ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1148 ความเมตตาจากเทพผู้สร้าง
บทที่ 1148 ความเมตตาจากเทพผู้สร้าง
เพื่อพิสูจน์ผู้สร้างมรรคา เหล่าตัวตนในระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์เริ่มคิดหาหนทางกันทุกวิถีทาง คนที่คิดจะฉกชิงเอาคุณสมบัติมาเช่นเดียวกับหานหลิงก็มีอยู่ไม่น้อยเลย
หานเจวี๋ยไม่ได้มีข้อโต้แย้งต่อแนวคิดของหานหลิง
ในเส้นทางบำเพ็ญเดิมทีก็เป็นเส้นทางแห่งความเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อผู้แข็งแกร่ง ไม่อาจว่าอะไรได้
อีกอย่าง มารร้ายตนนั้นก็ไม่ใช่ตัวตนที่หานหลิงจะจัดการได้ง่ายๆ
หานหลิงและมารร้ายจะกลายเป็นหินลับคมให้กันและกันได้พอดี
ในช่วงหลายปีมานี้ หานฮวงออกท่องไปทั่วดินแดนเวิ้งว้าง จากแจ้งเตือนที่ปรากฏในกล่องจดหมายของหานเจวี๋ย หานฮวงได้ค้นพบสถานที่ใหม่ๆ ไม่น้อยเลย ความกระหายเลือดในแบบเทพมารอนธการค่อยๆ เลือนหายไปจากตัวเขา ดูคล้ายนักพรตผู้สูงส่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หานเจวี๋ยพอใจมาก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หานฮวงอาจจะกลายเป็นผู้สร้างมรรคารายแรกแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดจริงๆ
หานเจวี๋ยสอดส่องร่างแยกที่ส่งเข้าไปตรวจสอบห้วงเวลาต้นกำเนิด หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับจี้เซียนเสิน เขาก็ส่งร่างแยกของตนเข้าไปค้นหา การตามหาจี้เซียนเสินไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือต้องการสำรวจห้วงเวลาต้นกำเนิด
ห้วงเวลาต้นกำเนิดเลิศล้ำจริงๆ ตามกฎเกณฑ์ของดินแดนเวิ้งว้างแล้วโดยทั่วไปผู้บำเพ็ญสามารถปรับเปลี่ยนห้วงมิติได้ ถึงขั้นที่ทำลายล้างได้ด้วย แต่ห้วงเวลาต้นกำเนิดกลับต่างออกไป มันคงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ
ห้วงเวลาต้นกำเนิดพัฒนาขึ้นจากกฎเกณฑ์ของดินแดนเวิ้งว้าง มิใช่กระแสอดีตและอนาคตแห่งสรรพสิ่ง
โลกปฐมยุคของหานเจวี๋ยมีกฎเกณฑ์สูงสุดก่อตัวขึ้นเก้าสาย มีเพียงผู้สร้างมรรคาที่จะมองเห็นกฎเกณฑ์สายที่เก้าได้ ตอนนี้เขาวางแผนว่าจะอาศัยห้วงเวลาต้นกำเนิดก่อกฎเกณฑ์สูงสุดสายที่สิบขึ้น
ยิ่งมีกฎเกณฑ์มากเท่าไร โลกปฐมยุคก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
สมัยก่อนในตอนที่เจ้านวฟ้าบุพกาลบุกเบิกฟ้าบุพกาลขึ้นก็ไม่ได้มีมหามรรคถึงสามพันวิถี แต่เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงมีมหามรรคก่อกำเนิดขึ้นเป็นสามพันวิถี
ในอนาคตหานเจวี๋ยก็จะก่อสร้างกฎเกณฑ์สูงสุดให้มากขึ้นเช่นกัน จะให้บรรลุถึงสามพันสายเลยก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ฉู่เสี่ยวชีและเฉินเจวี๋ยตั้งตัวมั่นคงแล้ว หานเจวี๋ยวางแผนว่าจะกลับสู่สภาวะปิดด่านระยะยาวอีกครั้ง
เขายังคงอยากจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
หานเจวี๋ยค่อยๆ หลับตาลง
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เวลาล่วงเลยไปสิบล้านปี
เขาอายุห้าร้อยแปดสิบล้านปีแล้ว!
สิบล้านปีสำหรับยุคสมัยไร้สิ้นสุดแล้วเป็นระยะเวลาที่ยาวนานอย่างยิ่ง
หานเหลียงพิสูจน์อริยะมหามรรคสำเร็จแล้ว อีกทั้งมิได้อยู่ในระยะต้นแล้วด้วย เนื่องจากหานเจวี๋ยไม่ลืมตาขึ้นมาเขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามรบกวน
เขาเฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้มาตลอด!
หลังจากหานเจวี๋ยลืมตาขึ้นได้ไม่นาน เขาก็ตื่นจากสภาวะฝึกบำเพ็ญของตนทันที
เขายังไม่ทันได้อ้าปาก หานเจวี๋ยกลับเอ่ยว่า “เจ้าออกไปได้แล้ว”
“ขอรับ!”
หานเหลียงกระโดดลุกด้วยความตื่นเต้น ยังคงดูเหมือนเด็กคนหนึ่ง
เขาเอ่ยประจบเอาใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รีบออกจากอารามเต๋าไป
หานเจวี๋ยยิ้มน้อยๆ ทอดสายตามองเจตจำนงเจ้านวฟ้าบุพกาล ไม่ทราบเช่นกันว่าจะสยบทาสสำเร็จยามใด
เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหานทั่วบุตรชายของท่าน]
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพในห้วงอวกาศ] x8928723330
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่าน…]
….
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตระหนักรู้ในห้วงเวลาต้นกำเนิด พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ฉู่เสี่ยวชีหลานชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากดวงจิตมหามรรค ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานหลิงบุตรีของท่านเข้าสู่โลกปฐมยุค]
[หานเหลียงหลานชายของท่านตื่นรู้ในพลังแห่งสายเลือด พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[มหาเทวาพ้นนิวรณ์สหายของท่านตระหนักรู้ในเศษเสี้ยวหนึ่งของกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้าง พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเข้าสู่รอยแยกเวิ้งว้าง พลัดเข้าสู่อาณาเขตที่ไม่รู้จัก]
….
สิบล้านปีมานี้แวดวงสหายคึกคักนัก เริ่มเกิดการต่อสู้มากขึ้น
ลูกศิษย์และบุตรธิดาบางส่วนของหานเจวี๋ยเริ่มปะทะกันเองแล้ว เขาไม่ได้โกรธเคืองกับเรื่องนี้ กลับอ่านอย่างได้อรรถรส
หลังสำเร็จเป็นเทพผู้สร้าง ทัศนคติของหานเจวี๋ยเกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
สิ่งที่ในอดีตเคยใส่ใจ ตอนนี้ไม่ได้ใส่ใจมากขนาดนั้นแล้ว เนื่องจากเขามีความสามารถมากพอจะปกป้องและนำทุกสิ่งกลับคืนมาได้
หากโลกทัศน์ของเขาคงเดิมไม่แปรเปลี่ยน เขากลับจะรู้สึกว่าน่าเบื่อหน่าย
อีกทั้งเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปขัดขวางการต่อสู้ของชนรุ่นหลัง ยิ่งตบะสูงเท่าไรวงจรก็จะแคบลง ผลประโยชน์ที่สามารถฉกฉวยมาได้ก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ย่อมเกิดการต่อสู้กันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
ใครบ้างจะไม่อยากสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคา
หานเจวี๋ยพลันบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
เขาเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทันที
มหาเทวาพ้นนิวรณ์บุกเบิกโลกอันเป็นเอกเทศแห่งหนึ่งขึ้นเหนือเขตศูนย์กลางของดินแดนเวิ้งว้าง เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกตำแหน่งของเขา
มหาเทวาพ้นนิวรณ์คล้ายจะสัมผัสอะไรได้ ลืมตาขึ้นมาทันที พอมองเห็นหานเจวี๋ยเขาทำความเคารพอย่างนอบน้อมทันที วางตัวต่ำต้อย
เขาทราบดีว่าทุกสิ่งที่เขามีในยามนี้ล้วนได้มาจากหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยไม่ส่งตัวเขาเข้าคุกสวรรค์ปฐมยุคเป็นการให้รางวัลที่เขาเลือกฝั่งมาตั้งแต่แรก
“ข้ามีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคสายหนึ่งอยู่ มาจากโลกปฐมยุค เจ้าจงเรียกเหล่ายอดมหามรรคมาชุมนุมมอบโอกาสให้พวกเขาสักครั้ง ข้าได้โยนอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้ลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว ส่วนจะเป็นที่ใดนั้นพวกเขาต้องตามหาเอาเอง”
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นมา มหาเทวาพ้นนิวรณ์ได้ฟังก็อดเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้
“สามารถใช้พิสูจน์ผู้สร้างได้หรือไม่”
“อาจจะได้”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
จากนั้นหานเจวี๋ยนั่งลง เริ่มเทศนาธรรมให้แก่มหาเทวาพ้นนิวรณ์
หลังจากสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคา มหาเทวาพ้นนิวรณ์ไม่สดับธรรมมานานแสนนานแล้ว เนื่องจากการเทศนาของผู้ใดก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา แต่หานเจวี๋ยเป็นเทพผู้สร้างแล้ว
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตื่นขึ้นมา ภายในตำหนักไร้เงาร่างของหานเจวี๋ยแล้ว
เขาอดรำพันไม่ได้ “สมกับเป็นเทพผู้สร้าง”
เขาเรียกตัวยอดมหามรรคทั้งหมดในยุคสมัยไร้สิ้นสุดรวมถึงผู้สร้างมรรคามาทันที
ร้อยปีต่อมา อริยะยอดมหามรรคทั้งหมดต่างชุมนุมอยู่ภายในตำหนัก เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญล้วนมาถึงแล้ว
เหล่ายอดมหามรรคจากโลกปฐมยุคก็มาเช่นกัน ปัจจุบันนี้โลกปฐมยุคมิได้แบ่งแยกสันโดษจากโลกอื่นๆ อีกต่อไป
มหาเทวาพ้นนิวรณ์กล่าวว่า “ขณะนี้ปรากฏบ่วงกรรมหนึ่งอันเป็นสิ่งที่ท่านเทพประทานให้ นับเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับพิสูจน์ผู้สร้างด้วย ท่านเทพได้โยนอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคสายหนึ่งที่สร้างขึ้นลงสู่โลกเบื้องล่าง ส่วนจะอยู่ที่ใดนั้นข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”
พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ ภายในตำหนักเกิดเสียงฮือฮา
แม้แต่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญก็ตกใจอย่างยิ่งเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าหานเจวี๋ยจะนำพลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุดออกมามอบให้แก่สรรพสิ่ง
หานฮวง หานทั่ว หานหลิง หานชิงเอ๋อร์รวมถึงเหล่าเชื้อสายตระกูลหานก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน
ในไม่ช้าผู้ทรงพลังทั้งหมดก็ตระหนักถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมาได้
หายนะมาเยือนแล้ว!
เพื่อพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาให้ได้ พวกเขาจะต้องแย่งชิงกันจนหัวร้างข้างแตก แม้จะทราบดีว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่หายนะแต่พวกเขาก็จำเป็นต้องเข้าร่วม
“ขอบังอาจเรียนถามมหาเทวา อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคสายนั้นมีลักษณะเช่นไร”
ตี้จวินที่รอดชีวิตมาจากยุคฟ้าบุพกาลได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ผานกู่ หงจวิน สิบสองบรรพชนจอมเวท ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงตลอดจนตัวตนบรรพกาลจากมรรคาสวรรค์ก็รอคอยคำตอบอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตอบว่า “ข้าไม่ทราบ ข้าบอกพวกเจ้าได้เพียงว่าโอกาสวาสนานี้มีตัวตนอยู่จริง สิ่งนี้คือความเมตตาที่ท่านเทพมีต่อสรรพสิ่ง มอบโอกาสให้ครั้งหนึ่ง แต่หากคิดจะพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาไม่มีทางง่ายดายปานนั้นแน่นอน ต่อให้ได้รับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ไปพวกเจ้าก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดีเช่นกัน อย่าได้รีบร้อนใฝ่หาความสำเร็จ บรรดาเหล่าผู้สร้างไม่ว่าผู้ใดก็ใช้เวลาเนิ่นนานนับยุคไม่ถ้วนถึงหลุดพ้นจากมหามรรคมาได้”
วาจาของเขาทำให้ผู้ทรงพลังบางส่วนคล้อยตาม แต่ผู้ทรงพลังส่วนใหญ่เริ่มขบคิดแล้วว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคตอนนี้อยู่ที่ใด
………………………………………………………………