ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1184 เทพผู้สร้างเอาจริง
บทที่ 1184 เทพผู้สร้างเอาจริง
ภายในตำหนักอนธการ
หานฮวงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นดอกบัวของตน สีหน้ามืดมนอย่างยิ่ง สองมือของเขายังคงสั่นอยู่
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเขา
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดมรรคจิตของเจ้าถึงแปรปรวนมากขนาดนั้น” สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยถามเสียงเข้ม พอเห็นว่าหานฮวงยังปลอดภัยดีเขาพลันโล่งใจขึ้นมา
ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แปลว่าเทพผู้สร้างยังไม่ได้เกิดอาการบ้าคลั่งเช่นนั้นขึ้นมา
หวงจุนเทียนก็จดจ้องที่หานฮวงเช่นกัน รอคำตอบของเขา
หานฮวงเงียบงัน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยตอบว่า “ข้าประลองกับท่านพ่อมา”
สื่อหยวนหงเหมิงขมวดคิ้ว “เพียงเพราะสู้ไม่ได้ต้องเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่อยู่แล้ว”
น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความขุ่นข้อง ที่แท้ก็แค่การประลอง
หานฮวงคนนี้ดีร้ายอย่างไรก็เคยเป็นอันดับหนึ่งในระดับที่ต่ำกว่าผู้สร้างมรรคา แต่จิตใจกลับเปราะบางถึงเพียงนี้ คงไม่ได้คิดว่าตนจะเอาชนะเทพผู้สร้างได้จริงๆ กระมัง
“ข้าย่อมรู้ตัวดีว่าสู้ไม่ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะห่างชั้นกันมากปานนั้น ข้าสงสัยว่าท่านพ่อมีพลังมากพอจะสังหารผู้สร้างมรรคาได้” หานฮวงพูดเสียงต่ำ
“ว่าอย่างไรนะ”
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนล้วนหน้าเปลี่ยนสี
ที่พึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือความเป็นอมตะมิวางวายของผู้สร้างมรรคา ผู้สร้างมรรคาที่แม้แต่ถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำลายล้างก็ยังฟื้นกลับมาได้ พวกเขาย่อมไม่ต้องกลัวตาย
ในมุมมองของพวกเขาเทพผู้สร้างเพียงแข็งแกร่งว่าผู้สร้างมรรคาเท่านั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นสังหารผู้สร้างมรรคาได้
วาจาของหานฮวงทำให้พวกเขาเกิดความกลัวขึ้นมา
ผู้สร้างมรรคาไม่ได้เป็นอมตะอย่างถาวร!
สื่อหยวนหงเหมิงกัดฟันเอ่ยถาม “เจ้าไม่ได้วิเคราะห์ผิดไปแน่หรือ”
หานฮวงกล่าวว่า “ไม่เลย แรงกดดันนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ข้าไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาข้ารู้สึกว่าผู้สร้างมรรคาไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตสามัญเลย”
หวงจุนเทียนขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “แต่จากที่ฉู่เสี่ยวชีเล่ามา หลังเทพผู้สร้างต่อสู้กับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้กล่าวไว้ว่าไม่สามารถสังหารผู้สร้างมรรคาได้ ทำได้เพียงผนึกเอาไว้”
หานฮวงเอ่ยถาม “ผนึกไว้ที่ใดเล่า มีใครเห็นบ้าง ความจริงคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหายไป ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลก็หายไปแล้วเช่นกัน หาไม่พบเลยว่าพวกเขาถูกผนึกไว้ที่ใด”
พอสองเทพมารอนธการได้ฟังก็เงียบไป
ใช่แล้ว
นั่นเป็นเพียงคำพูดของเทพผู้สร้าง
ไม่มีผู้ใดได้เห็นเลย
แต่หากว่าเทพผู้สร้างสังหารผู้สร้างมรรคาได้ เหตุใดถึงไม่ยอมรับเล่า
หรือว่าเขาคิดจะควบคุมให้ระดับสูงสุดหยุดอยู่ที่ผู้สร้างมรรคาเท่านั้น ซุกซ่อนตัวไว้ในฐานะผู้ไร้พ่ายอย่างถาวรเช่นนั้นหรือ
มีความเป็นไปได้สูง!
ยิ่งคิดสื่อหยวนหงเหมิงก็ยิ่งนึกกลัวย้อนหลัง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ลงมือกับโลกปฐมยุคในทันที
หวงจุนเทียนเอ่ยว่า “ล้มเลิกแผนการเถอะ พวกเราจะไม่เข้าร่วมกับโลกปฐมยุค จะฝึกบำเพ็ญกันต่อไป แต่หากว่าโลกปฐมยุคขยายตัวมาถึงอนธการเข้า พวกเราก็ต้องยอมรับ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นมาเดิมพันกันเถิดว่าพวกเราจะหาวิธีบรรลุสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปได้หรือไม่”
หานฮวงพยักหน้ารับ สื่อหยวนหงเหมิงก็ไม่คัดค้าน
ถึงแม้พวกเขาจะผสานรวมกันแล้ว แต่พลังของหานฮวงแกร่งกล้าที่สุด แม้แต่หานฮวงยังตกใจจนมรรคจิตเกือบพังทลายได้ พวกเขายิ่งไม่กล้าปะทะกับเทพผู้สร้างอีก
เทพผู้สร้างแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
….
หลังจากประลองกับหานฮวงเสร็จ หานเจวี๋ยถูกกระตุ้นความปรารถนาในการต่อสู้ขึ้นมา เขาตรวจจับสรรพสิ่งทั้งหมดทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุดรวมถึงเหล่าผู้สร้างมรรคา
เริ่มใช้งานแบบจำลองการทดสอบ!
ท้าสู้สรรพสิ่ง!
เจ้านวฟ้าบุพกาล จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ มหาเทวาพ้นนิวรณ์ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล สามมหาอนธการ บรรพชนเต๋าตลอดจนสรรพสิ่งทั้งหมด!
รวมถึงสรรพสิ่งในโลกปฐมยุคด้วย!
ใช้ปฐมยุคประทับนภา สังหารได้ทันที
ใช้ปฐมยุคสิ้นสูญ ยังคงสังหารได้ในเสี้ยววินาที
หลังจากทดลองซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง หานเจวี๋ยก็เริ่มออมมือ ไม่ใช่พลังวิเศษอีกต่อไป ใช้เพียงมือเท้าเปล่าๆ แม้จะทำเช่นนี้แล้วก็ยังไม่มีผู้สร้างรับพลังของเขาไหว
ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในแบบจำลองการทดสอบ ไม่อาจถอนตัวได้
ภายในอารามเต๋าด้านข้าง
หานอวิ๋นจิ่นกำลังทักทายเหล่าท่านแม่อยู่
“ไฉนพี่รองของเจ้าไม่มาทักทายก็จากไปเสียแล้วเล่า” จู่ๆ ลี่เหยาก็เอ่ยถามขึ้นมา
หานอวิ๋นจิ่นผงะไป เขามากับพี่รองแต่ตบะห่างชั้นกันเกินไป เขาจึงไม่รับรู้ว่าหานฮวงจากไปแล้ว
“เขาไปแล้วหรือขอรับ เร็วถึงเพียงนี้เชียว นี่เพิ่งจะกี่ลมหายใจกัน” หานอวิ๋นจิ่นแปลกใจ
สิงหงเสวียนโบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว คาดว่าเขาคงมาเพื่อประลองกับท่านพ่อของเขา พ่ายแพ้เร็วเกินไปจึงจากไป ท่านพี่ยิ้มระรื่นอยู่เสมอ แต่พออยู่ในแบบจำลองการทดสอบแล้วล้วนทุ่มกำลังเต็มที่ใส่ทุกคน ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย”
หานอวิ๋นจิ่นแปลกใจกว่าเดิม เอ่ยถามไปว่า “พี่รองเป็นผู้สร้างมรรคาแล้วยังพ่ายแพ้ท่านพ่อเร็วขนาดนี้อีกหรือขอรับ ซ้ำยังไม่มาทักทายอีก เช่นนี้ต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถปานใดกัน”
เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เคยบอกไว้แต่แรกแล้ว เขาจะต้องอยู่เหนือกว่าผู้สร้างมรรคาแล้วแน่นอน บรรลุถึงระดับที่เหนือชั้นกว่า แต่ระดับที่เหนือชั้นยิ่งกว่ามีอยู่จริงๆ น่ะหรือ จะเป็นเขาที่บุกเบิกระดับใหม่ขึ้นมาเองหรือไม่เล่า”
ทุกคนมองหน้ากันมา สะท้อนใจกับความแข็งแกร่งของหานเจวี๋ยอย่างยิ่ง
พวกนางยังคงไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดี หานเจวี๋ยพึ่งพาสิ่งใดถึงแข็งแกร่งได้ปานนี้ เพียงเพราะทัศนคติที่มานะบำเพ็ญเช่นนั้นหรือ
ระยะเวลาในการบำเพ็ญของพวกนางนับรวมกันแล้วยังมากกว่าช่วงเวลาที่หานเจวี๋ยพิสูจน์สำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาด้วยซ้ำ
มิใช่เรื่องของทัศนคติแล้ว ต้องเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติด้วยแน่นอน!
คุณสมบัติของหานเจวี๋ยบรรลุถึงระดับที่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว
หานอวิ๋นจิ่นนึกสนุกขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าไปท้าสู้กับท่านพ่อสักยกด้วยดีกว่า เขายังไม่ปิดด่านฝึกบำเพ็ญพอดี ถึงอย่างไรในแบบจำลองการทดสอบก็ไม่ทำให้คนตายอยู่แล้ว”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
สิงหงเสวียนคิดจะโน้มน้าวไว้ แต่ถูกลี่เหยาขัดขวาง แค่นเสียงเอ่ยว่า “ให้เจ้าเด็กโง่คนนี้ไปลองดูเถิด เลี่ยงไม่ให้ทำตัวเฉื่อยชาอืดอาดอยู่ทั้งวัน ไม่มีมาดของผู้ทรงพลังเลยสักนิด”
ชิงหลวนเอ๋อร์ป้องปากยิ้มเอ่ยไปว่า “ใช่ว่าเขาไม่มีเสียที่ไหน เพียงไม่แสดงออกมาต่อหน้าพวกเราเท่านั้น”
ลี่เหยายิ้มอย่างจนปัญญา “ข้าย่อมทราบดี แต่ก็เพียงเพราะเป็นต่อหน้าพวกเราข้าถึงได้ไม่วางใจ พยายามเพิ่มพูนตบะขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายอยู่แล้ว”
นางมีจิตใจที่แสวงหาความแข็งแกร่ง ไม่เคยยอมแพ้ที่จะไล่ตามรอยหานเจวี๋ย ดังนั้นจึงอยากให้บุตรชายแข็งแกร่งเช่นกัน
ผ่านไปนานพักใหญ่
หานอวิ๋นจิ่นชักช้าไม่กลับมาเสียที ทำให้พวกนางเริ่มกังวลขึ้นมา
สิงหงเสวียนขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นมา “ไปดูกันเถอะ เด็กคนนั้นไม่มีทางต้านรับได้นานไปกว่าฮวงเอ๋อร์”
เซวียนฉิงจวิน ลี่เหยาและชิงหลวนเอ๋อร์ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงมุ่งหน้าไปยังอารามเต๋าของหานเจวี๋ยทันที
หานเจวี๋ยปล่อยให้พวกนางเข้ามาได้เลย มองเห็นเพียงว่าหานอวิ๋นจิ่นนอนอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย ร่างกายหดคู้อยู่บนพื้น สองมือกอดอก ตัวสั่นระริก ดวงตาเขาเบิกกว้างสุดขีด น่าตกใจอย่างยิ่ง ราวกับมนุษย์ธรรมดาที่มองเห็นผี
“ท่านทำขนาดนี้เชียวหรือ” สิงหงเสวียนถลึงตาใส่หานเจวี๋ยคราหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างจนใจว่า “ข้าออมมือให้แล้ว แต่ดีร้ายอย่างไรข้าก็คือเทพผู้สร้าง เขาอ่อนแอเกินไป”
สิงหงเสวียนมองลี่เหยาที่ประคองหานอวิ๋นจิ่นขึ้นมา เห็นเพียงรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนหน้าลี่เหยา นางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พอดีเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเด็กคนนี้ยังไม่เคยได้สัมผัสถึงอันตรายมาก่อน ครั้งนี้ให้เขาได้ตระหนักถึงความอ่อนแอของตนเสียบ้าง”
เซวียนฉิงจวินและชิงหลวนเอ๋อร์สบตากัน ต่างมีสีหน้าจนปัญญา
หานเจวี๋ยดีไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่ชอบเอาจริงกับชนรุ่นหลังนัก
“ลี่เหยารั้งอยู่ก่อน ส่วนพวกเจ้าพาเขาออกไปเถอะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นมา เหล่าสตรีต่างปฏิบัติตาม
ลี่เหยานั่งลงข้างกายหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยถามยิ้มๆ “ไม่โกรธข้าหรือ”
ลี่เหยาส่ายหน้า “ไม่โกรธเลยจริงๆ”
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ถามมากอีก ทั้งสองคนไม่จำเป็นพูดไร้สาระอีกต่อไป เขาเริ่มชี้แนะการสร้างโลกมหามรรคต่อลี่เหยา
ในหมู่คู่บำเพ็ญของหานเจวี๋ยจะต้องมีผู้สร้างมรรคาสักคน ลี่เหยามีความหวังที่สุด
ลี่เหยาก่อกฎเกณฑ์สูงสุดได้ห้าสายแล้ว ขยับเข้าใกล้ผู้สร้างมรรคาไปเรื่อยๆ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกสองสายสุดท้ายยังคงอยู่ห่างไกลอย่างยิ่ง
………………………………………………………………