ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1151 แผนร้ายของจิตมาร
บทที่ 1151 แผนร้ายของจิตมาร
มหาโชคปฐมยุค!
ต่อให้ใช้เวลาหลายหมื่นล้านปีก็ต้องรอ!
ตอนนี้หานเจวี๋ยไม่ขาดแคลนเวลาเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้มีเขาเป็นเทพผู้สร้างเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ไม่ถูกสิ หลังจากอายุครบหมื่นล้านปี ระบบก็จะยกระดับเกณฑ์รางวัลทางเลือกเป็นทุกๆ หนึ่งหมื่นล้านปี…
หากเป็นเช่นนั้น ระยะเวลาก็จะยืดยาวออกไปไม่สิ้นสุด…
ดูเหมือนหากคิดจะยกระดับสายเลือดเทพมารปฐมยุคจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน
แทนที่จะคิดวิธีปรับปรุงสายเลือดของเขา มิสู้ยกระดับให้ถึงขีดจำกัดในปัจจุบันนี้ก่อนดีกว่า
ส่วนสวรรค์ประทานโชค หานเจวี๋ยยังไม่คิดจะใช้ในตอนนี้ รอจนสะสมครบหนึ่งร้อยครั้งแล้วค่อยใช้พร้อมกันทีเดียว จะต้องมีสีสันมากแน่นอน!
ใช้หนึ่งร้อยครั้งรวดเดียว อาจจะทำให้เกิดเชื้อสายที่เลิศล้ำขัดต่อวิถีสวรรค์ขึ้นมาสักคนก็เป็นได้!
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ พร้อมกันเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
นับตั้งแต่เขาโยนอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคออกไป การต่อสู้ในแวดวงสหายก็เพิ่มมากขึ้น
เขาพบว่ามีสหายมากมายมุ่งหน้าไปยังมรรคาสวรรค์ รวมถึงบุตรธิดาของเขาด้วย
คนพวกนี้คิดว่าเขานำอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคไปไว้ที่มรรคาสวรรค์อย่างนั้นหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร!
คิดจริงๆ น่ะหรือว่าข้าเป็นสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ที่มีจิตใจผูกพันกับมรรคาสวรรค์
หานเจวี๋ยยิ้มแวบหนึ่ง อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคเป็นสิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้ยังไปไม่ถึงมรรคาสวรรค์ ผู้ใดจะได้ไปครองขึ้นอยู่กับโชควาสนาทั้งสิ้น เขาไม่ได้ลำเอียงเล่นแง่เลย
หลังจากตรวจจดหมายเสร็จ เขาสอดส่องไปในดินแดนเวิ้งว้าง
ตอนนี้แดนลับเชื่อมวิถีกลายเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในยุคสมัยไร้สิ้นสุด งานชุมนุมที่อู๋เซียงเทียนเซี่ยจัดขึ้นประสบความสำเร็จยิ่ง ผลักดันบุตรแห่งสวรรค์ให้โดดเด่นขึ้นมามากมาย อีกทั้งทำให้ชื่อเสียงของทะเลสาบมหาวิถีแพร่สะพัดออกไปด้วย
ทะเลสาบมหาวิถี เมื่อเข้าสู่ทะเลสาบจะได้ตระหนักในมหามรรค เพิ่มพูนความเข้าใจในมหามรรค เมื่องานชุมนุมครั้งนี้สิ้นสุดลง มีอริยะมหามรรคถือกำเนิดขึ้นจากทะเลสาบมหาวิถีถึงสามสิบสามคน ผลลัพธ์นี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วหล้า
ตำแหน่งของแดนลับเชื่อมวิถีดังเรือลอยลำตามน้ำสูง เรียกได้ว่าอู๋เซียงเทียนเซี่ยเบิกบานมีชีวิตชีวานัก เตรียมการมาหลายสิบล้านปี สร้างชื่อเสียงก้องหล้าได้ในครั้งเดียว
การประสบความสำเร็จของแดนลับเชื่อมวิถีทำให้กลุ่มอิทธิพลต่างๆ หันมาเอาเยี่ยงอย่าง ชั่วขณะนั้นมีสถานที่จำพวกน้ำพุมหาวิถี เขาเทวะมหาวิถีต่างๆ นานา ที่คล้ายคลึงกับทะเลสาบมหาวิถีปรากฏขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน
น่าเสียดายที่ทั้งหมดล้วนไม่อาจสู้ทะเลสาบมหาวิถีแห่งแดนลับเชื่อมวิถีได้!
ทะเลสาบมหาวิถีคือผลงานจากฝีมือผู้สร้างมรรคา!
อีกทั้งผู้สร้างมรรคารายนี้ก็เป็นผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดในยุคสมัยไร้สิ้นสุดอีกด้วย
หานเจวี๋ยเข้าใจแนวคิดของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ดี แต่เขาไม่ได้รู้สึกขัดข้องเลย สั่งสมอำนาจเพิ่มให้ตัวเองเช่นนี้เป็นความเห็นแก่ตัวที่ปกติทั่วไปนัก อีกทั้งผลงานของอู๋เซียงเทียนเซี่ยก็ยอดเยี่ยมนัก ทำให้หานเจวี๋ยพอใจมาก
ฉู่เสี่ยวชีและเฉินเจวี๋ยฝ่าฝันอุปสรรครายล้อมจนสำเร็จเป็นส่วนหนึ่งในสามสิบสามอริยะมหามรรคได้ทั้งคู่
แต่หานเหลียงกลับเลิศล้ำยิ่งกว่า พิสูจน์ยอดมหามรรคได้และกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นที่สุดในงานชุมนุมครั้งนี้ ชื่อเสียงเขาแพร่กระจายไปทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุด ถูกขนานนามให้เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่เลิศล้ำที่สุดในหมู่บุตรแห่งสวรรค์!
หลานชายแห่งเทพผู้สร้าง คุณสมบัติกายไม่ด้อยไปด้วยเทพมารอนธการเลย!
หานเจวี๋ยล้วนพึงพอใจกับผลงานของหลานชายทั้งสองยิ่งนัก
พวกเขาโลดแล่นแล้ว หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องห่วงใยจนเกินไปอีก
“เส้นทางนับจากนี้ไป พวกเจ้าจงก้าวเดินด้วยตัวเองเถิด”
หานเจวี๋ยพึมพำ เสี้ยวจิตที่แบ่งไว้คอยติดตามพวกเขาพลันสลายไปดั่งหมอกควัน
เขาปล่อยบุตรธิดาออกไปไม่น้อยแล้ว ย่อมไม่มีทางยึดติดกับหลานคนใดคนหนึ่งเกินไป
อีกด้านหนึ่ง
ฉู่เสี่ยวชีและหานเหลียงลืมตาขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน พวกเขาขมวดคิ้ว ในใจวูบโหวงกระวนกระวายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับสูญเสียสิ่งใดไป แต่เป็นสิ่งใดนั้นพวกเขาทำนายไม่พบ
ความรู้สึกประหลาดเช่นนี้ทำให้พวกเขาอึดอัดนัก
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดไขว่คว้าเช่นไรก็ไม่สามารถทำนายได้
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
รอให้อายุครบพันล้านปีค่อยคัดเลือกเชื้อสายทายาทสักคนมาเลี้ยงดูอยู่ข้างกายแล้วกัน
นับเป็นการเพิ่มความรื่นเริงเล็กน้อยให้แก่ช่วงเวลาฝึกบำเพ็ญอันยาวนานน่าเบื่อหน่าย
….
วันเวลาเคลื่อนคล้อยไป
หลังจากหานเจวี๋ยตัดห่วงอาลัยในตัวหลานชายไป ช่วงเวลาในการปิดด่านก็เริ่มยาวนานขึ้น
ห้าสิบล้านปีผ่านไปดั่งฝันตื่นหนึ่ง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สภาพแวดล้อมที่ปรากฏต่อสายตาไม่ได้ต่างไปจากห้าสิบล้านปีก่อนเลย แต่เขาทราบดีว่าโลกภายนอกเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างพลิกฟ้าสะเทือนดินแล้ว
เขายืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
ยังคงต้องปิดด่านให้ยาวนานขึ้นหน่อยถึงจะเห็นพัฒนาการของตบะชัดขึ้น
เขาสอดส่องดินแดนเวิ้งว้างพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย
[หานฮวงบุตรชายของท่านเริ่มบุกเบิกกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้น ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[ฉู่เสี่ยวชีหลานชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากนักพรตเต๋าเสินเผาสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านบุกเบิกโลกแห่งกาลเวลาขึ้น พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับการเข้าฝันจากตัวตนเหนือชั้น]
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่าน]
[บรรพชนเต๋าสหายของท่านหวนคืนสู่ร่างต้นกำเนิด เริ่มบุกเบิกกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้น]
[มหาเทวาพ้นนิวรณ์สหายของท่านได้รับการเข้าฝันจากเจ้านวฟ้าบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์สหายของท่านได้รับการเข้าฝันจากเจ้านวฟ้าบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
….
หานฮวงและบรรพชนเต๋าสร้างกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้นแล้ว!
แปลว่าสองคนนี้จะสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
หานเจวี๋ยอยากรู้ขึ้นมาว่าโลกมหามรรคของบรรพชนเต๋าอยู่ที่ใด
หลังจากเขาทำนายดูก็ได้ทราบว่าเป็นโลกมหามรรคที่เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์ตั้งรกรากอยู่ โลกมหามรรคแห่งนั้นยังเชื่อมต่อกับโลกมหามรรคของผานกู่ด้วย สองโลกเกื้อหนุนกัน ดูเหมือนเป็นโลกมหามรรคใบเดียวกัน เผ่าพันธุ์มนุษย์มรรคาสวรรค์ยึดถือว่าตนมาจากฟ้าบุพกาล คล้ายว่าจะสืบสานวิถีดั้งเดิมจากฟ้าบุพกาลอยู่
บรรพชนเต๋ากลับถึงเส้นชัยได้ก่อนผานกู่ ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว
นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีเจ้านวฟ้าบุพกาลที่ดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ยได้
เจตจำนงของเจ้านวฟ้าบุพกาลยังคงอยู่ในคุกสวรรค์ปฐมยุค ไม่ได้ฟื้นตื่นขึ้นมา แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังสามารถไปเข้าฝันผู้อื่นได้ นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวแล้ว
จิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาล!
จิตมารนี้ไม่ธรรมดาเลย เจ้านวฟ้าบุพกาลแบ่งพลังออกไปครึ่งหนึ่ง ไม่แปลกเลยที่ก่อนตายคนผู้นี้จะเอ่ยข่มขู่เอาไว้
จิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาลแฝงอยู่ในร่างของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ส่วนยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลก็หายสาบสูญไร้ร่องรอยไปนานมากแล้ว
หรือว่าจิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาลวางแผนลับอยู่
หานเจวี๋ยสอดส่องดูมหาเทวาพ้นนิวรณ์
เขาสอดส่องดูความฝันในขณะนั้นได้ทันที
ใช่จริงๆ เจ้านวฟ้าบุพกาลต้องการชักจูงมหาเทวาพ้นนิวรณ์ไปเข้าพวก เขาใช้มุกก้าวข้ามผู้สร้างมรรคามาล่อใจมหาเทวาพ้นนิวรณ์ แต่น่าเสียดายที่มหาเทวาพ้นนิวรณ์ปฏิเสธ
จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ก็ปฏิเสธเช่นเดียวกัน
กลับเป็นเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญที่หวั่นไหว
หานเจวี๋ยทำนายไม่พบว่าจิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่ที่ใด แต่หลักๆ แล้วเกี่ยวข้องกับบ่วงกรรมในฉากหน้าของดินแดนเวิ้งว้าง เขาล้วนมองเห็นได้ทั้งสิ้น
คาดว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลก็คงคาดไม่ถึงเช่นกันว่าเทพผู้สร้างจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
หานเจวี๋ยลองเข้าฝันจิตมารของเจ้านวฟ้าบุพกาลดู แต่ก็ไม่เป็นผล
เช่นนี้จึงไม่สามารถใช้ความฝันอันธการได้
เจ้าตัวนี้ไปหลบซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่
หานเจวี๋ยทำได้เพียงรอให้สยบทาสเจ้านวฟ้าบุพกาลสำเร็จแล้วค่อยสอบถามดู
ในช่วงเวลานี้ จิตมารตนนั้นไม่มีทางพิสูจน์เทพผู้สร้างได้แน่!
หากอยากสำเร็จเป็นเทพผู้สร้าง จำเป็นต้องได้ใกล้ชิดกับกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้าง ทันทีเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้เช่นนี้ หานเจวี๋ยที่มีฐานะเป็นเทพผู้สร้างจะรับรู้ได้แน่นอน
หานเจวี๋ยสอดส่องดูอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคที่โยนออกไปสายนั้น
ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสวาสนานี้ไป
ประเด็นหลักคือโอกาสวาสนานี้ซ่อนเร้นไว้ดีเกินไป ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่ามันจะช่วยให้พิสูจน์ผู้สร้างสำเร็จได้
“เช่นนั้นก็รอต่อไปแล้วกัน”
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา เขาลุกขึ้นยืน เดินออกจากอารามเต๋า เตรียมจะออกไปเดินเล่น
เขาไม่ได้ไปเยี่ยมลูกหลานของตน แต่ไปหาต้นฝูซัง
นับตั้งแต่ต้นฝูซังแยกออกเป็นสองร่าง ร่างจำแลงมนุษย์มักจะออกไปท่องด้านนอกตลอด ส่วนต้นฝูซังที่ได้รับอำนาจจากหานเจวี๋ยยามนี้กลายเป็นตัวตนที่มีสถานะสูงส่งในยุคสมัยไร้สิ้นสุด ควบคุมมิติกาลเวลา
………………………………………………………………