ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1176 เทพผู้สร้างอยู่ในตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่า
บทที่ 1176 เทพผู้สร้างอยู่ในตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่า
พอฟังเจ้านวฟ้าบุพกาลกล่าวจบ หานเจวี๋ยก็คิดว่าสิ่งที่เขาเล่ามาอาจจะเป็นความจริง
ดินแดนเวิ้งว้างสามารถให้กำเนิดเจตจำนงได้จริงๆ ระบบของเขาก็เป็นเจตจำนงแห่งการสรรค์สร้างแห่งดินแดนเวิ้งว้างเช่นกัน แต่เจตจำนงนั้นบอกเขาว่า ตัวตนของดินแดนเวิ้งว้างไม่ยอมรับการควบคุมใดๆ ทั้งสิ้น ในอนาคตอาจจะปฏิเสธเขาหรือถึงขั้นที่ต่อต้านเขาได้เช่นกัน
พอเอ่ยมาเช่นนี้ก็ยืนยันสถานะของชายผมขาวได้แล้ว
นอกเหนือไปจากแปรสภาพมาจากเจตจำนงของดินแดนเวิ้งว้าง ตอนนี้หานเจวี๋ยก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครที่สามารถคุกคามตนได้
เว้นแต่ในอนาคตจะมีเทพมารปฐมยุคตนอื่นถือกำเนิดขึ้น หรือไม่ก็ตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น
“ในเมื่อเป็นเรื่องของอนาคต เช่นนั้นก็รอดูกันเถอะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเรียบเฉย เจ้านวฟ้าบุพกาลพยักหน้ารับ
แดนความฝันสิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยสอดส่องดินแดนเวิ้งว้างต่อ มองสิ่งที่สรรพสิ่งได้ประสบ ราวกับตนได้ประสบด้วยตัวเองเช่นกัน แม้จะเป็นเทพผู้สร้างก็ยังชอบเสริมสร้างจินตนาการเช่นกัน
เฝ้ามองอยู่นานจนหานเจวี๋ยรู้สึกหมดสนุกขึ้นมาอีกครั้ง เขาถึงได้เตรียมตัวจะปิดด่านระยะยาว
ปิดด่านรวดเดียวหนึ่งพันล้านปีเลยดีกว่า!
ถึงอย่างไรตัวเขาก็เลือนรางไปจากความทรงจำของสรรพสิ่งแล้ว ปิดด่านยาวนานหน่อยก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เขาไม่ได้สนใจจะไปแทรกแซงสรรพสิ่งเช่นกัน
….
ณ ตำหนักพ้นนิวรณ์
ห้าผู้สร้างมรรคามารวมตัวกันในตำหนัก มีทั้งมหาเทวาพ้นนิวรณ์ จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและเจ้านวฟ้าบุพกาล
พวกเขายืนเรียงกันทอดมองไปยังประตูบานใหญ่ แสงเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วประตูทางเข้าตำหนัก มองเห็นสถานการณ์ด้านนอกไม่กระจ่าง
“หานฮวงกับบรรพชนเต๋า ผู้ใดจะพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้ก่อนกัน”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม หลังจากละทิ้งความทะเยอทะยานลง ในช่วงแสนล้านกว่าปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสมัครสมานกันขึ้นไม่น้อยเลย กลับไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับในกาลก่อน ยิ้มหัวทอดมองความผันผวนของสรรพสิ่งไปด้วยกัน
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยเสียงเรียบเฉย “น่าจะเป็นบรรพชนเต๋า ในอดีตเขาก็มีโอกาสอยู่แล้ว เพียงแต่…”
ประโยคหลังเขาไม่ได้เอ่ยต่อ สี่ผู้สร้างมรรคาล้วนทราบแก่ใจดี
จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์หัวเราะหยันเอ่ยไปว่า “ข้ากลับคิดว่าเป็นหานฮวง สามเทพมารอนธการร่วมมือกัน ยังไม่แน่ว่าบรรพชนเต๋าจะเทียบได้”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญก็คิดว่าหานฮวงจะทำสำเร็จได้ก่อน
ผู้สร้างมรรคาไม่อาจทำนายถึงผู้สร้างมรรคารายอื่นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบว่าผู้ใดจะสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาก่อน ณ มุมมองของพวกเขาในตอนนี้ ทั้งบรรพชนเต๋าและหานฮวงล้วนทำสำเร็จได้ทั้งคู่ ปัญหาอยู่ที่ใครจะมาก่อนมาหลังเท่านั้น
จากนั้นห้าผู้สร้างมรรคาต่างเริ่มถกเถียงกันว่ายังมีผู้ใดอีกที่จะสามารถสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาได้
ผ่านไปเนิ่นนาน
คลื่นพลังน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งครอบคลุมลงมา ทำให้ตำหนักพ้นนิวรณ์สั่นสะเทือน
เห็นเพียงว่ามีเงาร่างหนึ่งเดินฝ่าแสงเจิดจ้าเข้ามาในตำหนัก
เป็นบรรพชนเต๋า
บรรพชนเต๋าสวมชุดนักพรตเต๋า ผมขาวโพลน ในมือกุมแส้ปัดธุลีด้ามหนึ่งไว้ เส้นไหมบนแส้ผันแปรมาจากมหามรรคสามพันวิถี
พอเห็นเขาเดินเข้ามา นอกจากเจ้านวฟ้าบุพกาลแล้ว สี่ผู้สร้างมรรคาที่เหลือล้วนค่อนข้างผิดคาดไป
ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเดาผิดมีเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาลที่เดาถูก
บรรพชนเต๋าเดินมาหยุดเบื้องหน้าพวกเขา ประสานมือกล่าวว่า “หงจวิน น้อมพบสหายเต๋าทุกท่าน”
สหายเต๋า!
ห้าผู้สร้างมรรคาต่างรู้สึกค่อนข้างสะเทือนใจ ใช่แล้ว จากนี้ไปล้วนมีสถานะเท่าเทียมกันแล้ว
พวกเขายังไม่ทันเปิดปากเอ่ยก็มีคลื่นพลังอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมลงมาอีกครั้ง มองเห็นหานฮวงเดินเข้าตำหนักมา
หานฮวงสวมเสื้อคลุมสีเขียว ไม่มีไอพิฆาตแล้ว บุคลิกเสมือนกระบี่ที่สอดอยู่ในฝัก ยากจะเชื่อมโยงเข้ากับเทพมารอนธการได้
บรรพชนเต๋ามองไปที่หานฮวง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสหายเต๋ามาก”
หานฮวงยิ้มบางๆ เอ่ยไปว่า “เจ้าบรรลุถึงเร็วกว่าจริงๆ สำหรับพวกเราแล้วขอเพียงบรรลุในวันเดียวกัน ผู้ใดจะเร็วกว่าช้ากว่าก็ไม่สำคัญแล้ว”
บรรพชนเต๋ายิ้มพลางพยักหน้ารับ
ไม่ได้เกิดบรรยากาศฟาดฟันกันขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ราวกับเป็นสหายกันมานมนานแล้ว
มหาเทวาพ้นนิวรณ์แย้มยิ้มเอ่ยถาม “สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนเล่า”
หานฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาอยู่ระหว่างปรับตบะให้มั่นคงจึงส่งข้ามาทักทายทุกท่านก่อน”
นับจากนี้เป็นต้นไป เขาได้เข้าสู่วงจรของผู้สร้างมรรคาอย่างเป็นทางการแล้ว!
เขาดูสุขุมมั่นคง แต่ในใจค่อนข้างตื่นเต้นพอสมควร
เขาเหลียวมองไปรอบๆ ถามด้วยความฉงน “เทพผู้สร้างเล่า”
ผู้สร้างมรรคาล้วนอยู่กันพร้อมหน้า เหตุใดท่านพ่อของเขาถึงไม่มาเล่า
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คืออาณาเขตแห่งผู้สร้างมรรคา ส่วนบิดาของเจ้า เขามิใช่ผู้สร้างมรรคาเพราะเขาบรรลุระดับที่สูงยิ่งกว่าแล้ว”
หานฮวงผงะไป จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางหลุดหัวเราะออกมา
เขาไม่ตกใจเลย เมื่อได้รับคำตอบที่แท้จริงกลับรู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว
เจ็ดผู้สร้างมรรคานั่งลงเริ่มสนทนาธรรมกัน
ผู้สร้างมรรคาแต่ละคนล้วนเดินในวิถีทางที่แตกต่างกัน เมื่อมาสนทนาธรรมกันต่างคนก็ต่างได้รับประโยชน์
ข่าวเรื่องที่บรรพชนเต๋าและสามเทพมารอนธการพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาสำเร็จแพร่กระจายไปทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยก็สิ้นสุดการปิดด่านพอดี
ครั้งนี้เขาปิดด่านยาวนานหนึ่งพันล้านปี
เขาลืมตาขึ้นมา ทอดมองอนธการและฟ้าบุพกาลที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว รู้สึกสะท้อนใจ
เร็วกว่าในอนาคตไปบ้าง ทุกความเปลี่ยนแปลงในเส้นทางอนาคตหานเจวี๋ยสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ตลอด แต่ในช่วงหนึ่งพันล้านปีที่ผ่านมาเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ
เขาสอดส่องดูอย่างละเอียด ที่แท้ก็เพียงเพราะอนาคตเปลี่ยนไป เป็นเพราะอนธการและฟ้าบุพกาลต่างได้รับการผลักดันจากกฎเกณฑ์พื้นฐาน
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือเป็นเพราะมหาโชคแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด ในยามที่พวกเขาก่อกฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เจ็ดขึ้น กฎเกณฑ์พื้นฐานได้เจาะมุดเข้าสู่โลกมหามรรคของพวกเขา ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตอนนี้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกมหาเทวาพ้นนิวรณ์ในช่วงที่เพิ่งบรรลุสู่ผู้สร้างมรรคาด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปมากกว่ากันนัก
หานเจวี๋ยทอดมองอนาคต ผู้สร้างมรรคารายที่สามแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดจะถือกำเนิดขึ้นในอีกสี่พันล้านปีให้หลัง
ไม่จำเป็นต้องพะวงกับผู้สร้างมรรคารายที่สามเลย เป็นหานหลิงนั่นเอง
แต่ภายหลังเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นกับหานหลิงเล็กน้อย จึงกลายเป็นหานเหลียงแทน
หานเหลียงที่ได้รับการสนับสนุนจากสองผู้สร้างมรรคา นับว่าได้รับพรจากสวรรค์โดยแท้
หานเจวี๋ยลุกขึ้นแล้วเดินออกจากอารามเต๋า
เวลานี้ เหล่าคู่บำเพ็ญรวมตัวอยู่ในอารามเต๋าของสิงหงเสวียน เฉลิมฉลองความสำเร็จในการพิสูจน์มรรคของหานฮวงอยู่
เมื่อหานเจวี๋ยไปถึง พวกนางล้วนไม่สังเกตเห็นเขาเลย
ขอเพียงหานเจวี๋ยไม่เปิดเผยกลิ่นอายออกไปก็ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงเขาได้
ชิงหลวนเอ๋อร์กล่าวอย่างสะท้อนใจ “ฮวงเอ๋อร์เก่งกาจโดยแท้ แต่อุปนิสัยก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าเด็กที่หัวขบถที่สุดในตอนนั้นจะกลายเป็นคนที่รู้ความมากที่สุด”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หานทั่วก็ใกล้แล้วเช่นกัน”
“ต่อไปคงเป็นหานหลิงกระมัง”
“แน่นอนสิ ถึงอย่างไรชิงเอ๋อร์กับอวิ๋นจิ่นก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
“ฮ่าๆ ถึงไม่สำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาก็ไม่เป็นไรหรอก ผู้ใดจะกล้ารังแกพวกเขาเล่า”
“หานเหลียงหลานชายคนนั้นของข้าก็มีโอกาสอยู่เช่นกัน”
“พูดถึงหลานชาย สวินเซิ่งจุนและฉู่เสี่ยวชีก็จัดการได้ยากนัก ในฐานะท่านย่าเจ้าควรไปจัดการหน่อยกระมัง”
เหล่าสตรีคุยกันอย่างคึกคักยิ่ง
สิงหงเสวียนโดดเด่นมีสง่าราศีที่สุด สถานะเทวีประจักษ์ฝันได้รับแรงศรัทธามากเหลือเกิน ตัวนางกลายเป็นเทพไปแล้ว
แม้แต่ลี่เหยาที่มีตบะเหนือชั้นที่สุดพออยู่ต่อหน้านางก็ยังดูค่อนข้างธรรมดาสามัญ
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับคิดว่าลี่เหยาก็สามารถสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาได้เช่นกัน”
พอเขาเอ่ยไปเช่นนี้ เหล่าสตรีหันมองมาที่เขา พากันตื่นเต้นดีใจเข้ามารุมล้อมเขาทันที สองแขนของเขาถูกกอดรัดไว้
เขาถูกดึงรั้งให้นั่งลง ได้รับการบีบนวดไปทั่วกาย
ไม่ได้พบหน้ามาหนึ่งพันล้านปีแล้ว เหล่าสตรีย่อมดีใจเป็นธรรมดา
ลี่เหยากะพริบตาปริบๆ เอ่ยถามไปว่า “อีกนานเพียงใดกว่าข้าจะทำสำเร็จ”
การก่อกฎเกณฑ์สูงสุดยากลำบากมากจริงๆ ตอนนี้นางยังมองไม่เห็นเลยว่าอนาคตที่ก่อกฎเกณฑ์สูงสุดได้ครบเจ็ดสายอยู่อีกไกลเพียงใด
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ภายหน้าข้าจะช่วยชี้แนะเจ้า”
ลี่เหยาปรีดานัก สายตานางราวกับจะหลอมละลายหานเจวี๋ยได้ก็มิปาน
อู้เต้าเจี้ยนสอดถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ข้าละ ข้าละเจ้าคะ”
“เจ้าหรือ อย่าฝันเฟื่องไปเลยจะดีกว่า”
หานเจวี๋ยพูดออกไปตามตรง ใบหน้างดงามของอู้เต้าเจี้ยนแข็งค้างไปทันที
………………………………………………………………