ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 259 มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เผ่ามังกรบุกล่วงล้ำดินแดน
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 259 มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เผ่ามังกรบุกล่วงล้ำดินแดน
บทที่ 259 มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เผ่ามังกรบุกล่วงล้ำดินแดน
หลังจากเล่นแบบจำลองการทดสอบอยู่หนึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยก็ช่ำชองการใช้เงาเทพต้าเหยี่ยน
เขาพอใจพลังวิเศษนี้มาก ตอนนี้เขาสามารถสำแดงเงาเทพต้าเหยี่ยนออกมาพร้อมกันได้เก้าเงา เงาเทพต้าเหยี่ยนแต่ละเงาล้วนระเบิดพลังแท้จริงอันแข็งแกร่งได้เหมือนกับร่างจริงไม่มีผิด ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
ข้อเสียก็คือใช้พลังเวทมากเกินไป แม้จะสามารถพูดได้ว่าพลังเวทของจักรพรรดิเซียนไม่มีที่สิ้นสุด แต่ปริมาณในการฟื้นฟูก็มีข้อจำกัด เมื่อพลังเวทปล่อยออกไปมากกว่าปริมาณในการฟื้นฟู จะกลายเป็นการแบกรับน้ำหนักจนกระทั่งติดลบ
ข้อเสียนี้ไม่นับประสาอะไร หานเจวี๋ยสามารถโจมตีศัตรูให้พ่ายแพ้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้ หากฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าตนเอง ก็หนีเอาชีวิตรอดไปเลยไม่จำเป็นต้องต่อสู้
หานเจวี๋ยอารมณ์ดีไม่น้อย จึงนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเฉลิมฉลอง
หลายเดือนต่อมา
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญ พลันนึกถึงเรื่องของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
เดี๋ยวก่อน!
ผานซินผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาหลายครั้ง หากถามเขาจะต้องได้คำตอบที่แม่นยำยิ่งกว่าแน่นอน
พอคิดเสร็จ จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยก็กระโจนเข้าไปในแม่น้ำมรรคกระบี่
เขามาถึงด้านหลังผานซินอย่างรวดเร็ว และถามอย่างนอบน้อม “ผู้อาวุโส ข้าสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตกับท่านหน่อยได้หรือไม่”
ผานซินหันมาถาม “เจ้าอยากถามอะไร”
“มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตจะมาแล้วใช่หรือไม่ อีกนานแค่ไหน จะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานเท่าใด”
“จิ๊ๆ เจ้าไม่ธรรมดาเลย คิดไม่ถึงว่าจะสังเกตเห็นดวงชะตามหาเคราะห์ ไม่ผิด มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งต่อไปกำลังจะมา มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตแตกต่างจากเคราะห์อื่นๆ อาจใช้เวลาหลายหมื่นปีในการก่อตัว และอาจเกิดขึ้นยาวนานหลายหมื่นปี ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่เร็วที่สุดกินเวลาไปทั้งหมดเกือบหมื่นปี ตอนนี้เป็นแค่การก่อตัว หากอยากจะเริ่มต้นต้องรอผู้ฝ่าเคราะห์ผุดขึ้นมา”
“ผู้ฝ่าเคราะห์?”
“อืม มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตแต่ละครั้งล้วนจะมีผู้ฝ่าเคราะห์ เขาจะเป็นผู้จุดชนวนของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต พอถึงเวลาจะตลบอบอวลไปด้วยกรรมฟ้าดิน เวไนยสัตว์จะเกิดจิตมาร จมดิ่งอยู่ในการรบกันเป็นพัลวันไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งมรรคาสวรรค์คิดว่าสมดุลแล้ว มหาเคราะห์ถึงจะสลายไป
หานเจวี๋ยราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
‘มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็คือระบบคัดออกหรือ’
ชนะเกมส์?
เมื่อเหลือปริมาณถึงจำนวนหนึ่งแล้ว มหาเคราะห์ก็จะสลาย?’
เช่นนั้นวิธีทำลายมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่ดีที่สุดไม่ใช่การเอาตัวรอดหรือ’
‘ทั้งยังไม่ต้องช่วงชิงอันดับหนึ่งด้วย’
หานเจวี๋ยถาม “ผู้อาวุโสเคยฝ่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อนหรือ”
ผานซินได้ยินก็เชิดจมูกโด่งด้วยความทระนงองอาจ
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าฝ่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมามาก ผู้ที่สามารถชิงสุดยอดดวงชะตาในมหาเคราะห์ได้ จะกลายเป็นมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต และเจ้าแห่งความไร้ขอบเขต ดวงชะตาทอดยาวต่อเนื่อง ฝ่าหมื่นเคราะห์ไม่ตาย”
คำพูดของผานซินทำให้หานเจวี๋ยอดนึกถึงจักรพรรดิสวรรค์ และจักรพรรดิปีศาจไม่ได้ พวกเขาล้วนเป็นมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต
ที่แท้มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตก็มีความหมายเช่นนี้
ผานซินยิ้มกล่าว “เจ้าเด็กน้อย หากเจ้าสามารถผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้ไปได้ เห็นแก่วาสนาที่พบกันหนึ่งครา ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “หากฝ่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตไปได้หนึ่งครั้ง ก็สามารถหลบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งต่อไปได้ใช่หรือไม่”
ผานซินกล่าวอย่างไม่สนใจใยดี “ไม่แน่นอน มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอาจจะดูที่ผลกรรม เจ้าผลกรรมนี้มันพูดยาก ยกตัวอย่างเช่นเจ้าอยากหลบเคราะห์ แต่คู่บำเพ็ญเพียรหรือศิษย์ของเจ้าถูกคนสังหารท่ามกลางมหาเคราะห์ เจ้าจะล้างแค้นหรือไม่ หากเจ้าอยากล้างแค้น เจ้าก็ตกเข้าไปในเคราะห์แล้ว ไม่อาจหลุดพ้นได้”
“คนหนึ่งคนอยากจะหลบผลกรรมได้อย่างสมบูรณ์นั้นมันยากมาก ต่อให้เจ้าจะอดใจไม่ลงมือช่วยเหลือได้ บรรดาผู้ร่วมสำนัก สหาย และญาติก็จะเกลียดชังเจ้า หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดแล้ว พวกเจ้าแตกคอกันจนกลายเป็นศัตรู และเป็นการฝังต้นเหตุของมหาเคราะห์ครั้งต่อไป”
“ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็เป็นมหาโชค สังหารศัตรูช่วงชิงดวงชะตา ในมหาเคราะห์สามารถข้ามขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง ระดับเซียนจำนวนมากจนกระทั่งระดับต้าหลัว เดิมทีก็ไม่ได้มีพรสวรรค์สูงขนาดนั้น อาศัยโชคมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตช่วงชิงโชคและดวงชะตา”
“ด้วยตบะของเจ้า ไม่อยากจะเข้าร่วมเคราะห์ก็ยังยาก เพราะเจ้าหาสถานที่ที่สามารถหลบเคราะห์ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ได้”
พูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงของผานซินเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกว่าถูกล่วงเกิน แต่กลับคารวะขอบคุณ และจากไปโดยเร็ว
ผานซินแปลกใจ ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะจริงจังมาก
‘ช่างเถอะ’
‘ขี้เกียจไปสนใจเขา’
ไหล่ขวาของผานซินเริ่มขยับตัว และสั่นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
……
สิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยออกจากสถานะการบำเพ็ญตบะอีกครั้ง จากนั้นเริ่มสาปแช่งศัตรู
เมื่อรู้ว่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตใกล้เข้ามาแล้ว หานเจวี๋ยหวังจะสาปแช่งศัตรูทั้งหมดให้ตาย
เช่นนี้พอถึงเวลานั้นแล้ว เขาสามารถหลบเคราะห์ได้อย่างสบายใจ
นอกจากนี้ เขาก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการบำเพ็ญตบะของบรรดาศิษย์ แต่ละคนจะต้องบรรลุหนึ่งเป้าหมายภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากล้มเหลวก็จะถูกเขาลงโทษอย่างเข้มงวด
หานเจวี๋ยไม่อยากให้พอถึงเวลาที่มหาเคราะห์มาถึง ศิษย์แต่ละคนเหล่านี้ล้วนอ่อนแอรอคอยการช่วยเหลือจากเขา
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เกิดภาพของการมุมานะฝึกฝน แม้แต่ฉู่ซื่อเหรินก็ไม่กล้าเอ้อระเหยลอยชาย
วันนี้ หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งศัตรูอยู่ พลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอน่าหวาดกลัวบางอย่าง
รอยแยกสีดำเส้นหนึ่งปรากฏตรงขอบฟ้า ไอดำเป็นสายๆ ทะลักออกมา หานเจวี๋ยสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้ว่ามีหลายสิบกลิ่นไอ
แข็งแกร่งสุดบรรลุถึงระดับเซียนทองไท่อี่ อ่อนแอสุดก็มีตบะระดับเซียนแท้ไท่อี่
หานเจวี๋ยรีบติดต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างพุทธะอาภรณ์ขาวทันที ให้เขาไปต้านทานสักหน่อย
พุทธะอาภรณ์ขาวรีบไปทันที
หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูต่อ
เมื่อประสบกับปัญหาไม่อาจลนลานได้ โดยเฉพาะเรื่องการสาปแช่งศัตรูไม่อาจถูกขัดจังหวะได้ พอถูกขัดจังหวะหานเจวี๋ยก็จะอารมณ์ไม่ดี
นอกถ้ำ
ต้นฝูซังสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทำให้ไก่คุกรัตติกาล เจ้าใหญ่ และเจ้ารองไม่อาจอยู่บนกิ่งไม้ได้อย่างสบายใจ
หลงเฮ่าสัมผัสอะไรบางอย่างได้ เขาลุกขึ้นมองไปทางขอบฟ้าทันที
“เป็นอะไรหรือ” หานอีถามด้วยความสงสัย
หลงเฮ่าแววตาเคร่งขรึม และกล่าวพึมพำ “ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของเผ่ามังกร”
เดิมทีเขาก็มีสายเลือดมังกรแท้อยู่ด้วย ดังนั้นความรู้สึกสัมผัสจึงรุนแรงมาก
สวินฉางอานก็มองไปที่ไกลๆ และกล่าวพึมพำ “ความยุ่งยากของโลกเขย่าพิภพกำลังจะมาแล้ว”
เขาไม่ลนลาน ถึงอย่างไรก็ยังมีอาจารย์อยู่
……
วังสวรรค์ ภายในตำหนักที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
ฟางเหลียงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าหม้อสามขาใบใหญ่ น้ำโอสถเดือดปุดๆ ร้อนจนตัวเขาแดงไปทั้งตัว
มู่หรงฉี่ยืนอยู่ข้างหม้อสามขาขนาดใหญ่ และเพ่งมองเขาอยู่
“ศิษย์พี่ ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับไปเถอะ ไม่ต้องดูแลข้าตลอด” ฟางเหลียงลืมตาฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่หรงฉี่ส่ายหน้ากล่าว “โอสถนี้แฝงไปด้วยโลหิตบริสุทธิ์ของเทพปีศาจ รุนแรงอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่อาจสะเพร่าได้ เจ้าไม่ต้องสนใจข้า”
ฟางเหลียงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยอย่างไม่มีทางเลี่ยง เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถาม “ช่วงนี้ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์คัดเลือกแม้ทัพเทพ เจ้าเข้าร่วมหรือไม่”
แม่ทัพเทพ นั่นคือการดำรงอยู่ที่ไม่อาจเอื้อม!
ตอนนี้แดนสวรรค์มีแค่สามยอดแม่ทัพเทพเท่านั้น!
ตบะของมู่หรงฉี่ยกระดับขึ้นเร็วยิ่งนัก ขณะนี้บรรลุถึงระดับเซียนลึกล้ำไท่อี่แล้ว คุณสมบัติเช่นนี้มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นแม่ทัพเทพในกรณีพิเศษได้ ประกอบกับสถานะในอดีตชาติของเขา ไม่มีเทพเซียนกล้าโต้แย้ง
อย่ามองที่ว่าตบะของมู่หรงฉี่นั้นไม่นับว่าเลิศล้ำ เดินไปที่ไหนล้วนมีเทพเซียนทักทาย ก่อนหน้านั้นไม่นานแม่ทัพเทพยุทธ์ยังเรียกเขาไปคุยเรื่องในอดีตอยู่เลย
มู่หรงฉี่ยิ้มกล่าว “ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์เรียกข้าไปคุยแล้ว ข้าจะเข้าร่วม และก็นับว่าช่วยวางรากฐานที่มั่นให้กับอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่กลัวความยุ่งยากที่สุด หากวันหน้าท่านขึ้นสวรรค์ พวกเราก็ต้องช่วยท่านต่อต้านความยุ่งยาก”
ได้ยินเช่นนี้ฟางเหลียงผงกศีรษะเผยสีหน้าคิดถึง และถามขึ้นมา “ใช่สิ เจ้าว่าตอนนี้อาจารย์ปู่มีตบะระดับใด”
หลังจากมาวังสวรรค์แล้ว เนื่องด้วยสติปัญญาและสถานะ ทำให้เขาเข้าใจแดนเซียน และรอบรู้มากขึ้น
มู่หรงฉี่กล่าว “อาจารย์ปู่ลึกลับมาโดยตลอด ข้าสงสัยว่าเดิมทีท่านก็คือผู้ทรงพลังบรรพกาลแล้ว เพียงแค่หลบอยู่ในโลกมนุษย์มาโดยตลอด เจ้าเคยเห็นอาจารย์ปู่ไร้พลังหรือจนมุมมาก่อนหรือ ศัตรูใดๆ ล้วนเป็นศัตรูที่ท่านสามารถกำราบได้ภายในกระบวนท่าเดียว”
……………………………………….