ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1122 ความหวังสุดท้าย
บทที่ 1122 ความหวังสุดท้าย
พวกหานฮวง สื่อหยวนหงเหมิง หวงจุนเทียน จ้าวซวงเฉวียน เทพมหาทัณฑ์ บรรพชนเทพปฐมกาล ดวงจิตนพชาติ จักรพรรดิ หานเย่ อู๋เซียงเทียนเซี่ย
เหล่าผู้ทรงพลังที่อยู่ในชั้นแนวหน้าของฟ้าบุพกาลล้วนตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้ออกคำสั่งโจมตี ยิ่งไม่มีขวัญกำลังใจต่อสู้แล้ว
ความสิ้นหวังและหวาดกลัวแผ่ขยายไปทั่วฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ จงใจเอ่ยเยาะเย้ย “พวกเจ้าต้องการยอมแพ้กันจริงๆ อย่างนั้นหรือ เดิมทีข้าคิดว่าฟ้าบุพกาลจะสู้จนถึงที่สุดเสียอีก ต่อให้ต้องตายก็จะขอสู้จนตัวตาย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าก่อนตายเจ้านวฟ้าบุพกาลผู้บุกเบิกฟ้าบุพกาลเอ่ยไว้เช่นไร
“เขาอ้อนวอนให้ข้าละเว้นฟ้าบุพกาล ละเว้นสรรพสิ่ง พวกเจ้าจินตนาการสภาพของตัวตนหนึ่งที่อยู่ในจุดสูงสุดของการบำเพ็ญ ควบคุมกาลเวลา ควบคุมชะตากรรมได้ ตัวตนเหนือชั้นที่ควบคุมสรรค์สร้างได้กลับมาขอร้องอ้อนวนข้าเหมือนมนุษย์ธรรมดาออกหรือไม่”
พอได้ยินวาจาของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เพลิงโทสะพลันพลุ่งพล่านขึ้นในทรวงของเหล่าผู้ทรงพลัง
หานฮวงเงยหน้ามองออกไป แววตาเปี่ยมเจตนาสังหาร
แม้แต่สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนก็เช่นกัน ใกล้จะระเบิดโทสะแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะสู้อย่างไรล้วนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้ ผู้ทรงพลังทั้งหมดในที่แห่งนี้ล้วนถือกำเนิดจากฟ้าบุพกาล ติดค้างหนี้บุญคุณฟ้าบุพกาล
แม้แต่ตัวตนเหนือชั้นอย่างผู้สร้างมรรคายังสู้จนถึงที่สุด ถึงขั้นตายในการต่อสู้ด้วย แล้วพวกเขายังจะกลัวอะไรอีก
แม้แต่สรรพสิ่งที่ชมการต่อสู้ผ่านความฝันล้วนถูกกระตุ้นโทสะแล้ว อยากจะสับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นหมื่นๆ ชิ้นใจแทบขาด
อนธการสิ้นแสงคำรามขึ้นมาพอดี ราวกับแซ่ซ้องชัยชนะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอยู่
ครืน…
หานฮวงกลายร่างเป็นเทพมารอนธการแล้วพุ่งเข้าโจมตีหานเจวี๋ย ต้องการฟาดฟันคมดาบทัณฑ์เทพในมือใส่หานเจวี๋ย แต่ถูกเขาบดขยี้ทิ้งอย่างง่ายดาย
เมื่อหานฮวงแสดงออกเช่นนี้หานเจวี๋ยถึงได้พอใจ
กล้าตอบโต้กลับแม้แต่ในสถานการณ์น่าสิ้นหวังเช่นนี้สิถึงจะสมเป็นบุตรชายของเขา
หากหานฮวงยอมแพ้ทั้งอย่างนั้น เช่นนั้นหานเจวี๋ยจะเปลี่ยนตัวคนอื่นมารับมหาโชคของมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ครั้งนี้แทน
“ศิษย์สำนักซ่อนเร้นจงฟัง บุกเข้าไป!”
ลี่เหยาชูกระบี่วิเศษของตนขึ้น เอ่ยเสียงเบา ศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั้งหมดเข้าโจมตีหานเจวี๋ยทันที
ถึงแม้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นจะหวาดกลัว แต่พอถึงเวลาที่ต้องสู้ก็ยังคงบุกเข้าไปเช่นกัน
ศิษย์สืบทอดของสำนักซ่อนเร้นหลายสิบคนเข้าโจมตีพร้อมกัน บรรดาเทพมารฟ้าบุพกาลต่างสำแดงพลังวิเศษมหามรรค ยิ่งใหญ่อลังการ ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวัง เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างระเบิดพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งใดที่ผ่านมา
หานเจวี๋ยโบกมือ ทำลายล้างพวกเขาจนสิ้น แต่ไม่ได้ทำลายวิญญาณ ศิษย์เหล่านี้ฟื้นฟูกายเนื้อกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
“วังจักรพรรดิมหาโชค สู้ตาย!”
หานหลิงเหาะเข้าหาอนธการสิ้นแสง สั่งการให้ทั้งวังจักรพรรดิมหาโชคเข้าโจมตีด้วยน้ำเสียงสุขุมทรงอำนาจ
กลุ่มอิทธิพลที่เหลือเองก็ทำเช่นนี้
พอเห็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็พอใจขึ้นมา
อย่างน้อยสำนักซ่อนเร้นที่ตนอบรมสั่งสอนมาก็มิใช่คนขี้ขลาด
ความกล้าหาญที่แท้จริงคือกล้าเผชิญหน้ากับความตาย เผชิญหน้ากับจุดจบที่ถูกลิขิตไว้แล้ว
หากมองในมุมของฟ้าบุพกาล เมื่อเจ้านวฟ้าบุพกาลดับสูญลงก็หมดสิ้นความหวังแล้ว
บางทีเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นอาจจะยังมีความหวังในตัวหานเจวี๋ยอยู่ แต่เหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลกลับไร้ความหวังแล้วจริงๆ
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยตระหนักได้ฟ้าบุพกาลก็ใช่ว่าจะไร้ความหมายเสียทีเดียว
บางทีอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปการณ์โดยรวมที่เป็นมาตลอดได้
ฟ้าบุพกาลกำเนิด อนธการสลาย ไร้สิ้นสุดกำเนิด ฟ้าบุพกาลสลาย วนเวียนไปเช่นนี้จะถึงจุดสิ้นสุดยามใด
ร่างหานเจวี๋ยพลันขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่โตยิ่งกว่าฟ้าบุพกาลทั้งผืน เขาชูมือขวาขึ้น อริยะมหามรรคนับหมื่นสลายเป็นหมอกควัน โลกนับไม่ถ้วนแหลกสลายป่นปี้
แต่เหล่าอริยะมหามรรคฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็สังเกตเห็นในข้อนี้แล้ว เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงไม่สังหารพวกเขา
อนธการสิ้นแสงอ้าปาก แลบลิ้นยาวออกมา เหล่าอริยะมหามรรคถึงได้สติกลับมา
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการตั้งใจปล่อยให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อของอนธการสิ้นแสงจริงๆ
“เช่นนี้สิถึงจะถูก ข้าชอบเห็นวิญญาณใกล้ตายต่อสู้ดิ้นรนจนตัวตายที่สุด!”
หานเจวี๋ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จงใจพูดเกินจริงกระตุ้นบรรยากาศน่าสิ้นหวัง สร้างแรงกดดันให้เหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลยิ่งขึ้น
พูดจบหานเจวี๋ยก็โน้มตัวก้มมองฟ้าบุพกาล นัยน์ตาแดงฉานคู่หนึ่งรวมถึงปากที่เต็มไปเขี้ยวยาวโง้งปรากฏขึ้นบนใบหน้ามืดมัว กลายเป็นสิ่งที่น่าพรั่นพรึงที่สุดในใจของสรรพสิ่ง
“พยายามดิ้นเข้าเถิด หวาดกลัวกันให้เต็มที่!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก้องสะท้อนอยู่ในฟ้าบุพกาล ราวกับสายฟ้าฟาด
เหล่าผู้ทรงพลังกรูกันเข้าโจมตีหานเจวี๋ย ถูกทำลายกายเนื้ออย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ทยอยเกิดใหม่ไม่ขาดสายและเข้าโจมตีต่อไป
อนธการสิ้นแสงถูกพวกเขามองข้าม แต่อนธการสิ้นแสงกลับไม่ได้หยุดนิ่งลงเลย ยังคงกลืนกินสิ่งมีชีวิตและโลกต่างๆ อย่างบ้าคลั่งต่อไป
เวลานี้ เหล่าผู้ทรงพลังที่ตกอยู่ในสงครามตัดสินความเป็นตายต่างลืมเลือนความกลัวไปแล้ว พวกเขาเพียงอยากสังหารเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเท่านั้น
หานเจวี๋ยซัดฝ่ามือสองข้างออกไป ทำลายล้างพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาแสร้งทำเป็นสุขสำราญ หัวเราะอย่างชั่วร้ายยิ่ง
เขาสังเกตเห็นว่าจู่ๆ เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดเหนือฟ้าบุพกาลที่หม่นแสงไปแล้วสว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังผสานตัวอยู่
พลังความปรารถนาของสรรพสิ่งถูกหลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์สูงสุดด้วยวิธีที่ไม่อาจรับรู้ได้ รายละเอียดในส่วนนี้แม้แต่ผู้สร้างมรรคาก็ยากจะรับรู้ได้ เห็นเพียงว่ากฎเกณฑ์สูงสุดสว่างขึ้นมา
‘น่าสนใจ’
หานเจวี๋ยคิดกับตัวเอง หากว่าเจ้าแดนต้องห้ามมีตัวตนอยู่จริงๆ แล้วมีตบะไม่ถึงระดับเทพผู้สร้างทั้งยังทำตัวกร่างเหมือนเขาในตอนนี้ สถานการณ์อาจจะกลับตาลปัตรไปจริงๆ
ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว ถ้อยคำสุดท้ายของเจ้านวฟ้าบุพกาลคงมิใช่คำขู่
หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อกฎเกณฑ์สูงสุดแห่งฟ้าบุพกาล ทำลายฟ้าบุพกาลต่อไป
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
สิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวินและเหล่าคู่บำเพ็ญต่างพากันมาที่หน้าอารามเต๋าของหานเจวี๋ย ศิษย์คนอื่นๆ ก็คุกเข่าอยู่หน้าอารามเต๋าเช่นกัน
การเข้าฝันของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้พวกเขามองเห็นเช่นกัน ทราบถึงสถานการณ์ที่ฟ้าบุพกาลกำลังเผชิญอยู่
หานเจวี๋ยปล่อยให้พวกนางเข้ามา
ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยนำขึ้นมาก่อน “ท่านพี่ ท่านเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งหมดกลับมาได้หรือไม่”
สตรีคนอื่นๆ ก็มองไปที่หานเจวี๋ยอย่างร้อนใจเช่นกัน
พวกนางไม่กล้าคาดหวังให้หานเจวี๋ยออกไปต่อสู้ ถึงอย่างไรพวกนางก็ได้เห็นความแข็งแกร่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว ไม่ใช่ตัวตนที่จะเอาชนะได้เลยจริงๆ
สิงหงเสวียนไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่หานเจวี๋ย
ท่านบอกว่าตนไร้พ่ายแล้วไม่ใช่หรือ
หากยังไม่ลงมืออีก บุตรธิดาจะตายกันหมดแล้ว!
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างจนปัญญา “เคลื่อนย้ายกลับมาไม่ได้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการปิดกั้นฟ้าบุพกาลแล้วเพื่อกันไม่ให้คนหนีรอดออกมาได้”
เหล่าสตรีเงียบงันไป
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยพึมพำ “พี่หญิงลี่เหยายังอยู่ด้านนอก…”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มองไปที่หานเจวี๋ย อึกอักลังเล
หานเจวี๋ยถอนหายใจ ค่อยๆ ลุกขึ้นมา “เอาเถอะ”
เขาลุกขึ้นยืน เริ่มยืดเส้นยืดสาย
“ท่านพี่ นี่ท่านจะ…”
เซวียนฉิงจวินถามด้วยความตื่นเต้น หากหานเจวี๋ยยอมลงมือ จะต้องมีความมั่นใจแน่!
ในที่สุดสิงหงเสวียนก็ยิ้มออกมา เช่นนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่เลยจริงๆ แต่เพื่อลูกๆ เพื่อลี่เหยา เพื่อเหล่าศิษย์ จำเป็นจะต้องลงมือแล้ว พวกเจ้ารอดูเถิด”
ชิงหลวนเอ๋อร์ทนไม่ไหวเอ่ยไปว่า “หากว่าไม่ไหวจริงๆ…มิสู้…”
นางอยากจะเอ่ยคำว่าแล้วไปเถอะออกมายิ่งนัก แต่ก็พูดยากเกินไป
บุตรชายของนางก็อยู่ด้านนอกเช่นกัน
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หากว่าสู้ไม่ได้ ข้าก็สามารถคืนชีพในอาณาเขตเต๋าได้ เอาละ พวกเจ้ากลับไปรอดูเถอะ”
พอสิ้นเสียง ยอดสมบัติบนร่างหานเจวี๋ยพลันเปล่งแสง แสงเทพพร่างพราว บดบังเรือนร่าง
….
หานฮวงฟื้นคืนชีพอีกครั้ง สองมือเขากำแน่น รับรู้ได้ถึงพลังเวทที่สลายไป ในใจเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ น่ะหรือ
ในเวลานี้เอง หานหลิงปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา เอ่ยขึ้นว่า “พี่รอง ข้ามีอยู่วิธีหนึ่ง”
นางถ่ายทอดเสียงหาหานฮวง พอหานฮวงฟังจบก็ปฏิเสธทันที “ไม่มีทาง! ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด!”
หานหลิงถอนหายใจ “ตอนนี้เหลือเพียงวิธีนี้ให้ลองดูเท่านั้น ขอเพียงปกป้องฟ้าบุพกาลไว้ได้ก็ยังมีโอกาสรอด ไม่ว่าจะต้องสังเวยไปมากมายเพียงใดก็ตาม”