ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1188 กฎเกณฑ์พื้นฐานที่พิเศษออกไป
บทที่ 1188 กฎเกณฑ์พื้นฐานที่พิเศษออกไป
‘เริ่มจากหานเหลียงก่อน จากนั้นก็เทพมารไร้สิ้นสุด ตอนนี้มีคนผู้นี้โผล่มาอีก ดูเหมือนดินแดนเวิ้งว้างจะรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามจากข้า จึงกำลังคิดหาวิธีสะท้อนกลับจัดการข้าอยู่’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ตอนนี้โลกปฐมยุคขยายตัวไปไม่รู้กี่เท่าแล้ว แต่ในมุมของอริยะเสรียังคงดูกว้างไกลไร้ขอบเขตอยู่ มีเพียงอริยะมหามรรคที่สามารถพ้นออกมาได้ แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานมากเช่นกัน
ความใหญ่โตของโลกมหามรรค ไม่ได้ใหญ่เพียงขนาดพื้นที่เท่านั้น ยังมีการยกระดับของกฎเกณฑ์มิติด้วย ก็อย่างที่อริยะมหามรรคที่ไม่ใช่คิดอยากจะออกก็สามารถออกไปได้เลย อุปสรรคนี้เทียบได้กับดินแดนเวิ้งว้างที่หานเจวี๋ยต้องเผชิญ
การขยายตัวของโลกมหามรรคมิใช่สิ่งที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เลือนหายไปจากจุดเดิม
เขามาปรากฏตัวเบื้องหน้าไข่สายฟ้าลึกลับ วินาทีนั้นเอง สายฟ้าหลากสีสันภายในห้วงมิตินี้พลันหยุดนิ่ง แม้แต่เส้นแสงที่พุ่งเข้าหาไข่สายฟ้าก็หยุดนิ่งไปเช่นกัน
จากนั้นมหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
หลังจากได้รับอำนาจปกครองยุคสมัยไร้สิ้นสุด ตบะของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ย เขารู้สึกขึ้นมาอย่างน่าประหลาดว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายห่างไกลกันขึ้นเรื่อยๆ
“เทพผู้สร้าง จะจัดการสิ่งนี้อย่างไรหรือขอรับ”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยถามอย่างนบนอบ
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าจะพาเขาไปสั่งสอนให้ดี”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านพาเขาไปได้หรือขอรับ”
หานเจวี๋ยกวักมือคราหนึ่ง ไข่สายฟ้าใบใหญ่มโหฬารใบนั้นหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ลอยเข้าสู่ใจกลางฝ่ามือเขา
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตกตะลึงอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้ผู้สร้างมรรคามากมายปานนั้นร่วมมือกันก็ยังเคลื่อนย้ายไข่ใบนี้ไม่ได้ แต่เทพผู้สร้างเพียงโบกมือก็เก็บไข่สายฟ้าได้แล้ว
หานเจวี๋ยกำมือขวาเล็กน้อย ไข่สายฟ้าเลือนหายไป
มหาเทวาพ้นนิวรณ์สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าหวาดกลัวประการหนึ่ง พลังชนิดนี้น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง แต่เขาไม่สามารถตรวจจับได้ว่าพลังนี้มาจากทิศทางใด แต่ไม่ได้มาจากเทพผู้สร้างอย่างแน่นอน
พลังกฎเกณฑ์ของดินแดนเวิ้งว้างอย่างนั้นหรือ
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตระหนกอยู่ในใจ
เทพผู้สร้างสามารถเมินเฉยต่อพลังกฎเกณฑ์แห่งดินแดนเวิ้งว้างได้เช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยยิ้มให้มหาเทวาพ้นนิวรณ์ เอ่ยขึ้นว่า “ตบะเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วนี่ อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังเล่า”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตกใจที่จู่ๆ ก็ได้รับความเมตตา
หานเจวี๋ยเลือนหายไป
มหาเทวาพ้นนิวรณ์สะเทือนใจอยู่พักหนึ่งก็จากไปเช่นกัน
….
เมื่อกลับมาถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานเจวี๋ยโยนไข่สายฟ้าเข้าสู่คุกสวรรค์ปฐมยุค ไข่สายฟ้าลอยอยู่ตรงมุม ดูคล้ายหลุมดำหลุมหนึ่ง
อหิเทวกำเนิดพลันโผล่ออกมาจากกำแพง เข้าใกล้ไข่สายฟ้า คอยสังเกตการณ์
อหิเทวกำเนิดที่วิวัฒนาการขึ้นมาจากห้วงเวลาต้นกำเนิด นับตั้งแต่ถูกหานเจวี๋ยสยบก็วนเวียนอยู่ในอาณาเขตเต๋ามาโดยตลอด เหล่าศิษย์ล้วนทราบถึงการมีตัวตนอยู่ของมัน คิดว่ามันเป็นสัตว์เทพประจำอาณาเขตเต๋า
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าแตะต้องมัน เจ้าจะบาดเจ็บเอาได้”
อหิเทวกำเนิดผงกหัวงูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลื้อยวนสองสามรอบแล้วจากไป
หานเจวี๋ยก็ใช้เวลาว่างสอดส่องดูดินแดนเวิ้งว้าง
เวลาผ่านไปสองหมื่นล้านปี ยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้เปิดกว้างแล้ว ช่องว่างระหว่างโลกมหามรรคที่อยู่ไกลกันออกไปบังเกิดโลกขนาดใหญ่ขึ้นนับไม่ถ้วน ทำให้ดินแดนเวิ้งว้างแปรเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นมา เมื่อเปรียบเทียบความเร็วในการขยายตัวระหว่างอาณาเขตของโลกปฐมยุคกับโลกมหามรรคในยุคสมัยไร้สิ้นสุดแล้วนับว่ายังคงช้ากว่ามาก
ตอนนี้มีผู้สร้างมรรคาอยู่สิบห้าคนแล้ว นี่อยู่ในรูปการณ์ที่นับรวมสามเทพมารอนธการเป็นหนึ่งราย
หานเหลียงและฉู่เสี่ยวชีก็ใกล้จะสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาแล้ว แต่พวกเขาล้วนเผชิญสภาวะคอขวดทั้งคู่ หลักๆ คือมีประสบการณ์น้อยเกินไป ชั่วชีวิตนี้พวกเขาแทบไม่เคยเผชิญเคราะห์หนักหนาเลย ความเข้าใจที่มีต่อโชคชะตาค่อนข้างน้อย ชาติก่อนฉู่เสี่ยวชีเคยเข้าร่วมมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ เพียงแต่แรงกรรมของอนธการสิ้นแสงถ่วงรั้งไว้ ทำให้โลกมหามรรคของเขาไม่มั่นคง ปรากฏมรสุมจากแรงกรรมอยู่เป็นครั้งคราว ก่อหายนะให้แก่โลกมหามรรค
หานเจวี๋ยไม่ได้ความรู้สึกพิเศษใดๆ ต่อพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาจะพิสูจน์มรรคได้สำเร็จหรือไม่ หานเจวี๋ยไม่สนใจแล้ว
ตอนนี้หานเจวี๋ยเพียงอยากก้าวข้ามเทพผู้สร้างไปโดยเร็ว
วันหน้าจะต้องปรากฏตัวตนที่มีคุณสมบัติเหนือชั้นกว่าไข่สายฟ้าใบนี้ขึ้นแน่นอน เขาไม่อาจหย่อนยานในการฝึกบำเพ็ญได้
เมื่อเทียบกับช่วงที่เพิ่งพิสูจน์เทพผู้สร้างได้ พลังของหานเจวี๋ยแกร่งกล้ามหาศาลมากขึ้นหลายสิบเท่า แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด แต่ไม่เคยฝ่าขั้นเล็กเลย บางทีเทพผู้สร้างคงไม่มีระดับขั้นเล็ก มีแต่มุ่งหน้าสู่ระดับที่เหนือกว่าเช่นนี้
ยอดปฐมยุคคือคำนิยามที่หานเจวี๋ยตั้งให้แก่ระดับที่อยู่เหนือกว่าเทพผู้สร้างขึ้นไป
เขาตั้งสมมติฐานไว้สองกรณี หนึ่งคือโลกปฐมยุคเข้าแทนที่ดินแดนเวิ้งว้างถึงจะสามารถพิสูจน์ยอดปฐมยุคได้
สองคือฝ่าทะลวงก่อนกำหนด!
ฝ่าทะลวงเช่นไรน่ะหรือ นั่นคือการยกระดับคุณสมบัติขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้หานเจวี๋ยมีชิ้นส่วนปฐมยุคอยู่เพียงชิ้นเดียว มีชิ้นส่วนอนธการสิบห้าชิ้น ต้องใช้ชิ้นส่วนปฐมยุคเก้าชิ้นถึงจะผสานรวมเป็นมหาโชคปฐมยุคขึ้นมาได้ ตอนนี้จะได้รับรางวัลทางเลือกระบบเมื่ออายุครบรอบหนึ่งหมื่นล้านปีเท่านั้น หากคิดพึ่งพามหาโชคปฐมยุคจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานอย่างยิ่ง
เขาตัดสินใจจะใช้วิถีทางของตน
ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบเสมอไป!
ระบบยังคงเป็นสิ่งที่แปรผันมาจากเจตจำนงสรรค์สร้างแห่งดินแดนเวิ้งว้าง ผ่านการสั่งสมโชคจากอดีตเจ้าของมากมายถึงมีวันนี้ได้
เขาเริ่มครุ่นคิดดูว่าเจตจำนงสรรค์สร้างพัฒนาแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างไร
คำอธิบายของระบบคือยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร ระบบก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
แต่ระบบมักจะเหนือกว่าเขาอยู่เสมอ
ดูเหมือนสาเหตุจะยังคงขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์พื้นฐานแห่งดินแดนเวิ้งว้าง
ในสถานการณ์ที่เขาไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ระบบจะดูดซับพลังของกฎเกณฑ์พื้นฐานได้อย่างไร
ช้าก่อน!
บ่วงกรรม ศรัทธา ดวงชะตา…
สิ่งเหล่านี้ล้วนมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ เป็นพลังที่คงอยู่ในความมืดมิด
หรือว่าระบบจะดูดซับพลังดวงชะตา ศรัทธาและบ่วงกรรมจากเขา
กฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้างจะมีข้อแตกต่างเช่นนี้อยู่ด้วยหรือไม่
หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในห้วงความคิด เจตจำนงแทรกซึมเข้าสู่ห้วงมิติของดินแดนเวิ้งว้าง ตรงไปยังกฎเกณฑ์ต้นกำเนิด
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือเส้นแสงกฎเกณฑ์หลากสีสัน มีรูปทรงและระดับความเร็วที่แตกต่างกันไป จำนวนทั้งหมดบรรลุถึงจุดที่แม้แต่ผู้ที่บรรลุระดับเทพผู้สร้างอย่างเขาก็ยากจะประเมินได้
ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
หานเจวี๋ยเริ่มค้นหากฎเกณฑ์พื้นฐานที่มีความพิเศษต่างออกไป เมื่อก่อนเขาอาจจะทำไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมากพอแล้ว บางทีอาจจะหาพบ
ขณะที่หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในกฎเกณฑ์พื้นฐาน
ในฉากหน้าของดินแดนเวิ้งว้าง แม่น้ำมรรคกระบี่สายหนึ่งพาดผ่านห้วงอวกาศขาวโพลน หลี่เต้าคงยืนอยู่บนยอดคลื่น สองมือไพล่อยู่ด้านหลัง
“เด็กน้อย เจ้าหนีไม่รอดแล้ว ยอมแพ้เถอะ”
หลี่เต้าคงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อมองตามสายตาของเขาไป เงาร่างหนึ่งปรากฏเลือนรางอยู่เบื้องหน้า รวดเร็วอย่างยิ่ง
ไม่นานนัก เงาร่างนั้นพลันหยุดนิ่งลงก่อนเผยร่างจริงออกมา เป็นชายผมขาวคนหนึ่ง นั่นคือมหาจักรพรรดิเฉินนี่กลับชาติมาเกิด
หมื่นล้านปีผ่านไป มหาจักรพรรดิเฉินนี่ผงาดขึ้นมาใหม่ในฐานะสิ่งมีชีวิตโลกปฐมยุค แต่เขาไม่มีความทรงจำในชาติก่อน เพียงกระทำเรื่องราวไปตามสัญชาตญาณ ในชาตินี้เขาก็ยังคงมีนามว่ามหาจักรพรรดิเฉินนี่ เฉินนี่คือนามของเขาที่ฝังลึกอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ ไม่อาจลบเลือนไปได้
“เทพไร้สิ้นสุด เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
มหาจักรพรรดิเฉินนี่เอ่ยด้วยความโกรธ สุ้มเสียงค่อนข้างกระวนกระวาย
แม่น้ำมรรคกระบี่โถมเข้ามา หลี่เต้าคงทอดมองเขาจากมุมสูง เอ่ยไปว่า “ในฐานะสิ่งมีชีวิตโลกปฐมยุค เจ้าไม่สมควรออกมากลืนกินโลกมหามรรคของผู้อื่น ทำเช่นนี้จะสร้างความอัปยศแก่เทพผู้สร้าง”
มหาจักรพรรดิเฉินนี่โกรธจนหัวเราะออกมา เอ่ยไปว่า “หรือว่าโลกปฐมยุคไม่เคยกลืนกินโลกมหามรรคแห่งอื่นกันเล่า ข้าเพียงช่วยเหลือเทพผู้สร้างอยู่เท่านั้น!”
………………………………………………………………