ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1164 อนธการผนึกกำลัง
บทที่ 1164 อนธการผนึกกำลัง
ภายในห้วงดาราสีม่วงกว้างไพศาล ปราณอนธการปกคลุมไร้สิ้นสุด ที่นี่คืออนธการแห่งสื่อหยวน
สามมหาอนธการแบ่งแยกออกเป็น อนธการแห่งฮวง อนธการแห่งสื่อหยวนและอนธการแห่งมิ่ง
ต่างตั้งตามอักษรในชื่อหรือนามแห่งมหาโชคของตน
สื่อหยวนหงเหมิงยืนอยู่ในห้วงอวกาศอนธการด้วยร่างดั้งเดิม ปราณอนธการนับไม่ถ้วนพัวพันรอบกายเขา ทำให้ร่างกายใหญ่มหึมานั้นดูน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
สื่อหยวนหงเหมิงลืมตาขึ้น แบมือขวาออก มนุษย์คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางฝ่ามือ เป็นเฉินเจวี๋ยนั่นเอง
เฉินเจวี๋ยถูกผนึกเอาไว้ ขดร่างกลมดิก เจตจำนงอยู่ในห้วงนิทรา
สื่อหยวนหงเหมิงขมวดคิ้ว ทอดมองเฉินเจวี๋ย พึมพำว่า “น่าแปลก ในร่างเขาซ่อนสิ่งใดไว้กันแน่ มหาโชคนี้แม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถช่วงชิงมาได้”
เขาจ้องมองเฉินเจวี๋ย ในสนามรบ ความทรงพลังของเฉินเจวี๋ยสร้างความประทับใจให้เขาอย่างลึกล้ำ ต่อมาเขาสังเกตเห็นว่าความแข็งแกร่งของเฉินเจวี๋ยไม่ได้มาจากคุณสมบัติเพียงอย่างเดียว แต่มีมหาโชคประเภทหนึ่งอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางจับเฉินเจวี๋ยมา
ทว่าเขาไม่สามารถช่วงชิงมหาโชคนี้มาได้
เขาจ้องมองเฉินเจวี๋ย มีแสงประหลาดแผ่ออกมาจากดวงเนตรสองข้าง ราวกับต้องการส่องทะลุผ่านวิญญาณของเฉินเจวี๋ย
ผ่านไปนานพักใหญ่
สื่อหยวนหงเหมิงตัวสั่นขึ้นมา
เขาชักมือกลับ เฉินเจวี๋ยลอยอยู่ในห้วงอวกาศ มีแสงเพลิงเจิดจ้าบาดตาแผ่ท่วมร่าง
พลังป้องกันจากมหาโชค!
สื่อหยวนหงเหมิงสนใจใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิม นี่คือมหาโชคอันใดกันแน่ สามารถสะท้อนพลังเขากลับมาได้ ต้องทราบก่อนว่าตนใกล้จะก่อกฎเกณฑ์สูงสุดสายแรกขึ้นมาได้แล้ว ทอดตามองไปทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุด ตัวตนที่เหนือกว่าเขามีไม่เกินสิบนิ้ว
หรือจะเป็นผู้สร้างมรรคา
เป็นไปไม่ได้!
อู๋เซียงเทียนเซี่ยไม่ได้มีมหาโชคเช่นนี้
หรือจะเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยไร้สิ้นสุด
สื่อหยวนหงเหมิงก็สังเกตเห็นว่ายุคสมัยไร้สิ้นสุดมิใช่เพียงขยายขอบเขตโลกขึ้นเท่านั้น แต่ปรากฏสิ่งที่แตกต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงขึ้น
สื่อหยวนหงเหมิงสงบสติอารมณ์ ไม่บังคับช่วงชิงมหาโชคของเฉินเจวี๋ยอีกต่อไป
รอจนเขาก่อกฎเกณฑ์สูงสุดสายแรกขึ้นมาได้แล้วค่อยว่ากันอีกที
ในเวลานี้เอง สื่อหยวนหงเหมิงคล้ายจะรับรู้อะไรได้ เขาโบกมือคราหนึ่ง เฉินเจี๋ยอันตรธานหายไป
เกิดรอยแยกในห้วงอวกาศขึ้น เงาร่างหนึ่งโผล่ออกมา
เป็นหวงจุนเทียน
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยถาม “เจ้ามาด้วยเรื่องใด”
หวงจุนเทียนกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่ข้า”
พอสิ้นเสียง เกิดรอยปริแยกในห้วงอวกาศอีกครั้ง หานฮวงผู้องอาจทรงอำนาจก้าวออกมา
พอเห็นหานฮวง สีหน้าของสื่อหยวนหงเหมิงแปลกไปเล็กน้อย
เฉินเจวี๋ยมีสายเลือดตระกูลหาน เขาทำนายถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน
แต่ตระกูลหานมีเชื้อสายอยู่นับไม่ถ้วน เชื้อสายที่เลิศล้ำโดดเด่นก็ยิ่งมีมากมาย เฉินเจวี๋ยไม่ได้ติดต่อกับตระกูลหานมากนัก
“มีเรื่องใดหรือ”
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
หานฮวงเอ่ยขึ้นว่า “เป็นข้าที่เรียกเขามาเอง ถึงแม้พวกเราต้องมีอาณาเขตของตน แต่ดีร้ายอย่างไรก็ล้วนเป็นเทพมารอนธการเหมือนกัน ข้าจึงมีความคิดประการหนึ่ง”
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนมองไปที่เขา รอให้เขาเอ่ยประโยคต่อไป
“ยุคสมัยไร้สิ้นสุดยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะข้าหรือว่าพวกเจ้าล้วนไม่อาจครอบครองยุคสมัยไร้สิ้นสุดเพียงลำพังได้ ในอนาคตจะมีผู้สร้างมรรคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้าคิดว่าสามอนธการควรผนึกกำลังกัน นับจากนี้ไปพวกเราจะมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน หากวันหน้ามีเทพมารอนธการถือกำเนิดเพิ่มขึ้นก็ได้มีพวกเราเป็นที่พึ่งพา”
หานฮวงเอ่ยเสียงเรียบ สื่อหยวนหงเหมิงฟังแล้วขมวดคิ้ว
สื่อหยวนหงเหมิงมองไปที่หวงจุนเทียน สีหน้าหวงจุนเทียนราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ที่มาพร้อมหานฮวงก็เพื่อมาโน้มน้าวเขา
สื่อหยวนหงเหมิงใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง
ผลดีจากการผนึกกำลังคือนับจากนี้พวกเขาจะร่วมมือกัน อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถพึ่งพากันและกันได้ ข้อเสียคือพวกเขาต้องผนวกดินแดนรวมกัน หากภายหน้าเกิดข้อพิพาทขัดแย้งก็ไม่อาจแยกตัวออกไปได้
แน่นอน ทั้งหมดนี้ล้วนต้องตั้งอยู่ในพื้นฐานที่หานฮวงต้องการจะผนึกกำลังกันจริงๆ
เท่าที่สื่อหยวนหงเหมิงรู้จักหานฮวงมา เด็กคนนี้เพียงทรงอำนาจเผด็จการเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเล่ห์กลมากปานนั้น
ที่สำคัญคือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังหานฮวง
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยถาม “หลังผนวกรวมแล้วใครจะเป็นผู้นำหลัก”
หานฮวงส่ายหน้าหลุดขำออกมา “ไยต้องแบ่งแยกหลักรองด้วยเล่า พวกเราอนธการรวมใจ ปล่อยให้บ่วงกรรมและดวงชะตาเชื่อมประสานไป หากพวกเจ้ารักชอบในอำนาจ อยากจะดูแลจัดการอนธการเช่นไรข้ายกให้พวกเจ้าตัดสินใจได้เลย”
หวงจุนเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากจะฝึกบำเพ็ญให้ดีเท่านั้น”
สื่อหยวนหงเหมิงยิ้มออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่คัดค้าน จะผสานรวมอนธการอย่างไรเล่า”
หานฮวงเริ่มบอกเล่าแนวคิดของตนออกมา สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนฟังแล้วรู้สึกว่าใช้ได้เลย คงมีเพียงวิธีนี้แล้ว
ก่อนจะแยกย้ายกันไป สื่อหยวนหงเหมิงนำตัวเฉินเจวี๋ยออกมา อยากสอบถามความเห็นของหานฮวง
หานฮวงเอ่ยอย่างเฉยเมย “สองกลุ่มอำนาจต่อสู้กันอยู่ ถูกลูกหลงไปก็เป็นเรื่องธรรมดา ขอเพียงเจ้าไม่แตะต้องผู้บริสุทธิ์ไร้ความเกี่ยวข้องก็พอ”
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามีความจริงใจขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะปล่อยตัวเขาไป เด็กคนนี้มีมหาโชคลึกลับแฝงอยู่ อนาคตของเขายากจะคาดคะเนได้”
“เชื้อสายเช่นนี้ไม่นับเป็นอันใดในตระกูลหานเลยด้วยซ้ำ”
พูดจบหานฮวงก็เลือนหายไป
หวงจุนเทียนเอ่ยขึ้นว่า “เด็กคนนี้เป็นสหายรักของศิษย์ข้า เจ้าทำเช่นนี้จะเป็นเหตุให้เราสองคนไม่ลงรอยกันได้”
สื่อหยวนหงเหมิงโยนเฉินเจวี๋ยให้เขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะยอมไว้หน้าเจ้าแล้วกัน”
“ข้าคงไม่ขอบคุณแล้ว”
หวงจุนเทียนรับเฉินเจวี๋ยไว้ ออกจากห้วงอนธการแห่งนี้ไป
สื่อหยวนหงเหมิงหัวเราะออกมา จากนั้นก็หลับตาฝึกบำเพ็ญ
….
ใต้นภาครามเมฆาขาว ภายในลานเรือนที่มีกำแพงก่อสูง ชายหนุ่มองอาจคนหนึ่งกำลังฝึกฝนวรยุทธ์อยู่
หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าห้องโถงหลัก เขาหาวออกมา
ชายหนุ่มองอาจหยุดมือ เดินมาเบื้องหน้าเขา หัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านว่าเพลงหมัดของข้าเมื่อครู่นี้เป็นอย่างไรบ้าง”
หานเจวี๋ยเบ้ปากเอ่ยไปว่า “ดีแต่ท่า พรสวรรค์เสียเปล่าแล้ว บำเพ็ญเซียนเถอะ ฝึกวรยุทธ์หามีอนาคตไม่”
ชายหนุ่มองอาจมีนามว่าหรูเต้าหลง ตื่นรู้ในสวรรค์ประทานโชคดาวเลิศศักดา
ดาวเลิศศักดา มหาโชคแต่กำเนิด ทุกครั้งที่เผชิญอันตรายจวนเจียนสิ้นชีพจะทะลวงผ่านขีดจำกัด หากรอดชีวิตมาได้คุณสมบัติจะเลิศล้ำขึ้นเรื่อยๆ กล่าวก็คือดาวเลิศศักดาต้องเผชิญอันตรายเข้าตาจนอยู่เรื่อยๆ หากไม่มีที่พึ่งพาจะตายตั้งแต่เริ่มได้ง่ายๆ
ในโลกสามัญใบนี้มีกระแสนิยมฝึกฝนวิทยายุทธ์ มิใช่การบำเพ็ญเซียน ที่นี่ไม่มีตำนานของผู้บำเพ็ญเซียน แต่หานเจวี๋ยทราบดีว่าจอมยุทธ์ผู้น่าหวาดหวั่นในตำนานเล่าขานเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสิ้น
เขามาหาหรูเต้าหลงได้เจ็ดปีแล้ว เป็นศิษย์อาจารย์กันในนาม แต่ศักยภาพแห่งดวงเลิศศักดาของหรูเต้าหลงยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
หรูเต้าหลงเบ้ปากบ้างแล้ว “บำเพ็ญเซียนอันใดกัน ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”
ในเวลานี้เอง ข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งแห่เข้ามา ชายร่างผอมแห้งที่เป็นผู้นำกลุ่มเอ่ยร่ำร้องว่า “นายน้อย คนหมู่บ้านข้างๆ มารังแกพวกเราอีกแล้วขอรับ”
พอหรูเต้าหลงได้ยินก็เบิกตากว้าง ตาวาโรจน์ดั่งเสือดาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกี้ยว “รนหาที่ตาย! ไป!”
เมื่อเห็นหรูเต้าหลงหุนหันจากไปอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ หานเจวี๋ยก็เอนหลังลงนอน ตากแสงแดดต่อไป
“เด็กน้อย ชีวิตชาตินี้คงไม่ยืนยาวแล้ว”
หานเจวี๋ยหัวเราะเบาๆ ไม่มีใครได้ยิน นี่เป็นการคุยกับตัวเอง เป็นความเคยชินของเขา
ครอบครัวของหรูเต้าหลงนับเป็นตระกูลคหบดีในโลกมนุษย์ แต่หานเจวี๋ยมองเห็นจักรพรรดิเซียนสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เข้าใกล้โลกใบนี้มาเรื่อยๆ แล้ว ไม่ช้าก็เร็วโลกนี้จะถูกลูกหลง เมื่อถึงเวลานั้นวันสิ้นโลกจะมาเยือน
หานเจวี๋ยคร้านจะเอ่ยเตือนหรูเต้าหลงแล้ว เชื้อสายเช่นนี้เขายังมีอยู่อีกหลายสิบคน เขาเพียงอยู่ว่างเบื่อหน่ายถึงได้มาเล่นหรูเต้าหลง
นิสัยของหรูเต้าหลงสอดคล้องกับดาวเลิศศักดานัก เข้าคู่ดีจริงๆ นิสัยมุทะลุเช่นนี้ วันหน้าคงต้องเผชิญสถานการณ์เสี่ยงตายอีกมากมายนัก แต่หากไร้ที่พึ่งพาจะต้องพลาดท่าแน่นอน
กรณีที่เชื้อสายผู้ได้รับสวรรค์ประทานโชคสิ้นชีพตกตายไปก็มีให้เห็นเช่นกัน แต่มหาโชคแต่กำเนิดจะติดตัวเชื้อสายที่กลับชาติไปเกิดใหม่ด้วย
………………………………………………………………