ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 26 เฉินซานเทียน ตัวอ่อนมารแต่กำเนิด
บทที่ 26 เฉินซานเทียน ตัวอ่อนมารแต่กำเนิด
ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าจะมีคนอยู่นอกถ้ำเทวา
เขาตรวจดูที่มาของคนผู้นี้ทันที
[เฉินซานเทียน ตัวอ่อนมารแต่กำเนิด มีความเข้ากันได้ระดับสูงมากกับวิชายุทธ์สายมาร ตอนเยาว์วัยติดตามบิดามารดาพเนจรไปทั่ว เมื่อบิดามารดาถูกโจรเร่ร่อนสังหาร เขาปลุกตัวอ่อนมารให้ตื่นขึ้นโดยบังเอิญ อายุเพียงเจ็ดขวบก็สังหารโจรเร่ร่อนไปเกินร้อยคน จิตสังหารถูกปลดปล่อย และควบคุมไม่ได้ตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งได้เข้าร่วมกับลัทธิมารฟ้ามืด ก็ราวกับมัจฉาที่ได้น้ำ ขณะนี้เป็นศิษย์แกนหลักของลัทธิมารฟ้ามืด]
เป็นคนของลัทธิมารฟ้ามืดจริงๆ ด้วย!
ศิษย์แกนหลัก…
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ยังไม่ถึงระดับผู้อาวุโส!
ตามความเข้าใจของหานเจวี๋ย กำลังของลัทธิมารฟ้ามืดไม่ต่างไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์
เฉินซานเทียนสูงค้ำฟ้าแค่ไหน ก็มีตบะระดับรวมแก่นปราณขั้นเก้าเท่านั้น!
‘คนผู้นี้มาทำอะไรที่สำนักหยกพิสุทธิ์ เขามาคนเดียว หรือว่าซ่อนกองทัพใหญ่เอาไว้’
หานเจวี๋ยลุกขึ้น เดินไปยังประตูถ้ำอย่างระมัดระวัง
เขามองออกไปด้านนอก เห็นเพียงชายชุดดำคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าที่อยู่ไม่ไกล ท่าทางดูลับๆ ล่อๆ
หานเจวี๋ยกลับไม่อาจจับสัมผัสกลิ่นอายของเขาได้
หากไม่เห็นกับตาตัวเอง เขาอาจจะไม่พบตัวเฉินซานเทียน
นอกจากเฉินซานเทียนแล้วก็ไม่มีผู้อื่นอีก
เฉินซานเทียนเดินมาหน้าประตูถ้ำเทวา สายตาของเขาตกอยู่บนแถวอักขระบนผนังถ้ำ
“อดทนเพื่อทะเลกว้างฟ้ากระจ่าง…น่าขัน คนสำนักหยกพิสุทธิ์ล้วนเป็นเต่าหัวหดดังคาด!”
เฉินซานเทียนอดหัวเราะเยาะไม่ได้ หานเจวี๋ยที่อยู่ในถ้ำรู้สึกว่าตนเองถูกล่วงเกินเสียแล้ว
รนหาที่ตาย!
หานเจวี๋ยแสดงวิชาสามกระบี่แยกเงา เงากระบี่สามสายลอยอยู่ด้านหลัง พร้อมที่จะสังหารเฉินซานเทียนตลอดเวลา
เพราะมีค่ายกลอยู่ เฉินซานเทียนจึงมองไม่เห็นหานเจวี๋ย และไม่สามารถรับรู้กลิ่นอายของหานเจวี๋ยได้
ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าว
เฉินซานเทียนมองอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกถึงความไม่ปกติ
“หรือว่าจะเป็นถ้ำเทวา?”
เฉินซานเทียนหรี่ตาลง เขาพลิกมือเรียกกระบี่ออกมาแทงผนังภูเขาเบาๆ
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แสงกระบี่สว่างเจิดจ้า เฉินซานเทียนต้องหลับตาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะกระโดดถอยหลังตามสัญชาตญาณ
เงากระบี่สามสายแทงทะลุร่างของเฉินซานเทียนราวสายฟ้าแลบ โลหิตสดสาดกระเซ็น
เฉินซานเทียนกระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตรปานกระสอบทราย กระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ สะเทือนจนใบไม้ร่วงกราวลงมาดุจสายฝน
“เจ็บนัก…”
เฉินซานเทียนกัดฟันมองไป เห็นเงากระบี่สามเงาลอยอยู่เหนือศีรษะเขา พร้อมจะฟันลงมาได้ทุกเวลา ทำเอาเขาตกใจแทบขวัญกระเจิง
นี่คือสิ่งใดกัน
เขารีบร้องตะโกน “ผู้อาวุโส โปรดยั้งมือก่อน!”
หานเจวี๋ยที่ยืนอยู่ตรงปากถ้ำส่ายศีรษะ
‘อ่อนเพียงนี้เชียว
โจมตีทีเดียวก็รับไม่ไหวแล้ว!
หรือจะบอกว่า สามกระบี่แยกเงาของเราแข็งแกร่งเกินไป?’
หานเจวี๋ยเอามือลูบคางพลางครุ่นคิด
หลังจากเผชิญกับการโจมตีของสามกระบี่แยกเงา กลิ่นอายพลังวิญญาณของเฉินซานเทียนก็ปรากฏออกมา
หานเจวี๋ยเปรียบเทียบอยู่ครู่หนึ่ง พลังวิญญาณของเฉินซานเทียนไม่แข็งแกร่งเท่าเขา
เพียงแต่เขามองขอบเขตพลังของเฉินซานเทียนไม่ออก
หรือก็คือ ขอบเขตพลังของเฉินซานเทียนสูงกว่าเขา แต่พลังวิญญาณแข็งแกร่งไม่เท่าเขา
ในที่สุดความร้ายกาจของวัฏจักรหกวิถีก็ปรากฏให้เห็นแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยปากถามอย่างอารมณ์ดี “เจ้าคิดจะมาทำอะไรที่สำนักหยกพิสุทธิ์”
เฉินซานเทียนตอบ “บังเอิญผ่านมาทางนี้ ข้าไม่ได้อยากเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์”
โกหกได้ไหลลื่นดีจริงๆ!
เงากระบี่สามสายร่วงลงมาอีกครั้ง!
เฉินซานเทียนหน้าเปลี่ยนสี กระโดดไปด้านข้างทันที แต่เท้าขวาของเขาก็ยังถูกเงากระบี่แทงทะลุ และถูกตรึงไว้กับพื้น ก่อนจะล้มคว่ำเหมือนสุนัขบ้ากระโจนเข้าหาอุจจาระ
“บัดซบ…”
เฉินซานเทียนหงุดหงิดจนระเบิดอารมณ์ออกมา
เขาเป็นถึงศิษย์แกนหลักของลัทธิมารฟ้ามืด แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามกำราบโดยที่ยังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ
เงากระบี่สามสายราวกับภูตผี รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ตรึงเท้าของเขา ก็ยังกัดกร่อนพลังวิญญาณในร่างเขาด้วย
นี่คือวิชาเวทใดกันแน่
เฉินซานเทียนตื่นตระหนกมาก
เขาเคยสืบเรื่องสำนักหยกพิสุทธิ์มาแล้ว สำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ใช่สำนักที่ฝึกฝนกระบี่โดยเฉพาะ ในบรรดาผู้อาวุโสก็ไม่มีใครมีวิชาเวทสายกระบี่ที่ร้ายกาจเช่นนี้
หรือว่าจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่ลึกลับ?
“เฉินซานเทียน ตัวอ่อนมารแต่กำเนิด ศิษย์เอกลัทธิมารฟ้ามืด หากส่งตัวเจ้าให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์ เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบเช่นไร” เสียงของหานเจวี๋ยดังมาอีกครั้ง
เฉินซานเทียนหน้าเปลี่ยนสี เกิดคลื่นโหมกระหน่ำในจิตใจ
ฝ่ายตรงข้ามรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาได้อย่างไร
เฉินซานเทียนตื่นตระหนกไปหมด รีบคุกเข่าคารวะถ้ำเทวาฟ้าประทาน และกล่าวด้วยความหวาดกลัว “ผู้อาวุโส! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว! ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด! ข้าไม่เคยสังหารศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์เลย!”
หานเจวี๋ยลังเลว่าจะสังหารเฉินซานเทียนดีหรือไม่
จากประสบการณ์ที่เขาอ่านเจอในนิยาย การสังหารบุตรแห่งสวรรค์เช่นนี้ อาจนำมาซึ่งโครงเรื่องย่อยต่อเนื่องในภายหลังได้
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว บุตรแห่งสวรรค์ต่างมีช่องทางติดตามของผู้อาวุโสอยู่กับตัว เมื่อพวกเขาตาย ผู้อาวุโสจะรับรู้ได้ จากนั้นก็จะตามล่าตัวเอกของเรื่อง
สังหารผู้เยาว์ผู้ใหญ่ตามมา สังหารผู้ใหญ่ผู้อาวุโสตามมา ครั้นสังหารผู้อาวุโส ก็จะมีคนที่แก่กว่ายิ่งใหญ่กว่ามาแก้แค้น
‘หรือไม่ก็จับตัวเขาไว้ หากเจ้าสำนักถูกจับตัวได้ในภายหลัง จะได้นำไปแลกเปลี่ยนกับลัทธิมารฟ้ามืด’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาคิดว่าทำได้!
ถึงอย่างไรเขาก็สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองอยู่ เฉินซานเทียนไม่อาจทำอันตรายเขาได้
หานเจวี๋ยโบกมือขวา เงากระบี่ทั้งสามหายวับไป
เฉินซานเทียนไม่กล้าหลบหนี ทำได้แค่คุกเข่าตัวสั่นอยู่กับที่
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ ด้วยพลังที่หานเจวี๋ยแสดงออกมา ต่อให้เขาพยายามหนีอย่างสุดชีวิตก็หนีไม่พ้น
“เข้ามา”
เสียงของหานเจวี๋ยลอยมา
ประตูถ้ำปรากฏให้เห็น ประตูหินเปิดออก
เฉินซานเทียนมองเห็นหานเจวี๋ยแล้ว
เป็นบุรุษที่รูปงามยิ่งนัก!
ยังหนุ่มมาก!
เฉินซานเทียนนึกว่าหานเจวี๋ยเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านนั้นเสียอีก เขากัดฟันลุกขึ้นมา
หลังจากประตูถ้ำปิดลง หานเจวี๋ยกระตุ้นค่ายกลอีกครั้งแล้วปิดประตูถ้ำ
จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง
ทันใดนั้นเฉินซานเทียนก็คว้าตัวหานเจวี๋ยไว้ กระบี่ในมือวางอยู่ตรงลำคอของหานเจวี๋ย เขาตะคอกเสียงเข้ม “ผู้อาวุโส ปล่อยข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าศิษย์ของท่าน!”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
ถ้ำเทวาตกอยู่ในความเงียบงัน
เฉินซานเทียนกระวนกระวายใจ กวาดสายตามองไปรอบด้าน
หานเจวี๋ยกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าไม่มีศิษย์”
เฉินซานเทียนได้ยิน ก็ตัวแข็งทื่อในทันที
เกิดเสียงดังเคร้ง!
กระบี่ของเขาตกลงพื้น เขารีบคุกเข่าลงไป พยายามฝืนยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโส…ข้าล้อเล่น…”
เขารับรู้ขอบเขตพลังของหานเจวี๋ยได้
ระดับสร้างฐานขั้นเก้า
เป็นไปไม่ได้!
ต้องเป็นวิชาบังตาอย่างแน่นอน!
สามารถปราบเขาได้ทันใด ทั้งยังเดาภูมิหลังที่มาของเขาได้ จะต้องเป็นยอดฝีมือแน่!
หานเจวี๋ยเดินเข้าไปในห้อง และทิ้งคำพูดไว้ว่า “ตามข้ามา”
เฉินซานเทียนรีบเดินตามไป
หานเจวี๋ยเดินมาถึงหน้าเตียงของตนก็นั่งลง เฉินซานเทียนคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ทำท่าทางนอบน้อมยิ่ง
นี่คือศิษย์แกนหลักของลัทธิมารฟ้ามืดหรือ
เดิมทีหานเจวี๋ยคิดจะส่งตัวเฉินซานเทียนให้เซียนซีเสวียน แต่หากทำเช่นนั้น เฉินซานเทียนต้องพยายามหนีสุดชีวิตแน่
เขาไม่มีกำลังจะกำราบเฉินซานเทียน อย่างมากสุดก็แค่โจมตีให้พ่ายแพ้
เหตุที่เฉินซานเทียนไม่หนีในตอนนี้ เป็นเพราะประเมินกำลังของเขาไว้สูง
อย่างไรเสียก็มีอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองปกป้องกายเนื้ออยู่ เขาจึงไม่กลัวว่าเฉินซานเทียนจะลอบโจมตีตนเอง
อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองไม่เพียงปกป้องร่างเท่านั้น ยังปกป้องศีรษะได้ด้วย อย่างไรเฉินซานเทียนก็ทำอะไรเขาไม่ได้!
หานเจวี๋ยเอ่ยเบาๆ “หยิบกระบี่ของเจ้าขึ้นมา แล้วแทงข้าให้สุดกำลัง”
เฉินซานเทียนตัวสั่นเทิ้ม พูดเสียงคร่ำครวญว่า ”ผู้อาวุโส ข้าสำนึกผิดแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!”
“มาเถอะ หากไม่ลองดูสักครั้ง ต่อไปเจ้าคงคิดแต่จะลอบโจมตีข้า”
“ข้ามิกล้า…”
“ลงมือเถอะ ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก”
“ผู้อาวุโส ข้าขอโขกหัวคารวะท่าน!”
เฉินซานเทียนเกือบจะร้องไห้แล้ว รีบโขกศีรษะคารวะไปทางหานเจวี๋ย
เขายังคิดว่าหานเจวี๋ยใช้กลลวงกับเขา เพื่อหาเหตุผลในการสังหารเขาเสียอีก
อย่างไรเสียหากเขาลงมือ ก็ไม่มีจุดจบที่ดีแน่
หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด ข้าน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ตอนที่เขาดูแนะนำภูมิหลังของเฉินซานเทียนก่อนหน้านี้ ยังคิดว่าคนผู้นี้จะเหี้ยมโหดมาก ยอมตายแต่ไม่ยอมโดนหลบหลู่ ไม่นึกว่าจะยอมง่ายๆ เช่นนี้
“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็จงอยู่ที่นี่ ปลูกหญ้าวิญญาณแทนข้า กวาดพื้นทำความสะอาด และเจ้าก็ฝึกฝนอยู่ที่นี่ได้ด้วย” หานเจวี๋ยกล่าวกำชับ
“ขอรับ…ถ้าอย่างนั้นข้าไปได้เมื่อใด”
“หือ”
“ข้าพูดผิดไปแล้ว ข้าขอตบปาก…”
……………………………………….