ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 125 จี้เซียนเสิน ประลองพลังวิญญาณ
บทที่ 125 จี้เซียนเสิน ประลองพลังวิญญาณ
ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เลือกตรวจสอบทันที
[จี้เซียนเสิน: ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเก้า เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ไร้ศัตรู เชื่อว่าตนถึงจะเป็นเทพเซียนองค์เดียวที่อยู่เหนือหมู่คน หยิ่งทระนงถือดีเป็นที่สุด กำเนิดในจวนเซียนสวรรค์ อายุร้อยปีระดับรวมแก่นปราณ สองร้อยปีระดับปราณกอกำเนิด เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของจวนเซียนสวรรค์ ปิดด่านฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดศึกระหว่างสายหลักและสายมารทำให้จำต้องออกมา เนื่องด้วยได้ยินว่ากวนอวี่จากสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นผู้บำเพ็ญอันดับหนึ่งในหล้า จึงตั้งใจเดินทางมาท้าประลองโดยเฉพาะ]
บุตรแห่งสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของจวนเซียนสวรรค์?
ช้าก่อน!
หรือบุตรแห่งสวรรค์ที่สังหารมารหลัวฉิวก็คือคนผู้นี้
หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “ท่านเจ้าสำนัก ผู้ที่สังหารมารหลัวฉิวมีนามว่าจี้เซียนเสินใช่หรือไม่”
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งส่ายหน้าและเอ่ยว่า “ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด ข่าวแพร่กระจายมาไกลเกินไป ข้อมูลจำนวนมากล้วนตกหล่นไปหมด”
หานเจวี๋ยจนปัญญา
เขาสังเกตเห็นจุดหนึ่ง จี้เซียนเสินหยิ่งทระนงถือดีเป็นที่สุด
จวนเซียนสวรรค์นี่ก็ผลิตแต่พวกอวดดีหรือ
ก่อนหน้านี้จี้เหลิ่งฉานก็มีนิสัยอวดดีเช่นกัน
จะว่าไปสองคนนี้ต่างก็อยู่ที่จวนเซียนสวรรค์มาโดยตลอด กระทั่งตบะแข็งแกร่งขึ้นถึงได้ออกมาภายนอก
จวนเซียนสวรรค์นี้ดูเหมือนจะลึกล้ำกว่าที่หานเจวี๋ยจินตนาการเอาไว้
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดภายในสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที
ไม่นานก็จับไปที่จี้เซียนเสิน เขาหลับตาลงทันที เริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเห็นเขาหลับตาลงก็ไม่ได้รบกวน ด้วยคิดว่าเขามีอะไรอยากจะกล่าว ตอนนี้กำลังใคร่ครวญ
หลังจากผ่านไปสิบอึดใจ
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น คิ้วขมวดน้อยๆ
เจ้าหมอนี่ก็น่าสนใจอยู่บ้างนี่!
ไม่แปลกใจเลยที่สามารถสังหารมารหลัวฉิวระดับมหายานขั้นสี่ได้!
ที่สำคัญที่สุดคือหานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณบางอย่างจากตัวเขา
ท่าทางที่เชื่อมั่นแน่วแน่ว่าตนเองไร้ศัตรู ท่าทางเช่นนี้สามารถขู่ขวัญผู้คนในยามต่อสู้ได้ดียิ่งนัก
หานเจวี๋ยไม่สามารถสังหารเขาได้ภายในชั่ววินาที ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิประกอบกับดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพรวมเข้าด้วยกัน ถึงจะสังหารเขาได้
จำต้องรู้ว่าเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเก้า!
ส่วนหานเจวี๋ยระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเจ็ด!
ข้ามไปอีกสองระดับเล็กๆ ก็ไม่สามารถสังหารในชั่ววินาทีได้?
หานเจวี๋ยรู้สึกถึงแรงกดดัน
เขามองไปทางนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง เอ่ยถามอย่างสงสัย “มีอะไรจะกล่าวอีกหรือ”
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งนิ่งงัน ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นจากไป
มองแผ่นหลังของเขา ก็ราวกับเขาดูกลุ้มใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจเขาอีก แต่กำลังคิดว่าจะต้านทานจี้เซียนเสินได้อย่างไร
ในเวลานั้นเอง
หานเจวี๋ยได้ยินเสียงขลุ่ย มีคนกำลังเป่าขลุ่ย
เสียงขลุ่ยนี้เต็มไปด้วยพลังอันหนาวเหน็บ ราวกับว่าศึกตัดสินครั้งใหญ่กำลังปะทุ
หานเจวี๋ยกวาดพลังจิตออกไป พบว่าสวินฉางอัน ไก่คุกรัตติกาลและหยางเทียนตงราวกับจะไม่ได้ยินเสียงขลุ่ยนี้
“สหายเต๋า มีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาโจมตี ควรทำอย่างไร” เสียงของตู้ขู่ลอยเข้ามา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
หรือว่ามีเพียงผู้บำเพ็ญระดับฝ่าด่านเคราะห์เท่านั้นถึงจะได้ยิน
เป็นจี้เซียนเสินที่กำลังเป่าขลุ่ยหรือ
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงให้ตู้ขู่ เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะออกไปดูหน่อย”
สามารถสังหารมารหลัวฉิวได้ ภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์นอกจากหานเจวี๋ยแล้ว ไม่มีใครอื่นที่สามารถต้านทานได้
หานเจวี๋ยหายตัวไปจากภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที
ห่างออกไปหลายสิบลี้
เทือกเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บุรุษอาภรณ์สีครามยืนอยู่ริมผากลางไหล่เขา ยืนตระหง่านลู่ลม เขามีเกศาสีดำทมิฬยาวจรดเอว ปลิวสยายตามแรงลม ใบหน้างดงาม ให้ความรู้สึกถึงลักษณะเฉพาะตัวที่สูงศักดิ์ทรงภูมิ มือซ้ายไพล่อยู่ด้านหลัง ส่วนมือขวายกค้างอยู่กลางอากาศ ในมือขยับหมุนขลุ่ยไม้ไผ่สีมรกตอยู่หนึ่งเลา
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา เอ่ยถามว่า “สหายเต๋ามีจุดประสงค์ใด”
บุรุษอาภรณ์สีครามหมุนกายกลับมา ชำเลืองมองเขา หัวเราะเอ่ย “ข้าน้อยจี้เซียนเสินแห่งจวนเซียนสวรรค์ ได้ยินว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มียอดผู้บำเพ็ญท่านหนึ่งนามว่ากวนอวี่ เป็นหนึ่งในใต้หล้า ข้าประสงค์จะประลองเวทกับเขา แลกเปลี่ยนเรียนรู้สักครั้ง”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “กวนอวี่? เขาจากไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านไปร้อยปีได้”
“เขาไปที่ใด”
“ไปจัดการกับสายมาร”
“เช่นนั้นท่านแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับข้าสักครั้งเป็นอย่างไร ไม่อันตรายถึงชีวิต”
“ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน”
“สามารถได้ยินเสียงขลุ่ยของข้า คงเป็นระดับฝ่าด่านเคราะห์แน่ อีกอย่างข้าก็ยังมองตบะของท่านไม่ออก ท่านจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ใช่หรือไม่ กวนอวิ๋นฉาง!”
หานเจวี๋ยเงียบงัน
เขาเริ่มไตร่ตรองว่าจะเอาชนะจี้เซียนเสินได้อย่างไร
คนผู้นี้เป็นคนอวดดีอย่างยิ่ง หากโจมตีเขาจนแพ้พ่าย จะทำให้เขาโกรธหรือไม่
หากจำต้องสังหารเขา จวนเซียนสวรรค์จะโกรธหรือไม่
จี้เซียนเสินหัวเราะน้อยๆ กล่าวว่า “วางใจ ข้าไม่สังหารท่านแน่”
ช่างอวดดีจริงๆ!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ย “หากข้าชนะท่านแล้ว ท่านจะพัวพันไม่ยอมรามือหรือไม่ หรือแม้แต่จะก่อเกิดเป็นความเกลียดชัง”
จี้เซียนเสินยิ่งหัวเราะอย่างมีเลศนัย เอ่ยขึ้น “ไม่มีทาง ไม่ขอปิดบังท่าน ข้านั้นทั่วหล้าไร้ผู้ต้านทาน”
เหอะ!
วาจานี้เหตุใดถึงกล้าพูดออกมา!
หานเจวี๋ยรู้สึกนับถือจี้เซียนเสินอยู่บ้าง หากพูดเรื่องความหนาของใบหน้า เจ้าหมอนี่คงไม่มีใครในโลกต้านทานได้
“เช่นนี้เถิด ท่านกับข้าแข่งขันกันด้วยพลังวิญญาณ ต่อสู้ด้วยฝ่ามือ หากผู้ใดถอยหลังก่อนหนึ่งก้าว ถือว่าผู้นั้นพ่ายแพ้”
จี้เซียนเสินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พูดนั้น เขาก็เก็บขลุ่ยไม้ไผ่จนเรียบร้อย ก่อนยกมือขวาไปทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ย “ขึ้นไปบนฟ้าเถอะ เพื่อป้องกันความเสียหายของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์”
“ได้!”
ทั้งสองกระโจนร่างขึ้นไป เพียงพริบตาก็กระโดดถึงทะเลเมฆา
ภายในตำหนักหลังหนึ่งในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ตู้ขู่กำลังมองดูการประลองอย่างเป็นกังวล
“จี้เซียนเสิน… บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์ออกมาแล้ว… สหายเต๋าสังหารเทพเดือดร้อนครั้งใหญ่แล้ว” ตู้ขู่ครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม
หากหานเจวี๋ยพ่ายแพ้ เขาจะลงมือดีหรือไม่
หากจี้เซียนเสินต้องการจัดการกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ แล้วเขาควรทำอย่างไรดี
บัดซบ!
หากสำนักนี้ไม่เกิดเรื่อง เรื่องที่เกิดก็ต้องใหญ่แน่!
…..
เหนือทะเลเมฆา ท้องนภากว้างใหญ่และงดงาม
หานเจวี๋ยและจี้เซียนเสินยืนประจันหน้ากัน ในขณะนั้นต่างฝ่ายยกฝ่ามือขวาขึ้น มีระยะห่างระหว่างกันสิบจั้ง
แทบจะในทันที ทั้งสองคนต่างเคลื่อนย้ายพลังวิญญาณในเวลาเดียวกัน
ตู้ม!
ทะเลเมฆาสั่นสะเทือน ม้วนตลบไปหลายร้อยลี้!
อาภรณ์ของทั้งสองสั่นตลบอย่างบ้าคลั่ง พละกำลังมหาศาลสองสายปะทะเข้าพร้อมกัน พื้นที่โดยรอบก่อให้เกิดภาพฉากบิดเบี้ยวของอุณหภูมิที่สูงประหนึ่งถูกแผดเผา
สองคนขมวดคิ้วขึ้นในเวลาเดียวกัน
สองคนล้วนมีความคิดเพียงหนึ่ง
อีกฝ่ายค่อนข้างแข็งแกร่ง
จี้เซียนเสินเริ่มเพิ่มพลังจิตวิญญาณของตน หานเจวี๋ยก็เช่นเดียวกัน
“ข้าจะทำอย่างไรดี”
หานเจวี๋ยรู้สึกสับสน
จี้เซียนเสินลอบเอยว่า “ข้าจะใช้พลังทั้งหมดดีหรือไม่ จะทำให้เขาบาดเจ็บหนักหรือไม่”
ความคิดของทั้งสองเปลี่ยนไปแทบจะในเวลาเดียวกัน
ต่างคนต่างพิจารณาถึงอีกฝ่าย!
ตามพลังวิญญาณของทั้งสองที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ จึงสั่นสะเทือนไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เหล่าศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนต่างทะยานขึ้นไปในอากาศ เพื่อมองดูพวกหานเจวี๋ยสองคนจากระยะไกล
ใต้ต้นฝูซัง พวกไก่คุกรัตติกาลและสวินฉางอันต่างตื่นตะลึงเช่นเดียวกัน
อู้เต้าเจี้ยนและสิงหงเสวียนวิ่งออกมาจากถ้ำเทวา
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเพิ่งจะนำเหล่าผู้อาวุโสมาสมทบกับหานเจวี๋ย ตู้ขู่ก็พลันขัดขวางพวกเขาไว้ กล่าวเสียงขรึมว่า “คนผู้นี้เป็นถึงบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์ ผู้แข็งแกร่งระดับฝ่าด่านเคราะห์อย่างสมบูรณ์ ระดับอย่างพวกท่านหากขึ้นไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง!”
เซียวเหยาได้ยินเช่นนี้ ก็อึ้งตะลึงไปอยู่บ้าง
เขาเองก็เคยเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์
ทว่าเวลานั้นเขายังไม่เติบโตนัก
บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งเมื่อห้าพันปีก่อนนั้นด้อยกว่าบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งในยามนี้นัก หากบอกเรื่องนี้ออกไป ใครเล่าจะเชื่อ
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ จึงตัดสินใจไม่เสแสร้งอีก ระเบิดพลังออกมาทันที!
ตู้ม!
ใบหน้าของจี้เซียนเสินเปลี่ยนสี พลันใช้พลังวิญญาณทั้งหมดทันที เรือนกายของเขาสั่นไหว หากแต่ยังไม่ถูกกดดันให้ถอยร่นไปในพริบตา
“แย่แล้ว! ข้าต้านไว้ไม่ไหว!”
จี้เซียนเสินตกตะลึง ดวงหน้ากระจ่างสง่างามเปลี่ยนเป็นดุดันในทันที
จากนั้นไม่นาน พลังวิญญาณของเขาถูกพลังวิญญาณหกสายของหานเจวี๋ยสั่นสะเทือนจนแตกซ่านในทันที ทำให้เขาต้องถอยหลังตามมา โลหิตในกายปั่นป่วน ที่มุมปากมีคราบโลหิตไหลออกมาเป็นสาย
เขาจ้องมองไปที่หานเจวี๋ยแน่นิ่ง สีหน้าเผยความไม่อยากจะเชื่อ
เป็นไปไม่ได้!
………………………………………………………………………………………………