ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 116 จักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ แขกระดับฝ่าด่านเคราะห์
บทที่ 116 จักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ แขกระดับฝ่าด่านเคราะห์
“เจ้าพวกสัตว์เลื้อยคลาน! รีบปล่อยข้า! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นได้ยินวาจาของชายกลางคนชุดดำ ก็เปิดปากด่าเปิง
เสียงด่าทอของมันกลบเสียงของเหล่าผู้บำเพ็ญสายมารที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นจนสิ้น
“รู้จักพญาอสรพิษหยกหรือไม่”
“เขาก็ตายในเงื้อมมือของนายท่านของข้า! พวกเจ้าแตะต้องข้า เคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่”
“รอนายท่านของข้าบุกมาสังหาร พวกเจ้าจะต้องถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี!”
ยิ่งด่า เสียงของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็ยิ่งแผ่วเบา
เพราะมันเห็นว่าผู้บำเพ็ญสายมารเหล่านี้บ้าไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงมองมันด้วยความบ้าคลั่งเช่นเดิม
มันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
หรือมันจะต้องกลายเป็นของเซ่นไหว้ของจักรพรรดิมารจริงๆ
เมื่อความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้า อารมณ์ของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็เริ่มปั่นป่วน กระทั่งกล่าวได้ว่าอารมณ์หลากหลายผสมปนเปกันไปหมด
มันหวนนึกถึงช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันเคยมีหน้ามีตา แต่เวลาส่วนใหญ่ล้วนลำบากเป็นอย่างมาก อารมณ์ของมันรุนแรง เมื่อพูดไม่เข้าหูก็จะตะลุมบอนกับมนุษย์และปีศาจอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่ามันตัวคนเดียวพลังเบาบาง ผลสุดท้ายจึงมักถูกรุมโจมตีอย่างน่าอนาถอยู่ร่ำไป
‘ทำอย่างไรดี…จะต้องตายอยู่ที่นี่หรือ’
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ร่างสุนัขเริ่มสั่นสะท้าน
มันอธิษฐานขอให้มีใครมาช่วย
กระทั่งดาบของผู้บำเพ็ญสายมารฟาดลงบนตัว เลือดเริ่มสาดกระเซ็น มันถึงได้รู้ว่าไม่มีผู้ใดมาช่วยมันได้
มันเริ่มสิ้นหวัง
ความรู้สึกผิดผุดขึ้นในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หากสวรรค์ให้โอกาสมันอีกครั้ง มันไม่มีทางที่จะจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไปอย่างแน่นอน
มันจะเชื่อฟังคำพูดของพ่อไก่
แต่น่าเสียดาย ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวแล้ว
……
ห้าปีผ่านไป
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นสอง
โอสถที่เซวียนฉิงจวินมอบให้ เขารับประทานหมดไปหนึ่งขวด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เลว
โอสถเช่นนี้แน่นอนว่าจะต้องมีค่าควรเมือง ความรู้สึกที่เซวียนฉิงจวินมีให้กับเขานับว่ายิ่งใหญ่อยู่มาก หลังจากนี้หากไม่อาจตอบแทนได้ คงได้แต่ใช้ร่างกายตอบแทน
หลังจากทะลวงระดับ หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย
ไม่นาน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านถูกเซ่นไหว้ กลายเป็นสัตว์พาหนะของจักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ]
จักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ?
นั่นมันตัวบ้าอะไรกัน
หานเจวี๋ยพลันโมโหขึ้นมาในทันที
แม้เขาจะเมินเฉยสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น แต่จะกล่าวอย่างไรมันก็เป็นสุนัขของเขา!
จักรพรรดิมารเซ่นไหว้สุนัขของเขา เคยเอ่ยถามเขาแล้วหรือ
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจี้ไน่เหอโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฟ้าสูงพสุธากว้าง เขาอยากจะหาสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็หาไม่เจอ จึงได้แต่ระบายความแค้นออกมาเช่นนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยสาปแช่งติดต่อกันนานสามเดือน
จี้ไน่เหอสามารถมาปรากฏตัวในโลกมนุษย์ได้ แสดงว่าตบะคงไม่สูงไปกว่าจูเชวี่ยและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนแน่ อย่างมากก็คงแค่ระดับมหายาน
เนื่องจากจี้ไน่เหอไม่ได้เกิดความประทับใจหรือความเกลียดชังต่อหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยจึงมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของเขา
หานเจวี๋ยลุกไปหาหลี่ชิงจื่อ เพื่อสืบข้อมูลของจักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ
“จักรพรรดิมารจี้ไน่เหอ? นั่นคือตำนานของผู้บำเพ็ญสายมาร เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ถึงต่อให้เป็นเรื่องจริง คาดว่าคงสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ไปเสียนานแล้ว” หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว
หานเจวี๋ยถาม “ท่านช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่ ไม่ต้องระดมคนสร้างสถานการณ์ เพียงสืบข่าวในสำนักก็พอ”
“ย่อมไม่มีปัญหา”
สำหรับข้อเรียกร้องของหานเจวี๋ย หลี่ชิงจื่อไม่เคยปฏิเสธ
เขารีบดำเนินการทันที
หานเจวี๋ยกลับไปที่ถ้ำเทวา เขาสัมผัสได้ว่าเซียนซีเสวียนกลับมาแล้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเยียน
เมื่อมาถึงหน้าถ้ำของเซียนซีเสวียน หานเจวี๋ยยังไม่ทันได้เอ่ยปากประตูถ้ำก็เปิดออก เขาเดินเข้าไปด้านในตามทางนั้น
ถ้ำเทวาของเซียนซีเสวียนสะอาดและเรียบง่าย ไม่มีสิ่งของประดับประดามากเกินไป ภายในถ้ำอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเย็นจางๆ
นางเข้าฌานอยู่บนเบาะ ก่อนค่อยๆ ลืมดวงตาอันงดงามขึ้น
หานเจวี๋ยเดินไปนั่งลงตรงด้านหน้านาง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ท่านเซียนได้รับผลสำเร็จหรือไม่”
เซียนซีเสวียนหัวเราะน้อยๆ ก่อนกล่าวว่า “ได้รับผลสำเร็จอยู่จริงๆ สหายเต๋าหานก็นับว่าเป็นดาวนำโชคของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อย่างจริงแท้ ตั้งแต่เจ้าเข้าร่วมสำนัก สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งเจริญรุ่งเรือง แต่ดวงชะตาของเหล่าผู้อาวุโสอย่างพวกเราก็ถูกยกระดับขึ้น การออกไปฝึกประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่ได้กลับมาโดยสูญเปล่า”
“ท่านเซียนล้อข้าเล่นแล้ว”
ใช่สิ นี่ก็เป็นดวงชะตาที่ข้านำพามา!
หานเจวี๋ยแอบลำพองอยู่ในใจ
ในความเห็นของเขา นอกจากเขาแล้ว สิ่งนี้ยังเกี่ยวข้องกับมู่หรงฉี่ ฟางเหลียงและคนอื่นๆ ดวงชะตาของศิษย์เหล่านี้ เมื่อรวมกับดวงชะตาของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แล้ว ได้รับสุขกันทั่วสำนัก
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก จนกระทั่งไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ ถึงได้เริ่มถกมรรค
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินจากไป
เซียนซีเสวียนมองตามหลังของเขา มุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้น จากนั้นจึงหลับตาฝึกฝนต่อ
เมื่อเดินออกจากถ้ำเทวา หานเจวี๋ยรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง เหตุใดระดับความประทับใจถึงไม่เพิ่มขึ้นนะ
รุกยากเช่นนี้เชียว?
หรือว่าเซียนซีเสวียนจะตัดอารมณ์รักแล้ว
หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย และก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเพียงแค่คิดสนุกๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องได้ผลลัพธ์อะไร
หลี่ชิงจื่อพลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโสหาน เหตุใดท่านถึงได้ออกมาจากถ้ำเทวาของศิษย์น้อง”
น้ำเสียงของเขาดูระแวดระวังอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด เจ้าตัดความเป็นชายเพื่อกายทองเทียนกังไปแล้ว เหตุใดยังจะหึงอีก
“เพียงมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น อย่างไรเสียข้าก็เคยเป็นศิษย์ของยอดเขาหยกวิเวก ท่านสืบข่าวของจี้ไน่เหอได้หรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
ท่าทีของเขาทำให้หลี่ชิงจื่อลดท่าทีระแวดระวังลง
หลี่ชิงจื่อตอบ “ข้าสืบได้ความจากอาจารย์ปู่มาว่า จี้ไน่เหอเคยเป็นจักรพรรดิของราชวงศ์หนึ่ง ฝึกฝนวิชามารจนธาตุไฟเข้าแทรก พันปีหลังจากนั้นเขากลับฟื้นฟูจิตใจและสติปัญญาขึ้นมาได้ กระทั่งยามที่กลับไปยังราชวงศ์ของตนเอง กลับพบว่าราชวงศ์เกิดการสับเปลี่ยนไปเสียนานแล้ว เขาที่โมโหอย่างหนักได้ใช้เลือดอาบไปทั่วราชวงศ์ ตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นจอมมาร เนื่องจากโหดเหี้ยมไร้ความปรานี สังหารนับไม่ถ้วน เขาจึงได้ชื่อว่าจักรพรรดิมาร เคยรวบรวมผู้บำเพ็ญสายมารทั่วหล้าให้เป็นหนึ่ง มีอำนาจล้นฟ้า จนสามารถขึ้นสู่สวรรค์ แต่เขากลับบินขึ้นไปไม่สำเร็จ ตกตายอยู่ในเคราะห์สวรรค์”
“เนื่องจากเขาเป็นคนแรกที่เคยรวบรวมผู้บำเพ็ญสายมารทั่วหล้าให้เป็นหนึ่ง ชื่อของจักรพรรดิมารจึงถูกนับถือว่าเป็นเทพเซียน”
การกระทำกลับดูเหมือนนิยายปรัมปรายิ่งนัก
แต่ว่าตายในขณะที่กำลังฝ่าเคราะห์สวรรค์บินขึ้นสู่เบื้องบน ก็เห็นได้ชัดว่าอ่อนแออยู่บ้าง เทียบไม่ได้แม้กระทั่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน อย่างน้อยนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็บินขึ้นไปได้สำเร็จ
ดูท่าแล้ว จี้ไน่เหอก็อาศัยการเซ่นไหว้ของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นถึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้
“เหตุใดผู้อาวุโสหานถึงสืบเรื่องของจี้ไน่เหอ หรือบรรดาศิษย์มารของจี้ไน่เหอจะม้วนพสุธากลับมาอีกครั้ง” หลี่ชิงจื่อเอ่ยถามด้วยความกังวล
สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เพิ่งสงบสุขไม่นาน เขาก็ไม่อยากถูกโจมตีอีก
“เพียงสอบถามไปอย่างนั้นเอง ข้าจะกลับไปฝึกฝนแล้ว”
หานเจวี๋ยกุมมือคารวะ กล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
หลี่ชิงจื่อไม่เชื่อ เขาลอบคาดเดาอยู่ในใจ “หรือจักรพรรดิมารจี้ไน่เหอจะฟื้นคืนชีพ”
เขาเดินไปหน้าประตูถ้ำเทวาของเซียนซีเสวียน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง ข้าเข้าไปคุยเรื่องในวันวานกับเจ้าได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
หลี่ชิงจื่อเดินจากไปอย่างหน้าม่อยคอตก
……
หนึ่งปีต่อมา
สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ได้ต้อนรับแขกสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นยอดผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์ ยินดีรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสรับเชิญของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ปกป้องสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ร้อยปี
ข่าวนี้แพร่กระจายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้ก็คือตู้ขู่
ตู้ขู่พบว่าภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไม่มีแม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา พลันไม่ได้รู้สึกสนใจสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มากนัก
ส่วนเรื่องของพญาอสรพิษหยกนั้นได้ผ่านไปนานหลายปีแล้ว เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้
หานเจวี๋ยตรวจสอบพบข้อมูลของตู้ขู่
[ตู้ขู่: ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นสาม เคยเป็นศิษย์ของสำนักมารปีศาจ ขณะนี้เป็นผู้บำเพ็ญอิสระร่อนเร่]
สำนักมารปีศาจ?
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ในใจพลันเกิดจิตสังหารขึ้นมาทันที
สังหารเจ้าหมอนี่ดีหรือไม่นะ
แต่พอคิดดูอีกที เรื่องการล่มสลายของสำนักมารปีศาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ตอนนี้ตู้ขู่แสดงตนให้เห็นว่าเขามาดี
ดูต่ออีกสักหน่อยแล้วกัน
หากตู้ขู่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่นนั้นหานเจวี๋ยจะลงมือทันที
เพื่อรับประกันความปลอดภัย หานเจวี๋ยยังคงใช้แบบจำลองการทดสอบเพื่อตรวจสอบดูสักหน่อย
อืม
สังหารภายในหนึ่งวินาที
วางใจได้
[จี้ไน่เหอเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
อักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนิ่งอึ้ง
……………………………………….