคร้านจะพูดไร้สาระอีก จัดการส่งทั้งสี่คนเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบให้พวกเขาเข้าไปประลองตัดสินกัน
ทั้งสี่หลับตาลงพร้อมกัน
ผ่านไปไม่นานนัก สีหน้าของพวกหานเย่ฉายแววประหลาดใจ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสีหน้าของพวกเขาก็น่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองกลับไปที่หานหลิง นางยังคงมีสีหน้าสงบราบเรียบ
เวลาผ่านไปอีกสักพักหนึ่ง หานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินตัวสั่นไปหมด
แบบจำลองการทดสอบสิ้นสุดลง
ทั้งสี่ลืมตาขึ้นมา หานเย่และหานเหยามองไปที่หานหลิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ส่วนหานป้าเสินเคยชินเสียแล้ว ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ
ยังคงเลี่ยงไม่พ้นอยู่ดี
หานป้าเสินมองไปที่หานเจวี๋ย เขาไม่มีวันลืมเลือนฉากที่ได้เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย
ดาบแสงลึกลับเจ็ดสายนั้น ความรู้สึกกดดันเช่นนั้น ความทุกข์ทรมานปานนั้น…
หานป้าเสินคิดๆ แล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอีกครา
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ายอมสยบต่อข้า ยอมรับใช้ข้าหรือยัง”
หานเหยาเงียบงัน
หานเย่แค่นเสียง “ยินดียอมรับความพ่ายแพ้!”
เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงทันที ประสานหมัดคำนับ หานเหยาทำตามอย่างจนปัญญา หานป้าเสินก็ทำตามเช่นกัน
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “หานเย่คือสุดยอดดาวสังหาร หานเหยาคือดาวพิชิตสวรรค์ หานป้าเสินคือดาวจอมพลัง ส่วนมหาโชคของหานหลิงคือดาวจักรพรรดิอนธการ”
ดาวจักรพรรดิอนธการ!
หานเย่และหานเหยามีสีหน้าตกตะลึง หานเหยาอดถามไม่ได้ “หรือว่าบรรพชนหานหลิงก็คือเทพมารอนธการ”
ข่าวลือเรื่องเทพมารอนธการแพร่กระจายอยู่ในฟ้าบุพกาล เหตุผลที่ผู้นำกลุ่มอิทธิพลต่างๆ แย่งชิงอำนาจกันก็เพื่อจะกลายเป็นเทพมารอนธการ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นางมิใช่เทพมารอนธการ เทพมารอนธการคือบรรพชนหานฮวงของพวกเจ้า โลกมหามรรคของข้าผสานรวมดวงดาวนับไม่ถ้วนไว้ มหาโชคของพวกเจ้าล้วนได้รับมาจากดวงดาวของข้า”
ทั้งสี่มองเขาด้วยความตกตะลึง แม้แต่หานหลิงก็ตกใจเช่นกัน
นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าหานเจวี๋ยสามารถมอบพรสวรรค์ให้ชนรุ่นหลังได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นความจริง
หานเหยาและหานเย่กลับคิดไปมากกว่านั้น ที่แท้ที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ได้รับมาจากท่านปฐมบรรพชน…
“ดาวสังหาร ดาวพิชิต ดาวจอมพลังต่างเป็นกำลังหนุนแก่ดาวจักรพรรดิเพื่อสร้างมหากาพย์ทรงอำนาจขึ้นมา”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาทราบดีว่าประโยคนี้เป็นตนเอนเอียงเข้าข้างหานหลิงอย่างเห็นได้ชัด แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า
พวกหานเหยาทั้งสามก็ไม่ได้รู้สึกคับข้องใจแล้ว รู้สึกว่าเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลยอมรับได้
หานเย่ถาม “ในเมื่อเทพมารอนธการคือบรรพชนหานฮวง หากพวกเราช่วยเหลือบรรพชนหานหลิงแล้วจะสร้างมหากาพย์ใดได้ขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อติดตามนางพวกเจ้าจะได้คำตอบในไม่ช้าก็เร็ว เทพมารอนธการเป็นเพียงคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งที่สุด”
“จากนี้ข้าจะเทศนาธรรมให้พวกเจ้าถือว่าเป็นขวัญถุงก่อนออกเดินทางของพวกเจ้า”
เขาเริ่มเทศนาธรรมในทันใด เสียงธรรมชักนำพวกเขาเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้ แม้แต่หานหลิงก็ต้านทานไม่ได้เช่นกัน
หลายพันปีต่อมา พวกหานหลิงทั้งสี่ออกจากอาณาเขตเต๋า เริ่มออกท่องฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยมองอารามเต๋าที่ว่างเปล่า จู่ๆ ก็รู้สึกหักใจไม่ลงอยู่บ้าง
บุตรีที่อยู่ข้างกายตนมานานหลายสิบล้านปี ในที่สุดก็ออกจากอ้อมอกไปแล้ว
หานเจวี๋ยเพ่งสายตาเล็กน้อย เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นในอารามเต๋า ทั้งหมดล้วนเป็นเด็กน้อยทั้งชายและหญิงที่ร่างกายเปลือยเปล่า เป็นเผ่าพันธุ์ที่เขาสรรค์สร้างขึ้นจากมหารังสรรค์อนธการ
“นับจากนี้ไป พวกเจ้าก็คือเผ่าเทพปฐมยุค”
หานเจวี๋ยเอ่ยออกไป พอสิ้นเสียงของเขาข้อความแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้า
[เผ่าเทพปฐมยุค: ถูกสร้างขึ้นจากมหารังสรรค์อนธการ ผสานโชคแห่งโลกปฐมยุคไว้ เป็นอมตะมิวางวายในเขตแดนของโลกปฐมยุค สามารถควบคุมมหามรรคสามพันวิถีแห่งโลกปฐมยุคได้]
ตอนนี้เผ่าเทพปฐมยุคมีเพียงสิบแปดตนเท่านั้น ด้านคุณสมบัตินับว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของโลกปฐมยุค ไม่ด้อยไปกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านั้นเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาควบคุมมหามรรคสามพันวิถีได้ แปลงกฎเกณฑ์ให้กลายเป็นพลังของตนได้
หานเจวี๋ยเริ่มถ่ายทอดวิธีฝึกบำเพ็ญให้พวกเขา
หนึ่งพันปีต่อมา เขาส่งเผ่าเทพปฐมยุคเข้าสู่โลกปฐมยุค เดินทางไปกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
หานเจวี๋ยนั่งลงบนแท่นบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรอีกครั้งแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายและหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา
ผสานรวมยกระดับ!
[คำเตือน: สุดยอดสมบัติจะไม่ยอมรับนาย ทันทีที่ยกระดับสำเร็จจะตัดการเชื่อมโยงกับตราประทับควบคุมของท่าน]
หานเจวี๋ยเห็นแจ้งเตือนนี้ก็อดลังเลไม่ได้
เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด
หนังสือแห่งความโชคร้ายแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว เขากลัวจะเกิดปัญหา
ถึงอย่างไรตอนนี้หนังสือแห่งความโชคร้ายก็มีประโยชน์มาก
เก็บหินวิญญาณมรรคาสวรรค์เอาไว้แล้วกัน
หานเจวี๋ยเก็บหินวิญญาณมรรคาสวรรค์
จากนั้นเขาก็เริ่มสาปแช่งเจ้านวฟ้าบุพกาล
จะปล่อยให้เจ้านวฟ้าบุพกาลพิสูจน์เทพผู้สร้างสำเร็จในเร็ววันไม่ได้
ห้าวันต่อมา อายุขัยของเขาเริ่มลดลง เขาทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสาปแช่งไม่ออมพลังไว้เลย
จนกระทั่งชายขอบฟ้าบุพกาลปริแยกมารร้ายนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นในก้นบึ้งฟ้าบุพกาลอีกครั้งเขาถึงได้รามือ ส่วนตบะของเจ้านวฟ้าบุพกาลก็ได้รับความเสียหายอีกครั้ง
เสียอายุขัยไปสองพันล้านล้านล้านปี ค่อนข้างเจ็บปวดอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยไม่ได้สาปแข่งมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญต่อ ด้วยเกรงว่าหากสาปแช่งมากไปจะชักภัยมาสู่ตัวได้
ตอนนี้มีเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาลที่ถูกสาปแช่ง ทำเช่นนี้เจ้านวฟ้าบุพกาลจะได้มีเป้าหมายให้สงสัยมากขึ้น
‘ต่อไปก็เป็นสวรรค์ประทานโชค จะใช้เลยดีหรือไม่’
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจเก็บเอาไว้ก่อน
ปิดด่านก่อนแล้วกัน ถ่วงเวลาไปอีกสักระยะ หลังจากนั้นค่อยใช้สวรรค์ประทานโชค
….
ภายในอาณาเขตลึกลับ หวงจุนเทียนนั่งสมาธิอยู่บนแท่นบูชา รอบแท่นมีรูปสลักหินในอิริยาบถต่างๆ มากมายหลายร่างรายล้อมอยู่ คล้ายมนุษย์ดุจปีศาจ
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหวงจุนเทียน คุกเข่าลงข้างหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “เรียนเจ้าชะตา ระยะนี้ฟ้าบุพกาลมีกลุ่มอิทธิพลหนึ่งผงาดขึ้นมา มียอดมหามรรคสามรายทรงพลังอย่างยิ่ง ตามรายงานข่าวที่ทราบมา สองในสามคือหานเย่และหานเหยาที่ติดอับดับสิบยอดฟ้าขอรับ”
พอหวงจุนเทียนได้ยินก็ลืมตาขึ้นมา ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ผู้นำเป็นใคร”
“ไม่ทราบแน่ชัด สืบได้เพียงสมญาของเขาขอรับ…”
“สมญาใด”
“จักรพรรดิขอรับ!”
“จักรพรรดิหรือ”
หวงจุนเทียนเริ่มทำนายดู อาศัยเพียงคำว่าจักรพรรดิย่อมทำนายไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด
หวงจุนเทียนถาม “เป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร”
“ขณะนี้ยังไม่ทราบขอรับ จักรพรรดิเริ่มก่อตั้งวังจักรพรรดิขึ้น กำลังรับสมัครผู้บำเพ็ญที่มีคุณสมบัติเหนือชั้นเป็นจำนวนมาก พวกเขาบังคับชิงอาณาเขตหนึ่งไปครอบครอง ซ้ำยังได้รับอำนาจของมหามรรคห้าวิถีในแถบนั้นไป ประกาศออกมาว่ายินดีต้อนรับคำท้ารบจากผู้ทรงพลังกลุ่มต่างๆ ขอรับ”
หลังจากได้ฟังรายงานของลูกน้องหวงจุนเทียนก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
มีกลุ่มอิทธิพลหน้าใหม่ปรากฏขึ้นมากมาย แต่เมื่อมีหานเย่และหานเหยาเข้ามาเกี่ยวข้อง เขายิ่งต้องคิดให้มากเข้าไว้
หรือจะเป็นการจัดสรรของนายท่าน
มีความเป็นไปได้สูง
นายท่านจะทำสิ่งใดกัน
หวงจุนเทียนเอ่ยไปว่า “ออกไปเถอะ ส่งคนไปจับตามองวังจักรพรรดิอย่างลับๆ ด้วย”
“รับบัญชา!”
เงาร่างนั้นเลือนหายไป
หวงจุนเทียนเริ่มสำแดงพลังเวท เงาร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากในร่างเขา เป็นสื่อหยวนหงเหมิง
สื่อหยวนหงเหมิงเป็นเพียงร่างวิญญาณสายหนึ่งไร้ซึ่งใบหน้า
“หวงจุนเทียน ลางสังหรณ์ของข้ากล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจ้าต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ”
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยเสียงขรึม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
หวงจุนเทียนเอ่ยถาม “เตรียมตัวอย่างไร”
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยว่า “ทำตามข้า วิวัฒนาการเป็นเทพมารอนธการ!”