ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1185 หนึ่งหมื่นล้านปี
บทที่ 1185 หนึ่งหมื่นล้านปี
ลี่เหยารั้งอยู่ฝึกบำเพ็ญข้างกายหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญพลางแผ่เจตจำนงเทพผู้สร้างของตนออกมา ช่วยเกื้อกูลให้ลี่เหยาเข้าใจกฎเกณฑ์พื้นฐาน
ผ่านไปหลายปีกว่าหานอวิ๋นจิ่นจะค่อยๆ เรียกขวัญกำลังใจกลับมาได้ เขาออกจากอาณาเขตเต๋าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเชื้อสายตระกูลหานก็พบว่าท่านบรรพชนเริ่มปิดด่านแล้ว อยากจะพบเขาอีกก็ยากนัก
เรื่องนี้น่าแปลกใจยิ่ง แต่ก่อนหานอวิ๋นจิ่นแทบไม่ฝึกบำเพ็ญเลย มักจะยุ่งง่วนกับการคัดสรรเชื้อสายตระกูลหาน เรียกได้ว่าเป็นคนที่อยู่ว่างที่สุดในตระกูลหานแล้ว
เรื่องที่หานฮวงและหานอวิ๋นจิ่นพ่ายแพ้ต่อเทพผู้สร้างไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป
สิบล้านปีผ่านไป ลี่เหยาถึงได้กลับมายังอารามเต๋าของตน โลกมหามรรคของนางมีมหาโชคเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แปรเปลี่ยนไร้สิ้นสุด แต่สิ่งมีชีวิตภายในโลกไม่รู้สึกตัวเลย
ตอนนี้ลี่เหยาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทราบว่าตนจะต้องพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้แน่นอน อีกทั้งไม่นับว่าอยู่ไกลแล้วด้วย!
….
พันล้านปีผ่านไปรวดเร็วยิ่ง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดมาหาเขา
เขาสอดส่องดูโลกปฐมยุคพักหนึ่งก็ถอนสายตากลับมา ฝึกบำเพ็ญต่อ
อีกไม่นานเขาจะอายุครบหมื่นล้านปีแล้ว
หลายร้อยปีต่อมา ข้อความสามแถวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุหมื่นล้านปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ทำลายล้างโลกมหามรรคทั้งหมดทันที จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น หินวิญญาณปฐมยุคหนึ่งก้อน]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิมไว้ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น หินวิญญาณปฐมยุคหนึ่งก้อน]
[ท่านได้รับสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง]
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนนี้หินวิญญาณปฐมยุคไม่มีประโยชน์สำหรับหานเจวี๋ยแล้ว ดังนั้นจึงเพียงเก็บสะสมไว้เท่านั้น
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ
จู่ๆ เขาบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา หรือจะเพิ่มระยะเวลาปิดด่านให้นานขึ้นดี
คิดอย่างไรทุกวันนี้กาลเวลาก็น่าเบื่อหน่ายสำหรับเขามากนัก
นอกจากชายผมขาวลึกลับคนนั้น ที่หานเจวี๋ยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะถือกำเนิดขึ้นมาในยามใด
แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ถึงขั้นที่คอยจับตามองการถือกำเนิดของเขา หากว่าชายผมขาวเพิ่งจะถือกำเนิดก็ถูกเขาสังหารเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าวันหน้าจะมีชายผมขาวคนที่สองปรากฏตัวขึ้นมาอีกหรือ
ถึงขวางก็ขวางไม่อยู่แน่นอน
ไม่สู้พยายามแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ดีกว่า!
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงแจ้งเหล่าคู่บำเพ็ญ บอกทุกคนให้ทราบว่าตนจะปิดด่านในระยะยาว หลังจากนี้ก็จะปิดด่านต่อไป
การปิดด่านรอบนี้ของเขาเป็นระยะเวลาหนึ่งหมื่นล้านปี
ดินแดนเวิ้งว้างพัฒนาตัวไปอย่างรวดเร็ว เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกวัน ภายในระยะเวลาหมื่นล้านปีมีผู้สร้างมรรคาถือกำเนิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายคน
….
ณ ตำหนักพ้นนิวรณ์ มีเงาร่างมากมายหลายร่างคุกเข่าอยู่หน้าประตูใหญ่ หน้าผากจรดแนบติดขั้นบันได
“พวกเจ้าถอยออกไปเถอะ ผู้สร้างมรรคาไม่มีทางสอดมือเข้ายุ่ง”
เสียงของมหาเทวาพ้นนิวรณ์แว่วออกมา น้ำเสียงเย็นชา
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมมังกรคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น เอ่ยถามเสียงขรึม “ขอบังอาจเรียนถามมหาเทวา วาจานี้ของท่านแปลว่ายอมรับการกระทำของเขาโดยปริยายหรือ”
ไม่มีเสียงแว่วออกมาจากตำหนักพ้นนิวรณ์อีก
ชายในชุดคลุมมังกรคุกเข่ารออีกสักพัก จากนั้นก็ค่อยลุกขึ้นมา
เงาร่างที่เหลือก็ลุกตามเขาขึ้นมาเช่นกัน หันหลังติดตามเขาจากไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าได้กล่าวโทษหากพวกเราจะทำทุกวิถีทาง!”
ชายในชุดคลุมมังกรเอ่ยกระซิบกับตัวเอง เพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็กลายร่างเป็นมังกรทองยาวหลายร้อยล้านลี้ตัวหนึ่งเหาะมุ่งสู่ส่วนลึกของดินแดนเวิ้งว้าง เงาร่างที่เหลือก็กลายร่างเป็นมังกรเช่นกัน
ภายในตำหนักพ้นนิวรณ์
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ลืมตาขึ้น เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมา
“สุดท้ายยุคสมัยก็เปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่ผู้สร้างมรรคาก็ต้องเข้าสู่เคราะห์กรรมเช่นกัน บางทีข้าสมควรลงมือได้แล้ว”
พอเอ่ยจบ เงาร่างหนึ่งก้าวออกมาจากความมืด เป็นเจ้านวฟ้าบุพกาล
เจ้านวฟ้าบุพกาลหยุดเท้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เทพผู้สร้างปิดด่าน ภายในหมื่นล้านปีมีผู้สร้างมรรคาถือกำเนิดขึ้นหลายคน อีกทั้งเกิดตัวแปรมากมายขึ้นในยุคสมัยไร้สิ้นสุด นี่ก็คือยุคสมัยไร้สิ้นสุด ยุคสมัยแห่งอำนาจควบคุมของผู้สร้างมรรคาผ่านพ้นไปแล้ว ร่วมมือกับข้าเถอะ ห้าผู้สร้างมรรคาแห่งบรรพกาลสมควรจะร่วมมือจับกลุ่มกันไว้”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยถาม “หากว่าเทพผู้สร้างทราบ…”
“ผู้ที่เราต้องการต่อต้านมิใช่เทพผู้สร้าง พวกเราร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่ามีบ่วงกรรมที่เจ้ามองไม่กระจ่างปรากฏขึ้นในดินแดนเวิ้งว้างมากมายนัก พวกเรามีแต่ต้องร่วมมือกัน ก่อตั้งกฎระเบียบขึ้นใหม่ ถึงจะช่วยเทพผู้สร้างปกป้องยุคสมัยไร้สิ้นสุดเอาไว้ได้”
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยตัดบทเขาขึ้นมา
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เงียบไป
ครืน…
ตำหนักพ้นนิวรณ์สั่นไหวรุนแรง ราวกับกำลังจะพังถล่ม สั่นสะเทือนต่อเนื่องอยู่หลายลมหายใจ
เจ้านวฟ้าบุพกาลถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า “เด็กคนนี้เข้าใกล้ผู้สร้างมรรคามากขึ้นเรื่อยๆ เขาอายุเพียงแค่สองพันล้านปีเท่านั้นขึ้น มีโชควาสนาเช่นนี้นับว่าเลิศล้ำโดยแท้”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “หากเขาสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคา สรรพสิ่งจะทุกข์ยาก”
“ก็คงใช่กระมัง”
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ”
“อืม รอให้ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ข้าจะสร้างความประหลาดใจอย่างหนึ่งให้เจ้า”
พูดจบเจ้านวฟ้าบุพกาลก็เลือนหายไปจากจุดเดิม ภายในตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
….
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานอวิ๋นจิ่นมาเยี่ยมเยือนเหล่ามารดา ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในอารามเต๋าของลี่เหยา พูดคุยเรื่องยุคสมัยไร้สิ้นสุด
“จุ๊ๆ ท่านแม่ มหาจักรพรรดิเฉินนี่มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ขอรับ สั่งกวาดล้างโลกมหามรรคไปมากมายถึงเพียงนั้น ยอดมหามรรคก็ทำอันใดเขาไม่ได้ ผู้สร้างมรรคาก็ไม่ลงมือเช่นกัน” หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยถามด้วยความฉงน
ลี่เหยาเอ่ยเสียงเรียบ “เขาคือสิ่งมีชีวิตดวงชะตาแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด สิ่งที่ปกป้องเขาอยู่มิใช่ผู้สร้างมรรคา แต่เป็นกฎเกณฑ์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของดินแดนเวิ้งว้าง แม้แต่ผู้สร้างก็ไม่อาจสอดส่องให้กระจ่างได้ เกรงว่าคงมีเพียงท่านพ่อของเจ้าที่สังหารเขาได้”
สิงหงเสวียนทอดถอนใจเอ่ยไปว่า “ไม่คิดเลยว่าโอกาสวาสนาประการหนึ่งที่ข้ามอบให้เขาในอดีต กลับทำให้เขากลายเป็นหายนะแห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด”
อู้เต้าเจี้ยนส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “จะโทษท่านได้อย่างไร หากไม่มีท่านเขาคงตายไปนานแล้ว หากว่ากันไปแล้วเขายังคงนับถือท่านเปรียบดั่งมารดา แม้แต่ท่านก็ช่วยเกลี้ยกล่อมขัดขวางเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“กล่อมไม่ได้เลย ถึงแม้เขาจะให้ความเคารพข้า แต่เขายึดติดหมกมุ่นเกินไป ไม่อาจจัดการเขาได้เลย”
สิงหงเสวียนกล่าวอย่างอับจนหนทาง ตำนานของเทวีประจักษ์ฝันยังคงแพร่อยู่ในดินแดนเวิ้งว้าง ตัวนางในปัจจุบันนี้คือดวงจิตที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงสุดจากสรรพสิ่ง เทียบกันแล้วยังได้รับความศรัทธามากกว่าดวงจิตมหามรรคกับผู้สร้างมรรคาเสียอีก
หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าคนผู้นั้นทำลายล้างมรรคาสวรรค์ กวาดล้างเผ่ามังกร อยากจัดการเขาให้ได้เสียจริง น่าเสียดายที่ข้ามีพลังไม่เพียงพอ”
หลังจากถูกหานเจวี๋ยขู่ขวัญ เขาก็มานะพยายามจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เวลาผ่านมาเนิ่นนานปานนี้ เขาเป็นเพียงยอดมหามรรคอยู่ เขาบรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถเพิ่มพูนตบะได้อีก
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านพ่อจะออกจากปิดด่านยามใดหรือขอรับ ดินแดนเวิ้งว้างวุ่นวายไปหมดแล้ว เขายังสงบใจฝึกบำเพ็ญได้อีก”
เซวียนฉิงจวินยิ้มบางๆ เอ่ยไปว่า “ก็วุ่นวายสำหรับพวกเราเท่านั้น ในสายตาของเขาไม่นับว่าเป็นปัญหาเดือดร้อนเลย”
หานอวิ๋นจิ่นฟังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล อดพยักหน้ารับไม่ได้
ในเวลานี้เอง อำนาจกดดันมหาศาลประการหนึ่งกดทับลงมา ทำให้พวกเขาตกใจหันไปมอง
เห็นเพียงว่าในสวนลึกของดินแดนเวิ้งว้าง มีเงาร่างสองสายกำลังประจันหน้ากันอยู่ รัศมีพลังของพวกเขาบรรลุถึงขีดสูงสุด
หนึ่งในนั้นคือเทพมารอนธการหานฮวง!
หานฮวงอยู่สูงเบื้องบน เห็นได้ชัดว่าแผ่รัศมีพลังสะกดข่มอีกฝ่าย ทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นชายผมขาวคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะไว้ ตามข้อต่อของชุดเกราะฝังโครงกระดูกขาวไว้ ใบหน้าแปลกประหลาดชั่วร้าย ม่านตาแคบยาวราวกับปีศาจ โดยเฉพาะรัศมีอำนาจสีโลหิตนั้นของเขา ชวนให้คนหวาดผวาอย่างยิ่ง
“สมกับที่เคยเป็นอดีตอันดับหนึ่งในหมู่ผู้ที่รองลงมาจากผู้สร้างมรรคา แข็งแกร่งมากจริงๆ…”
มหาจักรพรรดิเฉินนี่แหงนหน้ามองหานฮวง เผยรอยยิ้มบ้าคลั่งออกมา เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ชูมือขวาขึ้นมา กระบี่กระดูกท่อนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
………………………………………………………………