ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 224 เทพปีศาจบุกรุก ความมักใหญ่ใฝ่สูงของจักรพรรดิสวรรค์
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 224 เทพปีศาจบุกรุก ความมักใหญ่ใฝ่สูงของจักรพรรดิสวรรค์
บทที่ 224 เทพปีศาจบุกรุก ความมักใหญ่ใฝ่สูงของจักรพรรดิสวรรค์
“เจ้ากลับชาติมาเกิดนานเพียงนี้ พวกเขายังจำเจ้าได้อีกหรือ”
หานเจวี๋ยถามอย่างใคร่รู้ จักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินกลับชาติมาเกิดกี่ปีแล้ว
เกรงว่าจะต้องคำนวณเป็นหลักหมื่นปี!
มู่หรงฉี่ตอบกลับว่า “ข้ากับพวกเขาปรองดองกันสุดซึ้ง เคยผ่านเคราะห์ภัยร่วมกันมานับไม่ถ้วน แม้ว่าจะเจอคลื่นผกผันปั่นป่วน ความรู้สึกก็ไม่เปลี่ยนแปลง”
หานเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ระวังตัวด้วย ข้าไม่ได้ฝันเฟื่องให้เจ้าตอบแทนข้า การมีชีวิตรอดถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของมู่หรงฉี่ก็เผยรอยยิ้ม
สิ่งที่เขาชื่นชมมากที่สุดในตัวหานเจวี๋ยคือการไม่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์
แม้จะกราบไหว้อาจารย์ภายในวังเทพ ก็ยังต้องรับใช้ท่านอาจารย์
แต่อยู่ภายใต้การปกครองของหานเจวี๋ยมาตั้งนานเพียงนี้ คำขอที่ใหญ่ที่สุดของหานเจวี๋ยคือการเพียรบำเพ็ญอยู่บนเขา
คุณธรรมสูงส่งทระนงเกียรติเช่นนี้ แม้แต่ในวังสวรรค์ก็ยังหาได้ยาก
ปู่หลานสองคนคุยกันเป็นเวลานาน ก่อนที่หานเจวี๋ยจะปล่อยให้มู่หรงฉี่จากไป
ผ่านไปหลายปีเพียงนี้ ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงก็เพิ่มระดับขึ้น จุดสูงสุดของโลกมนุษย์ไม่ใช่ระดับมหายานอีกต่อไป แต่เป็นระดับเซียนอิสระ แต่หลังจากไปถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้วยังสามารถสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ได้ ขอเพียงฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ
ด้วยคุณลักษณะของมู่หรงฉี่การสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี มู่หรงฉี่ก็สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์สำเร็จ
การจากไปของเขาไม่ได้ทำให้คนที่เหลือของสำนักซ่อนเร้นคิดเรื่อยเปื่อย ถึงอย่างไรพลังงานวิญญาณของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็ไม่ได้ด้อยกว่าของแดนเซียน ซ้ำยังมีไอเซียนอีกด้วย
การสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ก็เพื่อแสวงหาโอกาสวาสนาเท่านั้น
บำเพ็ญเพียรไร้กาลเวลา
หานเจวี๋ยยังคงบากบั่นฝึกบำเพ็ญต่อไป สาปแช่งศัตรูตรวจดูจดหมาย สอดแนมโลกเมฆาแดงรวมถึงชี้แนะศิษย์เป็นครั้งคราว
วันเวลายังคงเหมือนเดิม ไร้ระลอกคลื่น ไร้การเปลี่ยนแปลง
ยี่สิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยกำลังสาปแช่งศัตรู
หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่อยู่ในความว่างเปล่าไกลๆ ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นเปลวไฟกำลังลุกโหมอย่างรวดเร็ว กล่าวให้ถูกก็คือมันกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยรีบใช้แบบจำลองการทดสอบทันที เพื่อตรวจหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกเมฆาแดง
[มหาอริยะเทียนหู: ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ เทพปีศาจของวังปีศาจ]
[ปีศาจสาวหรูเมิ่ง: ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ เทพปีศาจของวังปีศาจ]
สองเทพปีศาจ!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาเริ่มจำลองแบบการทดสอบ ด้วยรูปแบบหนึ่งต่อสอง
อย่างไรเสียก็มีจอมเทพอู่เต๋ออยู่ สามารถต้านทานได้ชั่วขณะหนึ่ง
สามอึดใจต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้น
เขาขมวดคิ้วมุ่น ถึงกับไม่สามารถปลิดชีพในฉับพลันได้
เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างออกไป
หานเจวี๋ยยังคงจำลองการต่อสู้ต่อไป พยายามหาวิธีที่จะปลิดชีพเทพปีศาจทั้งสองในฉับพลัน
ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า
เทพปีศาจทั้งสองหอบเปลวเพลิงบินเหินด้วยความเร็วสูง เงาดาบขนาดใหญ่สายหนึ่งฟันฟาดลงมาหยุดพวกเขาเอาไว้
“ปีศาจชั่วจอมบังอาจ! กล้าบุกเข้าสู่โลกมนุษย์วังสวรรค์!”
เสียงตวาดสนั่นรุนแรงของจอมเทพอู่เต๋อดังขึ้น เขาปรากฏตัวตามมาในทันที สวมชุดเกราะหนาสีฟ้าเงิน ศีรษะสวมหมวกลูกปัดหัวเสือ มีตาสี่ข้าง ท่าทางสง่าผ่าเผย
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือตรงไปตรงมา
มือของเขากำดาบเล่มใหญ่ฟันฉับออกไป
เปลวเพลิงระเบิดปะทุ เทพปีศาจสององค์ก็ปรากฏตัวขึ้น
มหาอริยะเทียนหูตัวเป็นคนหัวเป็นจิ้งจอก สวมชุดสีดำ ข้างหลังมีหางขนาดใหญ่เก้าหาง
ปีศาจสาวหรูเมิ่งรูปร่างคล้ายหญิงสาว งดงามอรชร แต่บนร่างกลับมีใบไม้งอกขึ้นทั่วร่าง น่าสะพรึงเป็นที่สุด
“เฮอะ! ที่แท้ก็เป็นจอมเทพอู่เต๋อ มิน่าเล่าถึงได้หยิ่งผยองถึงเพียงนี้!” ปีศาจสาวหรูเมิ่งแค่นเสียงเย็นกล่าว สองมือร่ายวิชาอย่างรวดเร็ว พลังเวทกลายเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าเทือกเขาเสียอีก กระหน่ำฟาดไปทางจอมเทพอู่เต๋อ
มหาอริยะเทียนหูยกมือขึ้น ในมือปรากฏแส้สีดำที่เต็มไปด้วยหนามแหลมขึ้นจากอากาศ หวดเข้าใส่จอมเทพอู่เต๋อเช่นเดียวกัน
การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ปะทุเดือดเช่นนี้!
ใต้ต้นฝูซัง อีกาทองสองตัว ราชามังกรสามหัวเงยหน้าขึ้นมอง
พวกเขาล้วนก้าวข้ามระดับมหายานแล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวภายนอกท้องฟ้า
ทันใดนั้นพวกเขาก็พลันประหม่าขึ้นมา ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
ภายในถ้ำเทวา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พบวิธีปลิดชีพเทพปีศาจทั้งสองในฉับพลันแล้ว
เขารีบไปที่ห้วงอากาศว่างเปล่าทันที
อีกฝ่ายโผล่มาแบบทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ประสงค์ดี
ไม่ว่าจักรพรรดินีปีศาจชิงชิวจะส่งคนมาล้างแค้น หรือมาเพื่อจัดการกับถูหลิงเอ๋อร์
ไม่ว่าอย่างไร มาแล้วก็ต้องตาย!
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เห็นว่าจอมเทพอู่เต๋อถูกล้อมโจมตี จำต้องกล่าวว่าปีศาจทั้งสองนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ปราบปรามจอมเทพอู่เต๋อได้ทันที
จอมเทพอู่เต๋อแอบคร่ำครวญอย่างทรมานกับตัวเอง
“มิน่าฝ่าบาทถึงทรงอยากให้ข้ามา ผ่านไปไม่นานก็มีเทพปีศาจโผล่มาถึงสองตนในคราเดียว ใครเล่าจะต้านไหว!”
จอมเทพอู่เต๋อลอบสบถ ทำได้เพียงเกร็งหนังหัวสู้ต่อไป
ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับยักษ์ที่ถือกำเนิดในความว่างเปล่า ภาพฉากนั้นชวนให้สะท้านสะเทือน
สองมือเขาเงื้อมีดใหญ่ขึ้น ฟันออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงอากาศว่างเปล่าถูกฉีกทึ้งออกเป็นรอยแตกทางยาว สายฟ้าแลบเกี่ยวพัน
ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงระเบิดปะทุ กวาดล้างไปทุกทิศทุกทาง เทพปีศาจสองตนถูกปราบจนต้องถอยหนีไม่หยุด
หานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือในทันที หากแต่ดูการต่อสู้ด้วยความเพลิดเพลิน
ให้จอมเทพอู่เต๋อสลายคลื่นก่อน เช่นนี้การปลิดชีพฉับพลันก็ง่ายขึ้นแล้ว
จอมเทพอู่เต๋อสังเกตเห็นหานเจวี๋ย แต่เขาไม่ได้สนใจ เจ้าหมอนี่เพิ่งตบะระดับเซียนแท้ เดิมทีก็ยื่นมือเข้ามาแทรกไม่ได้เลยสักนิด
หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา ชมการต่อสู้ไปพลาง ติดต่อกับตี้ไท่ไป๋ไปพลาง
ไม่นาน พลังจิตก็เชื่อมต่อสำเร็จ
“นี่ เหตุใดท่านถึงปล่อยให้ปีศาจสองตนเข้ามา จอมเทพอู่เต๋อแทบจะต้านไม่อยู่แล้ว” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่พอใจ
เหตุใดศัตรูคิดอยากจะเข้าโลกมนุษย์วังสวรรค์ก็เข้ามาได้ง่ายๆ?
ตี้ไท่ไป๋กล่าวอย่างจนปัญญา “วังสวรรค์อยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแดนเซียน โลกมนุษย์อยู่ต่ำกว่าแดนเซียน วังสวรรค์จะสามารถปกป้องโลกมนุษย์ทุกแห่งได้อย่างไร เจ้าช่วยจอมเทพอู่เต๋อที”
“มหาอริยะเทียนหู ปีศาจสาวหรูเมิ่ง ฆ่าพวกเขาจะไม่ทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมตามมาใช่หรือไม่”
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเขา ฆ่าเถิด ถึงอย่างไรกับวังปีศาจหากไม่ตายก็ไม่มีวันเลิกราอยู่แล้ว”
“อืม”
พลังจิตขาดการเชื่อมต่อ
ภายในพระราชวังเทียมเมฆา
ตี้ไท่ไป๋เงยหน้ามองไปทางจักรพรรดิสวรรค์ กล่าวว่า “มหาอริยะเทียนหู ปีศาจสาวหรูเมิ่งได้ไปยังโลกเมฆาแดงแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างไม่แยแสนัก “เราเห็นแล้ว ในเมื่อเจ้าหนูนั่นกล้าปรากฏตัว ก็หมายความว่าไม่เกรงกลัว ไม่ต้องกังวลไป”
“เทพปีศาจสองตนนี้ไม่ค่อยลงมือนัก เป็นจักรพรรดินีปีศาจชิงชิวที่ส่งพวกเขามาหรือไม่ ข้าจำได้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนของจักรพรรดินีปีศาจชิงชิว”
“พวกเขาเป็นเทพปีศาจภายใต้ปกครองจักรพรรดิปีศาจ ดูท่าคงมาเพราะเผ่าจอมเวทเป็นแน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของตี้ไท่ไป๋ก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย
เผ่าจอมเวท!
นั่นเป็นเผ่าพันธุ์เก่าแก่เผ่าหนึ่ง เก่าแก่จนตี้ไท่ไป๋เกือบลืมพวกเขาไปแล้ว
ตี้ไท่ไป๋ถามอย่างระมัดระวัง “หรือหานเจวี๋ยจะเป็นทายาทของเผ่าจอมเวท”
เขาอยากรู้ภูมิหลังของหานเจวี๋ยมาโดยตลอด
จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียงกล่าวว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร มีหรือที่เผ่าจอมเวทจะมีคนที่รักตัวกลัวตายเช่นนี้”
“ก็จริง”
“เป็นลายมือของคนในเมืองยมบาลผู้นั้น เช่นเดียวกับวังสวรรค์ เราต้องการดึงหานเจวี๋ยมาเป็นพวก เราจึงปิดตาข้างเดียวมาโดยตลอด”
“หากเผ่าจอมเวทกลับมาผงาดอีกครั้ง จะกระทบกับวังสวรรค์หรือไม่”
“เช่นนั้นก็ดียิ่ง ยืมหานเจวี๋ยตะล่อมเผ่าจอมเวท”
ตี้ไท่ไป๋รู้แจ้งในทันใด มองไปทางจักรพรรดิสวรรค์ด้วยความเคารพเลื่อมใส
‘ฝ่าบาททรงคิดการณ์ไกลจริงๆ’
วังสวรรค์ในทุกวันนี้ต้องการพลังมากกว่านี้จริงๆ
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยหยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา เดินไปทางเทพปีศาจทั้งสอง
เทพปีศาจสองตนที่กำลังต่อสู้อยู่นั้นก็ไม่เห็นหานเจวี๋ยอยู่ในสายตา จดจ่อกับการล้อมโจมตีจอมเทพอู่เต๋อ
ดวงตาของหานเจวี๋ยหรี่ลง ทันใดนั้นก็เหวี่ยงกระบี่ กระบี่หนึ่งฟันออกจากปราณกระบี่สวรรค์เก้าชั้น ตั้งดิ่งอยู่หน้าคมกระบี่ ควบรวมเป็นเงากระบี่หลายร้อยล้าน
แทบจะในทันที ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิปะทุออกมา!
เงากระบี่นับร้อยล้านใช้อานุภาพถล่มฟ้าสังหารออกไป กวาดล้างทุกสิ่ง!
จอมเทพอู่เต๋อ มหาอริยะเทียนหู ปีศาจสาวหรูเมิ่ง ต่างหันหน้ามองไปตามๆ กัน สีหน้าเจือแววสยดสยอง
นี่คือ…
“แย่แล้ว! รีบหลบเร็ว!”
มหาอริยะเทียนหูตะโกนด้วยความโกรธ กระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว ปีศาจสาวหรูเมิ่งตอบสนองช้าไปเล็กน้อย และเงากระบี่นับร้อยล้านกรูสังหารโถมใส่หน้า
……………………………………………………………..