ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1138 อาศัยตระกูลพิสูจน์มรรค
บทที่ 1138 อาศัยตระกูลพิสูจน์มรรค
“ต้นกล้าต้นนี้ไม่เลวเลย”
“ฮึ่ม ตระกูลหานไหนเลยจะมีลูกหลานสารเลวเช่นนี้ รนหาที่ตาย!”
“เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ เกิดมากำพร้ายากไร้ โชคดีที่บรรพชนอย่างข้าเล็งเห็น ข้าจะส่งเสริมเจ้าเอง”
“เด็กคนนี้ก็ไม่เลวเลย มีความอดทนนัก”
การพึมพำกับตัวเองของหานอวิ๋นจิ่น ล้วนอยู่ในสายตาของหานเจวี๋ย น่าขบขันอย่างยิ่ง
ผ่านไปนานพักใหญ่
หานอวิ๋นจิ่นยังคงจมอยู่ในภวังค์ของตน หานเจวี๋ยเห็นว่าเขาคงจะไม่สิ้นสุดการสอดส่องลงง่ายๆ ดังนั้นจึงกระแอมออกไปคราหนึ่ง
เสียงกระแอมเบาๆ นี้ทำให้หานอวิ๋นจิ่นสะดุ้งโหยงสั่นไปทั้งตัว พอหันกลับไปเห็นหานเจวี๋ย เขาผงะไป จากนั้นก็คุกเข่าโขกศีรษะให้ทันที
“คารวะ…ท่านพ่อ…”
หานอวิ๋นจิ่นประหม่านัก นึกเสียใจอยู่ภายในใจ หรือว่าท่านพ่อจะได้เห็นเรื่องน่าละอายเมื่อครู่ไปแล้ว
ท่านพ่อมาหาเขาน้อยครั้งยิ่ง ไม่คิดเลยว่าจะมาพบตอนที่เขาสอดส่องเชื้อสายรุ่นหลังอยู่พอดี
หานอวิ๋นจิ่นอับอายอย่างยิ่ง อยากจะแทรกแผ่นดินหนีใจแทบขาดแล้ว
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ล้อเลียนเขา ถึงอย่างไรสายสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกก็มิได้ชิดเชื้อกันเหมือนเขากับฉู่เสี่ยวชี เขาเริ่มสอบถามสถานการณ์ในช่วงนี้ของหานอวิ๋นจิ่น
ในใจหานอวิ๋นจิ่นตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม หรือว่าท่านพ่อจะมาเพื่อชี้แนะเขา
เขาทราบดีว่าท่านพ่อคือสุดยอดผู้แข็งแกร่ง ตามปกติแล้วไม่มีทางมาหาเขาอย่างไร้สาเหตุ
พูดคุยกันไปหลายชั่วยาม หานเจวี๋ยก็เริ่มเทศนาธรรม
เสียงธรรมของ เทพผู้สร้างชักนำอริยะมหามรรคอย่างหานอวิ๋นจิ่นให้เข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคทันที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด
เมื่อหานอวิ๋นจิ่นลืมตาขึ้นอีกครั้งก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ต่างไปจากเดิมแล้ว
เขานึกว่าผู้เป็นบิดาจากไปแล้ว ผลคือพบว่าท่านพ่อยืนอยู่ไม่ไกลออกไป กำลังเล่นกระจกของเขาอยู่
หานอวิ๋นจิ่นรีบเดินเข้าไปหา คารวะเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “นี่คือสมบัติวิเศษที่ลูกสร้างขึ้นจากบ่วงกรรมพื้นฐานของสายเลือดตระกูลหานขอรับ ไม่มีประโยชน์อะไร เพียงใช้สอดส่องลูกหลานตระกูลหานได้เท่านั้น ทำให้ท่านพ่อต้องขบขันแล้ว”
ด้วยความสามารถของหานเจวี๋ย ไม่จำเป็นต้องมีสมบัติพรรค์นี้เลย ทอดสายตามองคราเดียวก็มองเห็นลูกหลานทั้งหมดที่กระจายตัวอยู่ตามปวงสวรรค์หมื่นโลกาได้
แม้ว่าหานอวิ๋นจิ่นจะประหม่าและสำรวมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ย แต่ในมรรคาสวรรค์ ความทรงอำนาจของเขาอยู่ในลำดับชั้นเดียวกันกับเหล่าอริยะรุ่นอาวุโสเลยทีเดียว
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย จะว่าไป ที่ตระกูลหานแตกกิ่งก้านสาขาออกไปได้ล้วนเป็นผลงานของเจ้า ถึงเจ้าจะไม่ได้มีคุณสมบัติในการบำเพ็ญเช่นเดียวกับพี่ชายพี่สาว แต่ความมานะและทุ่มเทของเจ้าอยู่ในสายตาของพ่อมาตลอด พ่อพอใจมาก ในบรรดาบุตรธิดาของพ่อเจ้าคือคนที่ทำให้พ่อพึงพอใจและมีความหวังที่สุด”
วาจานี้ทำให้หานอวิ๋นจิ่นตื้นตันอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่น้ำตาคลอเบ้าแล้ว
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยชมเชยเขาเช่นนี้เลย สิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็คือคำพูดประโยคนี้
ตอนนี้เขาไม่ขาดเหลือสิ่งใดแล้ว แต่สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดคือการยอมรับจากบิดา การยอมรับจากตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด
หานอวิ๋นจิ่นพยายามควบคุมอารมณ์ รู้สึกว่าความมุมานะตลอดหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมาของตนไม่ได้เสียเปล่าแล้ว
หลังจากหานเจวี๋ยมอบยอดสมบัติฟ้าบุพกาลชิ้นหนึ่งให้หานอวิ๋นจิ่นแล้วก็จากไป ส่วนในอนาคตหานอวิ๋นจิ่นจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น เขาไม่ได้ชี้แนะ บุตรชายคนนี้ทำได้ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดชี้แนะอีก
พอบิดาจากไป ภายในตำหนักใหญ่เงียบสงัดลง หานอวิ๋นจิ่นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
เขาเข้าใจความหมายของท่านพ่อแล้ว!
ท่านพ่อต้องการให้เขาพัฒนาตระกูลหานต่อไป เช่นนี้แปลว่ามอบอำนาจดูแลตระกูลหานให้เขาแล้ว
บางทีนี่อาจจะเป็นหนทางพิสูจน์มรรคสำหรับเขา
ผู้อื่นอาศัยโลกพิสูจน์มรรค แต่เขาอาจจะอาศัยตระกูลพิสูจน์มรรคได้!
….
ณ แดนลับเชื่อมวิถี มีโลกมนุษย์สามัญนับไม่ถ้วนห้อมล้อม โลกสามัญเหล่านี้ล้วนซ้อนทับถมกันอยู่ ด้านบนสุดคือแดนเซียน ผู้บำเพ็ญทั้งหมดล้วนมีระดับเหนือกว่ามหายานขึ้นไป ด้านล่างคือโลกสามัญสรรพสิ่งดำเนินทุกขเวทนา
ส่วนในพื้นที่ศูนย์กลางของโลกมากมาย มีแผ่นศิลานับไม่ถ้วนก่อตัวกันกลายเป็นแผ่นดินผืนหนึ่ง ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ภายในฟากหนึ่งของแดนเซียน
ฉู่เสี่ยวชีขี่เมฆาเหาะเหิน ออกท่องโลกา
หลังจากโบยบินขึ้นมา เขาออกตามหาถังหว่านไปทั่ว แต่ในแดนเซียน สตรีที่มีนามเช่นนี้มีจำนวนนับไม่ถ้วน ถ้าอาศัยค้นหาจากรูปโฉม ยังคงนับว่าเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร
หลายร้อยปีผ่านไป ฉู่เสี่ยวชีออกท่องเที่ยวแดนเซียนพลางค้นหาไปด้วย แต่ไม่เคยพบเบาะแสร่องรอยของถังหว่านเลย แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง เนื่องจากเขาได้รับโอกาสวาสนาไม่น้อย พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดมา
ประสบการณ์ในหลายปีมานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่ามีสีสันและคู่ควรเป็นตำนานได้ น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นที่ท่านปู่เคยเล่าให้ฟัง
ในวันนี้ ฉู่เสี่ยวชีเดินทางมาถึงเขตตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง
ทั่วแดนเซียนล้วนมีสำนักเทพเซียนอยู่ รับผิดชอบดูแลสามภพ แดนเซียนแห่งนี้เองก็มีเช่นกัน เหล่าเทพเซียนถูกเรียกโดยรวมว่าเผ่าเทพ
ตอนนี้เผ่าเทพกำลังเปิดรับเทพเซียนในเขตตระกูลเซียนแห่งนี้อยู่ ฉู่เสี่ยวชีรู้สึกว่าหากตนกลายเป็นเทพเซียนอาจจะตามหาถังหว่านพบ อย่างน้อยก็สะดวกกว่าฐานะของเขาในตอนนี้มาก เทพเซียนสามารถผ่านเข้าออกสามภพได้
ด้วยระดับตบะของฉู่เสี่ยวชีเข้าแดนเทพเซียนได้ไม่ยากเย็นเลย
เพียงแต่เรื่องที่ทำให้ฉู่เสี่ยวชีแปลกใจที่สุดคือเขามิใช่คนที่โดดเด่นที่สุด ในงานชุมนุมเซียนครั้งนี้คนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ฝูงชนคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเขาเสียอีก นามว่าเฉินเจวี๋ย ตบะห่างชั้นจากเขามากนัก
เป็นครั้งแรกที่ฉู่เสี่ยวชีได้พบบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้
นับว่าเขาได้เปิดโลกทัศน์แล้ว
หลังจากกลายเป็นเทพเซียน เฉินเจวี๋ยอย่างคงโดดเด่นอย่างยิ่ง ฉู่เสี่ยวชีได้ยินข่าวลือของเขาอยู่บ่อยครั้ง
ในไม่ช้าเฉินเจวี๋ยได้กลายเป็นเป้าหมายของฉู่เสี่ยวชีไปโดยไม่ทันรู้ตัว ถึงขั้นที่ไม่ได้เร่งร้อนจะตามหาถังหว่านขนาดนั้นอีกต่อไป
….
บนยอดเมฆาขาว พระราชวังโอ่อ่าดั่งดาวฤกษ์ ภายในสวนแห่งหนึ่ง
หานทั่วและหานอวิ๋นจิ่นสองพี่น้องกำลังร่ำสุรากันอยู่
หานอวิ๋นจิ่นถามด้วยความอยากรู้ “ฉู่เสี่ยวชีคนนี้คือศิษย์ของพี่ใหญ่หรือ คุณสมบัติธรรมดานัก”
การพบกันระหว่างเฉินเจวี๋ยและฉู่เสี่ยวชีย่อมมาจากการควบคุมของสองพี่น้องคู่นี้
หานทั่วเอ่ยยิ้มๆ “อืม เด็กคนนี้พรสวรรค์ดาษดื่น แต่ดวงชะตาไม่ธรรมดา เฉินเจวี๋ยคุณสมบัติเลิศล้ำ แต่นิสัยไม่ได้เรื่อง ให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันจะได้กลายเป็นหินลับคมของกันและกัน”
หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยยิ้มๆ “เพราะเป็นคำพูดของท่าน ข้าถึงได้กล้าตอบตกลง พี่สี่ให้ความสำคัญกับเฉินเจวี๋ยมาก วังสวรรค์คิดจะรับตัวไปก็ยังถูกนางขวางเอาไว้”
พี่ใหญ่กับพี่สี่ คำพูดของผู้ใดมีน้ำหนักมากกว่ากัน เขายังคงทราบและชั่งน้ำหนักได้ คาดว่าหานหลิงก็คงไม่มีทางกล่าวโทษเขา
หานอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยถามออกไปว่า “แต่หากว่ากันในอีกมุมนึง แดนลับเชื่อมวิถีแห่งนี้อยู่ในการควบคุมของอู๋เซียงเทียนเซี่ย จะถูก…”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยไม่ปฏิเสธหากผู้ทรงพลังใดๆ จะส่งตัวบุตรแห่งสวรรค์เข้าสู่แดนลับเชื่อมวิถี เขากระตือรือร้นกับเรื่องนี้ยิ่ง
หานอวิ๋นจิ่นกังวลว่าเฉินเจวี๋ยจะถูกตัดตอนตั้งแต่เยาว์วัยภายในแดนลับเชื่อมวิถี
หานทั่วเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ข้ากับอู๋เซียงเทียนเซี่ยมีสายสัมพันธ์ไม่เลว ไม่ต้องกังวล”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยคือคนของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ ส่วนมหาเทวาพ้นนิวรณ์ ก็จงรักภักดีต่อหานเจวี๋ย อู๋เซียงเทียนเซี่ยย่อมไม่ลงมือกับคนตระกูลหานแน่นอน
หานอวิ๋นจิ่นไม่ทราบเรื่องราวในระดับชนชั้นของผู้สร้างมรรคา ดังนั้นถึงได้กังวล
แต่พอได้ยินหานทั่วรับประกัน หานอวิ๋นจิ่นก็สบายใจขึ้นเช่นกัน
หานทั่วยังคงเชื่อถือได้ยิ่งนัก อย่างน้อยก็พึ่งพาได้มากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ
“เรียนอริยะท่าน เทวีหยวนเฟิ่งประสบปัญหาในการคลอด ต้องการให้ท่านไปช่วยเหลือขอรับ!”
พอหานอวิ๋นจิ่นได้ยินก็ขมวดคิ้ว เทวีหยวนเซิ่งเป็นเซียนทองต้าหลัวแล้ว ไยจึงมีภาวะคลอดยากอีกเล่า
เขากล่าวอำลาหานทั่วทันที จากไปพร้อมกับลูกน้อง
เดิมทีหานทั่วไม่คิดจะใส่ใจ แต่จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาเหลียวมองทันที
“ความรู้สึกนี้…เป็นไปได้อย่างไร…”
ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น เชื้อสายตระกูลหานคนอื่นๆ ก็รับรู้ได้เช่นกัน
ณ อนธการ
ภายในตำหนักอันมืดมัว
หานฮวงที่นั่งสมาธิอยู่พลันลืมตาขึ้น ดวงตาสาดแสงสีโลหิต
………………………………………………………………