ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1183 อนธการสั่นคลอน
บทที่ 1183 อนธการสั่นคลอน
สวีฉิวเต้าคอยหลบหนีอยู่หลายร้อยปี ถึงได้ไปเก็บตัวอยู่ในมุมหนึ่งของอนธการต่อ สงบใจฝึกบำเพ็ญ
บ่วงกรรมของเขาน้อยเหลือเกิน ไม่เคยมีผู้ใดพุ่งเป้ามาที่เขาเลย แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าโลกอาจจะเต็มไปด้วยเจตนาร้ายต่อเขา ดังนั้นจึงระมัดระวังอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้สวีฉิวเต้าซึ่งจมจ่อมอยู่กับการปิดด่าน หลังจากได้รับของขวัญจากหานเจวี๋ย การฝึกบำเพ็ญของเขาก็ราบรื่นยิ่งขึ้น
หนึ่งร้อยล้านปีต่อมา เขาบรรลุสู่ระดับยอดมหามรรค ในที่สุดก็ปกปิดไม่อยู่ ถูกผู้ทรงพลังอนธการให้ความสนใจ เขาเลยจำเป็นต้องผูกไมตรีกับเหล่าผู้ทรงพลังอนธการเอาไว้
….
ผ่านไปอีกหนึ่งพันล้านปีแล้ว หานเจวี๋ยตื่นจากภวังค์แห่งการปิดด่านอีกครั้ง
กาลเวลาช่างราบเรียบน่าเบื่อหน่ายโดยแท้
หานเจวี๋ยทอดสายตาออกไปยังดินแดนเวิ้งว้าง หานหลิงและหลี่เต้าคงกลายเป็นทวยเทพฟ้าบุพกาลแล้ว พวกเขาอาศัยพลังพิสูจน์ยืนยันตำแหน่งของตน เรื่องนี้ได้เพิ่มองค์ประกอบใหม่ให้แก่ยุคสมัยไร้สิ้นสุด นอกจากผู้สร้างมรรคาแล้ว สรรพสิ่งได้รับรู้ว่าสามารถตามไขว่คว้าตำแหน่งทวยเทพไร้สิ้นสุดได้เช่นกัน
จะกลายเป็นทวยเทพไร้สิ้นสุดได้อย่างไร หลี่เต้าคงบอกว่าต้องสร้างคุณความดีให้มากเข้าไว้แล้วเทพผู้สร้างจะมองเห็นเอง เทวีประจักษ์ฝันเองก็ได้รับการเกื้อหนุนจากเทพผู้สร้างเพื่อให้มามอบโอกาสวาสนาแรกให้แก่สรรพสิ่งนับไม่ถ้วน
ชั่วขณะนั้น ยุคสมัยไร้สิ้นสุดเกิดกระแสการมุ่งมั่นบรรลุเป็นทวยเทพไร้สิ้นสุดขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้หานเจวี๋ยยังไม่คิดจะเลือกทวยเทพไร้สิ้นสุดเพิ่ม ต่อให้เลือกอีกก็จะคัดเลือกจากเหล่าศิษย์ อย่างเช่นเจียงเจวี๋ยซื่อ โจวฝาน สวินฉางอัน ถูหลิงเอ๋อร์และฉู่ซื่อเหรินเป็นต้น
สวีฉิวเต้าก็เป็นคนนอกที่ได้รับโอกาสจากเขา เขาไม่มีทางจะส่งเสริมสิ่งมีชีวิตที่ไร้ความเกี่ยวข้องกับตนไปมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือโลกปฐมยุคยังต้องเข้าแทนที่ดินแดนเวิ้งว้างอยู่
หานเจวี๋ยทอดสายตาสอดส่องโลกปฐมยุค
ความเร็วในการขยายตัวของโลกปฐมยุคเร็วขึ้นเรื่อยๆ บรรลุถึงระดับที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้ แต่เมื่อเทียบกับความไร้ขอบเขตสิ้นสุดของดินแดนเวิ้งว้างแล้ว ยังคงต้องใช้ระยะเวลายาวนานอย่างยิ่งกว่าจะเข้าแทนที่อย่างสมบูรณ์ได้
บางทีหลังจากหานเจวี๋ยสรรค์สร้างมหาโชคปฐมยุคขึ้นมาได้ โลกปฐมยุคถึงจะเข้าแทนที่ดินแดนเวิ้งว้างได้
ดินแดนเวิ้งว้างกว้างใหญ่เหลือเกิน จากอัตราการกระจายตัวในดินแดนเวิ้งว้าง ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านส่วนของดินแดนเวิ้งว้างเลย ถึงขั้นที่ไม่อาจใช้คำอธิบายนี้มาบรรยายถึงความห่างชั้นระหว่างสองฝ่ายได้ด้วยซ้ำ
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าในยุคสมัยไร้สิ้นสุดเริ่มมีผู้ทรงพลังบางส่วนเริ่มติดต่อกันอย่างลับๆ แล้ว วางแผนต่อต้านโลกปฐมยุคในภายภาคหน้า ในบรรดานั้นมีเหล่าศิษย์และเชื้อสายบางส่วนของเขาอยู่ด้วย
หานเจวี๋ยไม่โกรธเคืองเลย กลับตั้งตารอด้วยซ้ำ
เขาไม่นึกเคืองที่คนเหล่านั้นจะต่อต้านตน หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาก็ไม่มีทางยอมผสานรวมเข้ากับโลกมหามรรคของผู้อื่นง่ายๆ แน่นอน โดยเฉพาะเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ที่คิดว่ามีพรสวรรค์ไร้ขีดจำกัด คิดว่าตนจะต้องพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้แน่นอน จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก่อนที่โลกปฐมยุคจะเข้าใกล้ศูนย์กลางของยุคสมัยไร้สิ้นสุด คาดว่าคนเหล่านั้นคงไม่กล้ามาท้าทายหานเจวี๋ย
พวกเขาทำได้เพียงรอให้ถึงจุดที่ถูกบีบจนไร้ทางเลือกแล้วถึงจะลงมือ
เมื่อหานเจวี๋ยนึกถึงฉากยามที่เปิดฉากการต่อสู้ขึ้นก็รู้สึกคาดหวังอย่างยิ่ง
การสู้รบกับสรรพสิ่งก็เป็นเพียงการสร้างความบันเทิงของเขาเท่านั้น
ความเมตตาเพียงอย่างเดียวที่หานเจวี๋ยมีให้พวกเขาคือหลังจากโลกปฐมยุคกลืนกินโลกมหามรรคต่างๆ เข้าไปแล้ว จะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตของโลกต่างอยู่รอดต่อไป กลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตปฐมยุค
สำหรับสรรพสิ่งจะอยู่ที่ใดก็เหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่พวกเขามีความคิดที่อยากจะก้าวข้ามหานเจวี๋ยอยู่เสมอ
คุณสมบัติของหานเจวี๋ยเหนือกว่าพวกเขาหลายต่อหลายเท่านัก ระดับตบะก็อยู่ในจุดสูงสุดเช่นกัน ซ้ำยังมานะบำเพ็ญ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางที่จะถูกแซงหน้าไปได้
“เฮ้อ เวลาอันแสนน่าเบื่อ ทำได้เพียงสอดส่องดูสรรพสิ่ง”
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยความสะท้อนใจ หลังจากไม่มีเป้าหมายให้ไล่ตาม อันที่จริงชีวิตก็สูญเสียความหมายไปเช่นกัน โชคดีที่เป้าหมายของเขาก็คือการมีชีวิตอยู่
การสำเร็จเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งคือแผนการที่ดีที่สุดในการแสวงหาชีวิตอันยั่งยืน
จากนั้นบังเกิดเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความคาดหวังขึ้นมาเล็กน้อย นั่นก็คือหานฮวงมาขอเข้าพบ
นับตั้งแต่หานเจวี๋ยเปิดเผยเรื่องโลกปฐมยุคจะกลืนกินโลกมหามรรคไป เขาหลงนึกว่าหานฮวงจะไม่มาอีกนานพักใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วถึงขนาดนี้
เขาทำนายดูเล็กน้อย ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องของสวีฉิวเต้า
อำนาจระบบของสวีฉิวเต้าเผยออกมาแล้ว ในฐานะผู้สร้างมรรคา หานฮวงย่อมรู้ถึงความเป็นไปในโลกมหามรรคของตน อีกทั้งอำนาจระบบก็ไม่มีอาณาเขตเต๋าช่วยปิดกั้น
หานฮวงเข้ามาในอารามเต๋าอย่างรวดเร็ว
เขาทำความเคารพต่อหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม ยังคงเคารพให้เกียรติ
“ถามมาเถอะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มของเขาทำให้หานฮวงอึดอัดยิ่งนัก
หานฮวงคิดว่าท่านพ่อต้องรับรู้ได้แน่นอนว่าเขาไม่อยากเข้าร่วมกับโลกปฐมยุค ถึงขั้นที่คงรับรู้แล้วว่ามีคนที่คิดจะต่อต้านโลกปฐมยุค เพียงแต่ท่านพ่อไม่ใส่ใจก็เท่านั้น
เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดก็ถูกต้องแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าเขาจะก่อเรื่องขึ้นอย่างไร ท่านพ่อล้วนไม่เคยถือโทษเขาเลย
หานฮวงสงบอารมณ์ลง ถามข้อข้องใจของตนออกมา
“ถูกต้อง สวีฉิวเต้าได้รับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคสายนั้นไป อำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้เปลี่ยนเจ้าของมามากมายเหลือเกิน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเคยไปปรากฏในมรรคาสวรรค์ แดนลับเชื่อมวิถีและวังจักรพรรดิมหาโชค แต่น่าเสียดาย เจ้าของเก่าเหล่านั้นล้วนมอดม้วยลงกลางคัน”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หานฮวงได้ฟังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาสอดส่องดูโอกาสวาสนาของสวีฉิวเต้าไม่ได้ แต่เขาเป็นถึงผู้สร้างมรรคาแล้ว คนที่ทำให้เขามองไม่ออกได้ก็มีแต่ท่านพ่อเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงอยากมาสอบถามให้แน่ชัดก่อน หากว่าท่านพ่อปฏิเสธ เช่นนั้นเขาก็จำเป็นต้องลงมือ ไม่มีผู้ใดจะยินดีให้ปรากฏตัวตนที่สร้างความไม่สบายใจให้แก่ตนขึ้นภายในโลกมหามรรคของตนได้
หานฮวงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ มุมมองที่ท่านมีต่อเขา…”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “แล้วแต่เจ้าเถิด”
หานฮวงเงียบไป
สี่คำนี้ควรค่าให้ขบคิดดู
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็เอ่ยถามขึ้นมา “ตบะของเจ้ามั่นคงแล้วหรือ”
หานฮวงยืดตัวตรง เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอรับ ข้าเคยประลองกับมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญแล้ว พอจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่”
หากว่ากันในแง่ของกำลังรบในระดับเดียวกัน เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจในตัวเอง มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพิสูจน์ผู้สร้างมรรคามาเนิ่นนานนัก แต่กลับถูกเขาไล่ตามมาติดๆ!
“อยากประลองกับพ่อสักหน่อยหรือไม่ พวกเราเข้าสู่แบบจำลองกันทดสอบกันเป็นอย่างไร” หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มละไม
หานฮวงนึกถึงการประลองครั้งล่าสุด ตัวสั่นขึ้นมา ในใจนึกหวาดกลัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณ แต่พอลองคิดดูอีกที เขาบรรลุผู้สร้างมรรคาแล้ว ผู้สร้างมรรคาเป็นอมตะมิวางวาย ต่อให้สู้ไม่ไหว ก็คงไม่ถึงขั้นแพ้อย่างอเนจอนาถเช่นในอดีต
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอรับ แต่ในเมื่อเป็นการประลอง เช่นนั้นท่านพ่อก็ทุ่มพลังทั้งหมดออกมาเถิดขอรับ”
หานเจวี๋ยยิ้มพลางพยักหน้ารับ สองพ่อลูกเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ
อีกด้านหนึ่ง เกิดเหตุอาเพศขึ้นในอนธการ มหามรรคสามพันวิถีสั่นคลอน กฎเกณฑ์สูงสุดเดี๋ยวสลัวเดี๋ยวสว่าง การไหวกระเพื่อมของกฎเกณฑ์ก่อให้ห้วงมิติอนธการพังทลาย มีโลกขนาดใหญ่หลายแห่งดับสูญไปด้วยเหตุนี้
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนปรากฏตัวขึ้นทันที สร้างความเสถียรให้แก่กฎเกณฑ์อนธการ
“เกิดอะไรขึ้น” สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยถามเสียงเครียด
หวงจุนเทียนขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เป็นหานฮวง เกิดเรื่องขึ้นกับเขาแล้ว แต่เขาเดินทางไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งเทพผู้สร้าง จะเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร…”
สีหน้าของสื่อหยวนหงเหมิงดูไม่น่ามองขึ้นกว่าเดิม หรือว่าเทพผู้สร้างจะลงมือกับหานฮวง
แต่พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน…
หรือเทพผู้สร้างจะบังคับหานฮวง
จิตใจของทั้งสองค่อนข้างปั่นป่วนว้าวุ่น สื่อหยวนหงเหมิงทำอะไรไม่ถูก ส่วนหวงจุนเทียนก็กังวลว่าหานเจวี๋ยจะเปลี่ยนไป
เหตุผลที่เขาถวายความจงรักภักดีต่อหานเจวี๋ยอย่างสุดจิตสุดใจ นอกจากจะเป็นเพราะตระหนักรู้ในสถานการณ์แล้ว ยังเป็นเพราะเชื่อมั่นในตัวหานเจวี๋ยด้วย หากว่าแม้แต่บุตรชายของตนที่ให้ความสำคัญเป็นที่สุดหานเจวี๋ยก็ยังกล้าลงมือได้ เช่นนั้นข้ารับใช้อย่างเขาจะนับเป็นอันใดเล่า
ผ่านไปไม่นานนัก พวกเขาจับสัมผัสกลิ่นอายของหานฮวงได้แล้ว รีบไล่ตามไปหาทันที
………………………………………………………………