ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1172 ความสิ้นหวังของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
บทที่ 1172 ความสิ้นหวังของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
“ข้าสมควรเรียกขานตัวเจ้าในปัจจุบันนี้ว่าอย่างไรดีเล่า”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายสบายๆ รัศมีอำนาจแม้ไม่แกร่งกล้านักแต่กลับทำให้ที่ฉู่เสี่ยวชีที่อยู่ด้านข้างรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขามของเทพผู้สร้าง
ควบคุมได้ทุกสิ่ง ดูแคลนได้ทุกตัวตน!
หัวใจของฉู่เสี่ยวชีลุกโชนดั่งมีเพลิงเผา
นี่สิเป้าหมายที่เขาอยากจะเป็น!
“เจ้ายังคงเรียกขานข้าว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้ ข้ายินดีจะแบกรับนามมารร้ายไว้ ในเมื่อข้าถูกพบตัวแล้ว เช่นนั้นก็มาสู้กันเถอะ”
เสียงของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลแว่วดังขึ้น เงาร่างใหญ่มโหฬารที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแสงสีแดงเข้มนั้นเริ่มหดตัวลง หดตัวลงจนมีความสูงในระดับร้อยล้านจั้ง
เสียงของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลแว่วดังขึ้น ทันใดนั้นเอง ฉู่เสี่ยวชีเกิดความรู้สึกหวาดผวาเหมือนจะแหลกสลายเป็นเถ้าธุลีขึ้นมา โชคดีที่หานเจวี๋ยช่วยสกัดกั้นรัศมีอำนาจของอีกฝ่ายให้เขาได้ทันเวลา
หานเจวี๋ยขวางอยู่ด้านหน้าฉู่เสี่ยวชี เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ดูเหมือนความจริงแล้วในใจเจ้าก็เฝ้ารอที่จะได้ท้าทายข้าอยู่เช่นกัน เจ้าอาจจะประมาทหรือไม่ก็เป็นเพราะคาดหวังอยู่ลึกๆ ในใจ”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลย่างเท้าก้าวเข้ามาหาหานเจวี๋ย สองแขนอ้ากางออก สัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัวสองตัวที่คล้ายมังกรผสมงูเลื้อยพันบนแขน เงาศาสตราวุธวิเศษสองชิ้นปรากฏขึ้นในมือเขา รูปลักษณ์เป็นขวานและทวนอย่างละเล่ม
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ชัดเจนว่าศาสตราวุธวิเศษสองชั้นนั้นแปรสภาพมาจากพลังแห่งกฎเกณฑ์ อีกทั้งมิใช่กฎเกณฑ์ธรรมดาทั่วไปด้วย
กฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้าง!
ไม่แปลกเลยที่มารตนนี้จะกล้าลงมือ ที่แท้ก็ทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์พื้นฐานได้
น่าเสียดายที่เพียงแค่หยิบยืมพลังแห่งกฎเกณฑ์มา แต่ยังควบคุมได้ไม่ลึกซึ้งพอ ผู้ที่สามารถเรียกใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์พื้นฐานได้อย่างง่ายดายจริงๆ มีเพียงเทพผู้สร้างเท่านั้น!
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลพลันเลือนหายไป จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือหัวหานเจวี๋ย ศาสตราวุธกฎเกณฑ์ทั้งสองชิ้นยังไม่ทันถูกทุ่มลงมาก็บังเกิดเกราะกำบังใหญ่มโหฬารอันหนึ่งครอบคลุมร่างหานเจวี๋ยไว้ พลังกฎเกณฑ์อันไร้รูปลักษณ์เหล่านั้นถูกขวางกั้นไว้ด้านนอกทั้งหมด
ครืน…
ฉู่เสี่ยวชีมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่นอกเกราะกำบังพังพินาศย่อยยับลง ความเจ็บปวดร้าวรานไปถึงวิญญาณที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ทำให้เขาทรุดฮวบลงไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวได้ ราวกับมนุษย์สามัญคนหนึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร…ข้าเป็นถึงยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์นะ…”
ฉู่เสี่ยวชีเบิกตากว้าง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกราวกับไม่อยากจะเชื่อ
เขาทราบดีว่าผู้สร้างมรรคาแข็งแกร่งมาก แต่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ จิตใจทะเยอทะยานของเขาที่มีไฟลุกโชนขึ้นมาก่อนหน้านี้ถูกดับมอดลงในทันใด
หลอกกันแล้วกระมัง…
จะสามารถฝึกบำเพ็ญจนบรรลุถึงขั้นนี้ได้จริงๆ น่ะหรือ
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเงื้อศาสตราวุธกฎเกณฑ์ขึ้นมา ฟันลงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลังไร้สิ้นสุดแผ่พุ่งเข้ามาจากทั่วสารทิศเข้าท่วมทับเกราะกำบังที่หานเจวี๋ยสร้างขึ้น
เป็นพลังจำพวกห้วงมิติ กาลเวลา บ่วงกรรม พลังสรรค์สร้าง พลังทำลายล้างและแรงกรรมสารพัดอย่าง!
พลังกฎเกณฑ์สารพัดรูปแบบโจมตีเข้ามาทุกทิศทาง ทรงอำนาจทำลายล้างมหาศาล
ห้วงมิติกฎเกณฑ์พื้นฐานที่อยู่ด้านบนเริ่มปริร้าว ภายในมุมหนึ่งของดินแดนเวิ้งว้างพลันเกิดรอยแตกโหว่เป็นรูใหญ่ขึ้นมา พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่ผสานรวมเข้าด้วยกันรั่วไหลออกไป ดูคล้ายลำแสงสีเข้ม แบ่งแยกดินแดนเวิ้งว้างออกเป็นสองส่วน ฉากนี้กระตุ้นความสนใจของเหล่าผู้สร้างมรรคาขึ้นมา
พลังของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลทะลุทะลวงกฎเกณฑ์พื้นฐานได้!
เจ้านวฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญและจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าลำแสงสีเข้ม ไม่กล้าเข้าใกล้
“เป็นพลังที่แกร่งกล้ายิ่ง…”
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยเสียงสั่น เขาตระหนักได้ว่าหากผู้สร้างมรรคาอย่างตนเข้าใกล้จะถูกทำลายล้างได้!
ในเวลานี้เอง หานฮวง บรรพชนเต๋า หานหลิงรวมถึงเหล่าผู้ทรงพลังมหามรรคชั้นแนวหน้าของดินแดนเวิ้งว้างทยอยมาถึงแล้ว เจ้านวฟ้าบุพกาลโบกมือคราหนึ่ง ส่งตัวพวกเขากลับไป ขณะเดียวกันก็ปิดกั้นห้วงมิติแห่งนี้เอาไว้
ในห้วงมิติที่อยู่ลึกเข้าไป
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลทอดมองลงไปด้านล่าง สองเนตรเย็นชาของเขาทอแววสับสน
‘นี่น่ะหรือพลังแท้จริงที่ดำรงอยู่…แข็งแกร่งเหลือเกิน แม้ว่าจะเป็นผู้สร้างมรรคาก็ไม่มีทางต่อต้านได้ บางทีข้าอาจจะก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาได้แล้วเพียงแต่ข้าไม่รู้ตัวเท่านั้น ระดับที่สูงยิ่งไปกว่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเด่นชัดเสมือนในกาลก่อนแล้ว’
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลคิดเงียบๆ เขาหยิบยืมพลังมาจากกฎเกณฑ์พื้นฐาน แต่เขากลับไม่สามารถมองทะลุพลังกฎเกณฑ์อันมหาศาลไปได้ เขาไม่รู้ว่าหานเจวี๋ยและฉู่เสี่ยวชียังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ เขาคิดว่าต่อให้หานเจวี๋ยไม่ตาย ก็คงต้านไว้ได้อย่างเต็มกลืนแล้ว
ทันใดนั้นเองเขาพลันมองเห็นว่ามีแสงสีแดงสายแล้วสายเล่าพุ่งทะลุขึ้นมาจากมหาสมุทรแห่งพลังกฎเกณฑ์ที่เจิ่งนองอยู่ด้านล่าง เกิดรูพรุนมากมายขึ้นในทันใด ทำให้เขาแสดงสีหน้าตกใจออกมา
ครืน…
พลังกฎเกณฑ์มหาศาลพลันกระจายตัวออกไป กลายเป็นละอองดาวนับไม่ถ้วน หมุนวนโปรยปรายลงสู่ด้านล่างดั่งพายุหมุน ตราปฐมยุคประทับนภาปรากฏขึ้นด้านล่าง ปฐมยุคประทับนภาที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตดูดซับละอองดาวทั้งหมดที่แปรสภาพมาจากพลังแห่งกฎเกณฑ์เข้าไป
ส่วนหานเจวี๋ยและฉู่เสี่ยวชียืนอยู่ด้านล่างของตราปฐมยุคประทับนภา
ฉู่เสี่ยวชีนั่งแข็งทื่ออยู่ ตกใจอ้าปากค้างเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมด
นี่มันพลังวิเศษใดกัน…
น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้วกระมัง!
แม้แต่ยอดมหามรรคอย่างเขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ผ่านสายตาได้ว่าปฐมยุคประทับนภาใหญ่มากเพียงใดกันแน่
เมื่ออยู่ต่อหน้าปฐมยุคประทับนภาแล้วทั่วทั้งแดนลับเชื่อมวิถีอาจจะเปรียบเสมือนน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ต้องทราบไว้ด้วยว่าในแดนลับเชื่อมวิถีรองรับปวงสวรรค์หมื่นโลกาไว้ มีโลกขนาดใหญ่มากมาย ทุกโลกขนาดใหญ่ล้วนเป็นห้วงจักรวาลแห่งหนึ่งที่บรรจุโลกขนาดเล็กไว้นับแสนล้านใบ
“เจ้า…”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลสั่นสะท้าน ไม่ทราบว่าควรจะพูดอะไร
หานเจวี๋ยเงยหน้ามอง ยิ้มน้อยๆ เอ่ยไปว่า “พลังของเจ้าไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเจ้าร้องขอพลังจากมันมิใช่ควบคุมมัน จากนี้ไปจงรับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของมันดูแล้วกัน!”
ครืน…ครืน…
ตราปฐมยุคประทับนภาที่ใหญ่มโหฬารไร้ขอบเขตพุ่งทะยานขึ้นด้านบน ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตกใจเคลื่อนย้ายหนีทันที
แต่ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนย้ายไปที่ใด ตราปฐมยุคประทับนภาที่อยู่ด้านล่างก็ยังคงไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ
สลัดทิ้งไม่พ้น!
‘แย่แล้ว เขาตรึงห้วงมิติไว้แล้ว หนีไม่ได้!’
ห้วงมิติรอบกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เขาจะสัมผัสได้ว่าตนกำลังข้ามผ่านห้วงมิติอยู่ แต่ความจริงแล้วกลับอยู่ในขอบเขตรัศมีของปฐมยุคประทับนภา
ตราประทับนี้ผสานพลังห้วงมิติเอาไว้!
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลจำเป็นต้องทุ่มพลังทั้งหมดโจมตีใส่ตราปฐมยุคประทับนภา เขาระเบิดพลังทั้งหมดของตนออกมา แต่เมื่อปะทะเข้ากับตราปฐมยุคประทับนภากลับแหลกสลายไปจนหมดสิ้น
ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว!
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตะลึงงันอยู่ที่เดิม
‘ที่แท้เขาอยู่ในระดับใดกันแน่…ข้าห่างชั้นจากระดับที่เหนือกว่าผู้สร้างมรรคาอีกมากถึงเพียงใดกันแน่…’
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลสับสน รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้านวฟ้าบุพกาลร่างต้นของเขาตอนที่ได้เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย
ปฐมยุคประทับนภาไม่ปล่อยเขาไป เหวี่ยงตัวเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดูดตัวเขาเข้าไป
ฉู่เสี่ยวชีเงยหน้ามองปฐมยุคประทับนภาที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต มองไม่เห็นเงาร่างของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลแล้ว เขาไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นด้านบน เนื่องจากตาเนื้อและเจตจำนงของเขาไม่อาจมองทะลุปฐมยุคประทับนภาได้
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้ ไม่ว่าตัวตนใดก็ล้วนเล็กจ้อยดั่งเม็ดทรายทั้งสิ้น!
จากมุมมองของเขา ดูราวกับท้องนภาที่กำลังยืดสูงขึ้นไปไร้สิ่งหยุดยั้ง
นภาแผ่ทะยาน!
“ในที่สุดก็จัดการเขาได้ ต่อไปคงจะมีเวลาว่างมากขึ้นแล้ว”
เสียงหัวเราะหานเจวี๋ยแว่วเข้าหูของฉู่เสี่ยวชี
ฉู่เสี่ยวชีได้สติกลับมา เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านปู่ เขาร่างสิ้นวิญญาณสลายไปหรือยังขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้สร้างมรรคาล้วนสังหารไม่ตาย แต่ข้าสะกดจองจำเขาไว้แล้ว จนกว่าข้าจะหาทางสังหารเขาได้”
ฉู่เสี่ยวชีมองหานเจวี๋ยด้วยความเคารพยกย่อง ตื่นเต้นเป็นที่สุด
“ท่านปู่…ท่านแข็งแกร่งเหลือเกินขอรับ!
“ท่านปู่…นี่คือพลังวิเศษใดหรือขอรับ!
“มารดามันเถอะ นี่คือพลังแห่งเทพผู้สร้างอย่างนั้นหรือขอรับ”
ฉู่เสี่ยวชีพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ราวกับย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง ไร้ซึ่งมาดของยอดมหามรรค
หานเจวี๋ยยิ้มให้ ทว่าไม่ได้ตอบรับ
เขาลูบหัวฉู่เสี่ยวชี เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝึกบำเพ็ญให้ดีเถิด ปู่คาดหวังในตัวเจ้านะ”
………………………………………………………………