ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 168 จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 168 จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์
บทที่ 168 จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ หยางซ่านลงมาโลกมนุษย์
“เข้าใจได้ พวกเจ้าเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ เมื่ออยู่ต่อหน้าจี้เซียนเสินจะนับเป็นอะไรได้”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ ถูหลิงเอ๋อร์ได้ยินแล้วกลัดกลุ้ม
เมื่อกลับไปวังเซียนสวรรค์ ชื่อที่นางได้ยินบ่อยที่สุดก็คือจี้เซียนเสิน
การผงาดขึ้นอย่างแข็งแกร่งของจี้เซียนเสิน ทำให้บุตรแห่งสวรรค์หลายคนของวังเซียนสวรรค์รู้สึกกดดัน
วังเซียนสวรรค์ราวกับเพี้ยนไปแล้ว มอบทรัพยากรฝึกบำเพ็ญที่ดีที่สุดให้จี้เซียนเสินทั้งหมด บ่มเพาะจี้เซียนเสินอย่างสุดกำลัง เป็นเหตุให้การดูแลส่วนของบุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ ลดน้อยลงมาก
แม้ว่าถูหลิงเอ๋อร์จะเติบโตในวังเซียนสวรรค์ แต่ความสัมพันธ์กับอาจารย์จืดจางนัก และยิ่งไม่มีเพื่อนที่จริงใจด้วย ดังนั้นการจากไปของนางจึงไม่ถูกวังเซียนสวรรค์ขัดขวางไว้
คนน้อยลงหนึ่งคน ปากก็น้อยลงหนึ่งปาก
หานเจวี๋ยเห็นสีหน้ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมของถูหลิงเอ๋อร์ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเถอะ ตอนนี้จี้เซียนเสินยุ่งมาก นี่คือโอกาสที่เจ้ามีเหนือกว่าเขา พลังในร่างของเจ้าไม่ใช่สิ่งที่จี้เซียนเสินจะสามารถเทียบได้”
ถูหลิงเอ๋อร์ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที
[จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
ตัวอักษรแถวหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
เขาตรวจดูข้อมูลของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำทันที
[จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ: ระดับมหายานขั้นแปด จักรพรรดิเผ่าปีศาจ ได้รับดวงชะตายิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจ รวบรวมเผ่าปีศาจในโลกมนุษย์ได้กว่าครึ่งแล้ว เนื่องจากได้ยินฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพูดถึงท่าน บอกว่าท่านต่างหากคืออันดับหนึ่งในหล้า จึงเกิดความเกลียดชังต่อท่าน ต้องการจะโจมตีท่านให้พ่ายแพ้แล้วค่อยโจมตีเผ่ามนุษย์ให้ปราชัย ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
‘แค่ระดับมหายานขั้นแปดก็กล้ามาท้าสู้กับข้า?
รนหาที่ตายนี่!’
หานเจวี๋ยเหยียดหยามในใจ ขี้เกียจจะไปสนใจจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ
ส่วนฟางเหลียงเขาก็ไม่เป็นห่วง บุตรแห่งฟ้าดินไม่อาจตายได้
ต่อให้ตายก็ตายในโลกอื่น!
หานเจวี๋ยคุยกับนางอยู่พักหนึ่ง ก็ออกคำสั่งไล่แขก
หลังออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ถูหลิงเอ๋อร์เสียใจเล็กน้อย
“เป็นเพราะข้าไม่สวยหรืออย่างไร”
ถูหลิงเอ๋อร์เดินไปใต้ต้นฝูซัง แล้วนำกระจกออกมาส่องดูไม่หยุด
หยางเทียนตงปรายตามองนางทีหนึ่ง ไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรเขาก็เคยฝึกฝนกระบี่บินไร้หัวใจมา!
ราชามังกรสามหัวกลับถามพร้อมเสียงหัวเราะ “หรือว่าแม่นางถูจะมีคนในใจแล้ว”
ไก่คุกรัตติกาลพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว อาจจะอยู่บนเขาลูกนี้แหละ มีผู้หญิงมากมายนักที่อยากกินคนในใจของนาง”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นถามอย่างสงสัย “ใครรึ”
อีกาทองน้อยสองตัวก็เบิกตากว้าง
ถูหลิงเอ๋อร์หน้าแดง ถลึงตาใส่ไก่คุกรัตติกาลก่อนจะด่า “ไม่ได้แลกเปลี่ยนฝีมือกันหลายปีเช่นนี้ มาประลองเวทกันหน่อยไหม”
ไก่คุกรัตติกาลแค่นเสียงหึก่อนเอ่ย “เจ้าใหญ่ เจ้าไปประลองเวทกับนาง!”
เจ้าใหญ่ก็คืออีกาทองตัวที่ค่อนข้างใหญ่ในนั้น
ส่วนอีกตัวหนึ่งถูกเรียกว่าเจ้ารอง
ถูหลิงเอ๋อร์กลอกตาใส่ไก่คุกรัตติกาล ด่าว่า “ไก่ขี้ขลาด!”
“ท่านไก่คือหงส์เพลิง!”
“หงส์เพลิงจะเรียกตัวเองว่าท่านไก่รึ”
“เจ้า…”
……
หานเจวี๋ยไม่สนใจเรื่องทางโลก เขาตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
วสันตสารทเวียนมาใหม่ โลกมนุษย์เปลี่ยนไปตามกระแส
มีคนผ่านความทุกข์ยาก มีคนจมอยู่ในความความสุข มีคนขึ้นสู่สวรรค์ และมีคนลงไปปรโลก
ศิษย์ ศิษย์หลาน และสหายจำนวนไม่น้อยของหานเจวี๋ยผ่านรูปแบบชีวิตที่หลากหลายบนโลกโลกีย์เช่นเดียวกัน
แต่เขากลับนั่งจืดชืดสงบจิตใจอยู่บนเบาะ ทำความเข้าใจมหามรรค เพิ่มพูนตบะ
กาลเวลาถูกเขาลืมเลือน
สามสิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเซียนพิภพระยะกลางในที่สุด!
หลังจากมีดอกพลับพลึงแดงและวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเพิ่มเข้ามา ไอเซียนในถ้ำก็เพิ่มขึ้นอยู่ตลอด
แต่หานเจวี๋ยยังคงรู้สึกว่าการฝึกบำเพ็ญของตนเองเชื่องช้า
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มทำภารกิจประจำวัน คนละหกวัน ไม่อาจมากไปกว่านี้ได้
เขาถือโอกาสตรวจสอบจดหมายไปด้วยเลย
แดนบำเพ็ญพรตวุ่นวายขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่แดนบำเพ็ญพรตเท่านั้น วังสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ด้วย
หากวังสวรรค์วุ่นวาย นั่นนับเป็นเรื่องดีสำหรับหานเจวี๋ย
วังสวรรค์ไม่สงบสุขหนึ่งวัน ก็ไม่สามารถลงมายังโลกมนุษย์ได้หนึ่งวัน
ดูจากจำนวนครั้งที่เหล่าเทพเซียนถูกโจมตี คาดว่าความโกลาหลในครั้งนี้จะยังคงต่อเนื่องไปอีกหลายปี
หานเจวี๋ยรู้สึกสนใจเทพปีศาจที่ลึกลับผู้นั้นยิ่งกว่าเดิม สามารถทำให้วังสวรรค์ตามจิกอยู่ตั้งหลายร้อยปีก็ยังจิกไม่เข้า แข็งแกร่งกว่าฉีเทียนต้าเซิ่งในไซอิ๋วเสียอีก!
หานเจวี๋ยสาปแช่งไปครึ่งปีเต็ม
นอกจากจูเชวี่ย หยางซ่าน และนักพรตเต๋าตันชิงแล้ว เขายังสาปแช่งเทพเซียนที่เกิดความเกลียดชังต่อเขาไปหนึ่งรอบ
หลังจากสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปรอบหนึ่ง หานเจวี๋ยถึงได้รู้สึกสบายอกสบายใจ
‘ใครใช้ให้พวกเจ้ามาเกลียดข้าเล่า!’
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
ผ่านไปราวสองปีกว่า จู่ๆ ซูฉีก็มาเยี่ยมเยียนเขา
ตั้งแต่กลับมา ซูฉีปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ตบะบรรลุถึงระดับรวมกายาแล้ว หลังจากคุณสมบัติเทพตื่นขึ้น คุณสมบัติของเขาก็เกิดการเปลี่ยนสภาพ
เมื่อเข้าไปในถ้ำเทวา ซูฉีคุกเข่าคารวะอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยไม่ได้ให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป ขอแค่ทั้งสองฝ่ายไม่ไปมาหาสู่กัน ก็จะไม่ถูกแพร่ความโชคร้าย
“อาจารย์ ศิษย์ปิดด่านฝึกบำเพ็ญมานานหลายปีเช่นนี้ มักรู้สึกเสมอว่าพลังมรรคไม่มากพอ จึงอยากออกไปหาประสบการณ์ด้านนอก ไม่ทราบว่ามีภารกิจใดมอบหมายให้หรือไม่” ซูฉีถามอย่างตั้งตาคอย
หานเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธทันที ซูฉีอุดอู้มานานขนาดนี้ ก็ควรจะออกไปเตร็ดเตร่เสียบ้าง เขาไม่อาจควบคุมซูฉีไปตลอดชีวิตได้
หานเจวี๋ยพลันนึกถึงจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำที่เกิดความเกลียดชังต่อเขาเมื่อสามสิบปีก่อน
“เจ้าไปหาจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำเถอะ พยายามอยู่ข้างกายเขาให้ได้ ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเจ้า อย่าได้มุทะลุบุ่มบ่าม” หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูฉีได้ยินก็ตาเป็นประกายทันที
เขาตอบรับทันควัน หนำซ้ำไม่ถามว่าจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคือใคร เขาเชื่อว่าตนเองสามารถสืบหาได้
หานเจวี๋ยโบกมือ สื่อว่าเขาสามารถไปได้แล้ว
ศิษย์และศิษย์หลานแต่ละคนต่างก็ใช้วิชาอัญเชิญเทพได้หมดแล้ว หานเจวี๋ยไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับซูฉี
ซูฉีเป็นคนที่ดวงแข็งกว่าฟางเหลียงเสียอีก!
หลังจากซูฉีไปแล้ว อู้เต้าเจี้ยนก็ถามขึ้นมา “จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำคือใครหรือ”
“เจ้าก็อยากไปรึ”
“นายท่านให้ข้าไป ข้าถึงจะไป”
“ช่างเถอะ เจ้าอ่อนแอเช่นนี้ อย่าได้ถูกจับไปเป็นนางสนมของจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำเลย”
“ฮึ! ถ้าอย่างนั้นข้าจะอยู่ข้างกายนายท่าน ฝึกบำเพ็ญตลอด ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่ข้าจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ ถึงเวลานั้นจะลอกหนังมันมาทำเสื้อผ้าให้นายท่าน!”
“จิตสังหารแรงกล้า แต่ใช้การอะไรไม่ได้”
“หา?”
หานเจวี๋ยหลับตาฝึกบำเพ็ญไป
อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่น แม้ว่าจะรู้สึกน้อยใจ แต่ในดวงตากลับยิ้มแย้ม
……
ในพระราชวังแห่งหนึ่ง
หยางซ่านที่สวมเกราะเงินกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เขาพลันลืมตาขึ้นมา กัดฟันด่าทันที “ไม่ได้! ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
เขาลุกขึ้นยืน สายตามองไปยังท้องฟ้าด้านนอกตำหนัก
“ท่านแม่ทัพ ท่านทนอะไรไม่ไหวหรือ”
ควันสีดำลอยออกมาจากตะเกียงน้ำมันที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะรวมตัวเป็นหญิงใบหน้างดงามผู้หนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ นางจ้องมองหยางซ่านด้วยแววตาอ่อนโยน
หยางซ่านกำมือทั้งสองแน่น กล่าวเสียงขรึมว่า “วังสวรรค์ยังต่อสู้กับเทพปีศาจนั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่จบไม่สิ้น ตอนนี้ทุกวันที่ข้าฝึกบำเพ็ญล้วนนึกถึงแต่ศิษย์น้องหญิงชายที่ตายอย่างอนาถ นอกจากนี้ยังมีพลังคำสาปบางอย่างพัวพันข้าอยู่ มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กบนโลกมนุษย์นั่นแปดถึงเก้าส่วน ตอนนี้ข้าจะลงไปโลกมนุษย์เพื่อสังหารเขา!”
หญิงสาวควันดำขมวดคิ้วบอก “มีกฎสวรรค์อยู่ ตบะของท่านจะถูกยับยั้งไว้ที่ระดับเซียนอิสระ อันตรายมาก”
หยางซ่านพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้าไปหาเทพเซียนเพื่อขอหินมรรคาสวรรค์มาก้อนหนึ่งได้”
“ไม่ได้ นี่มันขัดต่อกฎสวรรค์!”
“ข้าทำการเร็วหน่อยก็พอแล้ว สังหารเขาแล้วก็กลับมา!”
“แต่ว่า…”
“วางใจเถอะ ข้ามีตบะระดับเซียนพิภพไท่อี่ระยะปลาย เหตุใดจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียนอิสระ? นี่เพิ่งกี่ปีเอง หรือเขาจะทะลวงไปถึงระดับเซียนพิภพแล้ว เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ”
“เป็นไปไม่ได้ แต่ฝ่าฝืนกฎสวรรค์อย่างไรก็ไม่ดี จักรพรรดิสวรรค์มีความรู้สึกไวต่อเรื่องนี้มาก”
“ข้าตัดสินใจแล้ว!”
……………………………………….