ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 265 หลี่เสวียนเอ้า หลี่เต้าคง
บทที่ 265 หลี่เสวียนเอ้า หลี่เต้าคง
“เจ้าสุนัขเหม็นตัวนี้กลับมาด้วยเหตุใดกัน”
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น กล่าวน้ำเสียงฮึดฮัด ในวาจาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ศิษย์คนอื่นๆ ล้วนมีที่มาของตนเอง มีเพียงสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเท่านั้นที่หานเจวี๋ยได้มาจากในระบบ
อันที่จริงหานเจวี๋ยสนใจสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมาก แต่จนใจที่เจ้าหมอนี่เหลงระเริงเกินไป
ออกไปแต่ละครั้งล้วนโดนตี เมื่อโดนตีก็ยังไม่ยอมกลับมา
“ดวงตาของมันถูกควักไปแล้ว…” อู้เต้าเจี้ยนกล่าวอย่างระมัดระวัง
ได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว
เขารีบปล่อยพลังจิตกวาดออกไปด้านนอกทันที ตอนนี้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกำลังถูกคนในสำนักซ่อนเร้นล้อมรอบ
มันหมอบอยู่บนพื้น ลมหายใจรวยริน ผอมเหลือแต่กระดูก ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสเหมือนเมื่อก่อนเลย ดูเศร้าสลดเป็นอย่างมาก
ไก่คุกรัตติกาลโกรธมาก
“เจ้าสุนัขเหม็น ใครกันที่ทรมานเจ้าจนมีสภาพเช่นนี้” ไก่คุกรัตติกาลก่นด่า
แม้จะด่า แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นห่วงสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมาก
อย่างไรเสียมันก็คนที่ฟักสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นออกมา นั่นก็เท่ากับว่าเป็นลูกของมันด้วย
สุนัขสวรรค์ทอดถอนใจกล่าว “อย่าถามเลย…ข้าจะไม่ออกไปอีกแล้ว…”
คนอื่นๆ พากันขมวดคิ้ว
หลงเฮ่าถามเสียงขรึม “เป็นผู้ใด บอกข้ามา ข้าจะไปแก้แค้นให้เจ้า!”
เขามักจะพูดอยู่ตลอดว่าจะปกป้องสำนักซ่อนเร้น โตมาถึงเพียงนี้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นสหายในสำนักมีสภาพน่าสังเวชเช่นนี้
“ช่างเถอะ…ไม่ต้องแล้วจริงๆ…” สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าตกใจจนกลัวมาก
คนกลุ่มนั้นสงสัยเป็นอย่างมาก ที่แท้แล้วสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไปเจออะไรมากันแน่ เหตุใดถึงได้หวาดกลัวเช่นนี้
ก่อนหน้านี้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็มีท่าทางวางมาดหยิ่งยโสเป็นที่สุด
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกวาดสายตามองดูรอบๆ คราหนึ่ง พลันถามขึ้นว่า “หยางเทียนตงเล่า ออกไปฝึกประสบการณ์อีกแล้วหรือ”
คนกลุ่มนั้นยกมือ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้
“หยางเทียนตงไปเกิดใหม่หลายร้อยปีแล้ว”
น้ำเสียงของหานเจวี๋ยพลันดังเข้ามา
ผู้คนทั้งหมดนิ่งอึ้งไปทันที
หยางเทียนตงตายแล้วหรือ
พวกเขาตกใจกันหมด ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยก็ไม่เคยพูดถึงมาก่อน
มิน่าเล่าเขาถึงไม่ได้กลับมา
“สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเข้ามา ส่วนคนอื่นๆ ฝึกบำเพ็ญต่อ” เสียงของหานเจวี๋ยลอยเข้ามาอีกครั้ง
จากนั้นอู้เต้าเจี้ยนก็เดินออกมาจากถ้ำเทวา
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ยังคงเดินไปถ้ำเทวาฟ้าประทานอย่างระมัดระวัง
แม้จะไม่มีดวงตาแล้ว แต่พลังจิตของมันยังอยู่
หลังจากที่สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเข้าไปในถ้ำเทวาแล้ว คนอื่นๆ ก็อารมณ์เดือดพล่านด้วยความโมโห
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นถูกควักลูกตาทั้งสองข้าง หยางเทียนตงแตกดับ!
ข้างนอกก็อันตรายเช่นนี้เชียวหรือ
……
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นหมอบอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย มันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ลำตัวสั่นสะท้าน
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาจับได้ว่าในเบ้าตาของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมีพลังลึกลับบางอย่าง ที่ทำให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่อาจที่จะงอกดวงตาคู่ใหม่ขึ้นมาได้
“ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม หากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่ได้ยุแหย่ฝ่ายตรงข้าม เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ต้องรักษาความยุติธรรม
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นลังเล กังวลใจว่าจะสร้างปัญหาให้กับหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยถาม “อีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิเซียน เจ้าก็กลัวว่าข้าสู้ไม่ได้หรือ”
ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นถูกผู้ทรงพลังจับตัวไป เช่นนั้นก็แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิเซียน!
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเงยหน้าขึ้นในทันที มันตกตะลึงไม่หยุด
‘นายท่านรู้จักจักรพรรดิเซียนได้อย่างไร’
ในสายตาของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น แม้หานเจวี๋ยจะเก่งกาจ แต่ก็อยู่ในโลกมนุษย์มาโดยตลอด ไม่มีทางรู้จักระดับเซียน
ตั้งแต่ถูกจับไปแดนเซียน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นถึงรู้ว่าโลกมนุษย์เล็กจ้อยเพียงใด
นี่ก็คือเหตุผลที่มันไม่กล้าบอกว่าใครเป็นผู้ลงมือ
อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป
แข็งแกร่งเสียจนมันไม่กล้าอาฆาตแค้น
หานเจวี๋ยแค่นเสียงเย็นออกมา เมื่อมือขวาโบกขึ้น ก็ดึงพลังในเบ้าตาสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นออก และบดขยี้มันจนแหลกสลาย
[หลี่เสวียนเอ้าเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หลี่เสวียนเอ้า?
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ด้วยความประหลาดใจ
[หลี่เสวียนเอ้า: ไม่ทราบตบะ ศิษย์รองของนิกายเหริน ท่องไปในปวงสวรรค์สะสมดวงชะตา คิดจะนำพานิกายเหรินเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรือง เนื่องด้วยท่านกำจัดพลังที่อยู่บนตัวสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น จึงเกิดความสนใจในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หืม? เกิดความสนใจแล้วเหตุใดถึงเป็นระดับความเกลียดชัง
หานเจวี๋ยลอบด่า
ก่อนหน้านี้จักรพรรดิสวรรค์เคยพูดถึงศิษย์สองคนของนิกายเหรินอยู่ ใกล้จะพิสูจน์ต้าหลัวแล้ว!
นี่ก็หมายความว่า อย่างด้อยที่สุดหลี่เสวียนเอ้าก็อยู่ระดับเทพ!
จิตใจของหานเจวี๋ยจมดิ่งสู่ก้นเหว
เห็นว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูด หานเจวี๋ยจึงเอ่ยปากกล่าวว่า “ออกไปตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีเถิด ตั้งแต่วันนี้ไปก็ห้ามออกไปอีก”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก มันรีบออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
หลังจากสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาแล้วนิสัยก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่หยิ่งผยองอีก แต่กลับกระตือรือร้นที่จะฝึกบำเพ็ญ ไม่กว่าไก่คุกรัตติกาลจะด่ามันอย่างไร มันก็ได้แต่ยิ้มไม่กล้าโต้แย้ง
นี่ก็เป็นนิสัยที่ถูกขัดเกลาจากสังคมจริงๆ
เวลาผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด
ทนมาสิบปีแล้ว!
จะต้องสาปแช่ง!
หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าแห่งนิกายเหรินทันที
แม้จะไม่อาจสาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าจนตาย แต่หานเจวี๋ยก็ต้องการเล่นกับสภาพจิตใจเขา
‘กล้าควักลูกตาสัตว์เลี้ยงเทพของข้า เรื่องนี้ไม่จบแน่ๆ!’
หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าหลังจากนี้ทุกปีจะใช้เวลาสาปแช่งห้าวัน เพื่อทำลายมรรคจิตของเจ้าหมอนี่!
เหตุการณ์ดำเนินอยู่เช่นนี้ จนเวลาแต่ละปีผ่านพ้นไป
จนกระทั่งผ่านไปสามสิบปี
หานเจวี๋ยมองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[หลี่เสวียนเอ้านิกายเหรินเกิดมารในใจ เนื่องด้วยสาปแช่งของท่าน]
หานเจวี๋ยเป็นสุขจนหุบปากไม่ลง
อารมณ์ดีจริงๆ!
ดีมาก ในเมื่อเกิดมารในใจแล้ว หลังจากนี้ค่อยสาปแช่งเจ้าทุกๆ สิบปีแล้วกัน
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ สาปแช่งทุกปี ส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญของเขา
……
ในป่าเขา
บุรุษชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ รูปร่างหน้าตาของเขาดูราวสี่สิบต้นๆ ท่าทางสุขุม ข้างกายมีกระบี่ไม้ลอยอยู่เล่มหนึ่ง
เขาก็คือหลี่เสวียนเอ้านิกายเหรินนั่นเอง
ยามนี้ หลี่เสวียนเอ้าขมวดคิ้วแน่น มีไอชั่วร้ายปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา
เขาลืมตาขึ้นในทันที กล่าวน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “รังแกกันเกินไปแล้ว! อย่าให้ข้าหาเจ้าพบ!”
การสาปแช่งอันน่าสมควรตายนั่นก่อกวนเขาราวกับฝันร้าย ที่สำคัญคือเขาคำนวณถึงการดำรงอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้
“ศิษย์น้อง ช่วงนี้การฝึกฝนไม่ราบรื่นหรือ”
เสียงหัวเราะอันอบอุ่นดังขึ้นมา
ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วงหล่นลง มันหมุนวนตรงหน้าหลี่เสวียนเอ้า และก่อตัวเป็นเงาร่างของคนผู้หนึ่ง
คนผู้นี้สวมชุดนักพรตเต๋าสีคราม สะพายกระบี่บนเอว มีเชือกที่ทำจากหญ้าคาดอยู่บนหน้าผาก ผมดำปลิวสยาย ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม
เมื่อเห็นเขาหลี่เสวียนเอ้าก็อดแค่นเสียงเย็นออกมาไม่ได้ “เจ้ามาด้วยเหตุใด”
คนผู้นี้คือหลี่เต้าคง ศิษย์เอกนิกายเหริน
หลี่เต้าคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มหาเคราะห์ใกล้จะก่อตัวขึ้นแล้ว ศิษย์พี่กังวลว่าเจ้าคิดจะเข้าสู่โลกีย์วิสัย”
หลี่เสวียนเอ้ากล่าวน้ำเสียงฮึดฮัด “เข้าสู่โลกีย์วิสัยแล้วอย่างไร เจ้ากลัวว่าข้าตายแล้วจะทำให้เจ้าตายด้วยหรือ”
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น เหตุใดถึงคิดกับศิษย์พี่เช่นนี้”
“แสร้งเป็นคนดีอะไรกัน คนอื่นไม่รู้จักเจ้า ข้าจะไม่รู้ด้วยหรือ”
หลี่เต้าคงหัวเราะ ไม่พูดอะไรอีก เขาจ้องมองหลี่เสวียนเอ้าพลันหรี่ตากล่าว “เจ้าถูกคนสาปแช่งหรือ”
หลี่เสวียนเอ้าหน้าเขียวคล้ำในพริบตา “เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”
หลี่เต้าคงยกมือขวาขึ้น และชี้ผ่านอากาศไปทางหลี่เสวียนเอ้า
หลี่เสวียนเอ้ายกมือต้านทานตามสัญชาตญาณ ทว่ายังคงถูกยิง เสื้อผ้าโบกสะบัด ไอชั่วร้ายระหว่างคิ้วหายไปในพริบตา
“พลังมรรคของเขา…”
หลี่เสวียนเอ้าขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เขาอยากเหนือกว่าศิษย์พี่มาโดยตลอด แต่ทั้งสองกลับห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่อยู่ระดับเดียวกันแท้ๆ เหตุใดพลังแท้จริงถึงต่างกันมาก
“จักรพรรดิสวรรค์เชิญข้าไปเทศนาธรรมที่วังสวรรค์ ช่วงเวลานี้เจ้าก็อย่าออกไปข้างนอก จะได้ไม่ถูกคนหลอกใช้จนกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์” หลี่เต้าคงกล่าวเคร่งขรึม
หลี่เสวียนเอ้ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “คิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ หรือ อีกอย่างแดนเซียนมีกี่คนกันที่เป็นคู่ต่อกรของข้า”
หลี่เต้าคงกล่าว “ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เจ้าถูกสาปแช่งหรอกหรืออย่างไร ทั้งยังเกิดมารในใจอีก ดูจากท่าทีของเจ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าแม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นใครก็ยังไม่รู้”
ได้ยินเช่นนี้ หลี่เสวียนเอ้าก็มีสีหน้าอึมครึมราวกับฟ้าครึ้มฝน
……………………………………….