ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 271 ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนสำเร็จ!
บทที่ 271 ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนสำเร็จ!
‘จักรพรรดิปีศาจโหดเหี้ยมเพียงนี้เชียว?’
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ได้ยินวาจาของตี้ไท่ไป๋แล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจให้ตกตาย!
จักรพรรดิปีศาจมีความเกลียดชังในตัวเขาระดับหกดาว ไม่ตายไม่มีวันเลิกรา
ครั้นวังสวรรค์ถูกวังปีศาจทำลาย ย่อมต้องมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน
อืม
หลังจากนี้ต้องจัดการสักหน่อย
ครั้งนี้หานเจวี๋ยก็คิดเพื่อสรรพสิ่งทั้งปวง
หลังจากพูดคุยกับตี้ไท่ไป๋อีกสองสามประโยค หานเจวี๋ยก็วางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง
[ท่านเลือกที่จะไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับกระบี่เก้าลักษณ์หมื่นชีวิต]
[กระบี่เก้าลักษณ์หมื่นชีวิต: ยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ กระบี่ฟ้าประทานที่ก่อตัวขึ้นจากปราณชีวิตของโลกาสวรรค์ ปราณกระบี่ไหลเวียนไม่ขาดสาย แผ่พลังไม่สิ้นสุด มีอานุภาพแข็งแกร่งถึงขีดสุด]
เมื่อทอดมองอักขระสามแถวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า หานเจวี๋ยก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ยามนี้เขามีกระบี่พิพากษาอนธการ กระบี่พิฆาตเทพ กระบี่บุพกาลโลกาสวรรค์และกระบี่เก้าลักษณ์หมื่นชีวิต น่าจะสามารถสำแดงค่ายกลกระบี่สังหารเซียนของมรรคกระบี่เทียมฟ้าได้แล้ว
‘ของวิเศษอันทรงพลังทั้งสี่ที่ประกอบอยู่ในค่ายกลกระบี่สังหารเซียนจะต้องมีพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
พักนี้ตบะของไก่คุกรัตติกาลพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด คาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับจอมปีศาจคุกรัตติกาลก็เป็นได้
หานเจวี๋ยกำลังคิดว่าจะดึงจอมปีศาจคุกรัตติกาลมาเข้าพวกดีหรือไม่
อย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ก็เป็นคนของวังปีศาจ เอามาอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลาก็ใช่เรื่อง
หานเจวี๋ยทำให้กระบี่เก้าลักษณ์หมื่นชีวิตยอมรับเจ้าของจนสำเร็จเป็นอันดับแรก จากนั้นถึงเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ
ต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาล!
อาศัยค่ายกลกระบี่สังหารเซียนขั้นที่สี่ของมรรคกระบี่เทียมฟ้า ในที่สุดหานเจวี๋ยก็สามารถสังหารจอมปีศาจคุกรัตติกาลได้สำเร็จ
ทว่าต้องใช้เวลาในการรวบรวมค่ายกลกระบี่ ไม่สามารถที่จะปลิดชีพจอมปีศาจคุกรัตติกาลในฉับพลันได้
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ไม่สามารถปลิดชีพในฉับพลันได้ ก็ไม่สามารถลงมือได้ง่ายๆ
หานเจวี๋ยเริ่มหวั่นวิตก
…
แม้ว่าแดนเซียนจะเกรียงไกร แต่โลกมนุษย์จะไม่ได้รับผลกระทบไปชั่วขณะ
ยี่สิบปีผ่านไป
ตบะของหานเจวี๋ยพัฒนาขึ้นไม่น้อย
ในระหว่างการทำแบบจำลองการทดสอบ ระดับความเร็วที่เขาสำแดงค่ายกลกระบี่สังหารเซียนก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เวลาที่ใช้ในการสังหารจอมปีศาจคุกรัตติกาลก็สั้นลงมากเช่นเดียวกัน
เขาจึงตัดสินใจที่จะไปหาจอมปีศาจคุกรัตติกาลเพื่อท้าประลอง!
สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือ จอมปีศาจคุกรัตติกาลในยามนี้ได้กลายเป็นผู้ดูแลของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ไปแล้ว
ในขณะนี้ จอมปีศาจคุกรัตติกาลกำลังสอนไก่คุกรัตติกาลบำเพ็ญตบะอยู่ภายในถ้ำเทวาของตนเอง
“มาคุยกันที่ห้วงอากาศว่างเปล่าหน่อย”
เสียงของหานเจวี๋ยลอยเข้าสู่โสตประสาทของจอมปีศาจคุกรัตติกาล
จอมปีศาจคุกรัตติกาลขมวดคิ้วเล็กน้อย ลอบกล่าวขึ้นว่า “ในที่สุดก็ทนไม่ได้แล้วหรือ”
สำหรับผู้บำเพ็ญลึกลับของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนท่านนั้น เขาก็กริ่งเกรงเป็นอย่างมากมาโดยตลอด
เพียงเพราะเขาไม่สามารถที่จะตรวจจับกลิ่นอายของหานเจวี๋ยได้ และมองไม่เห็นสถานการณ์ที่แท้จริงในเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
นี่หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ
ก็หมายความว่าหานเจวี๋ยมีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
จอมปีศาจคุกรัตติกาลสูดหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้าจะออกไปสักครู่”
ไก่คุกรัตติกาลก็ไม่ได้คิดให้มากความ จดจ่อกับการบำเพ็ญตบะต่อไป
ในห้วงอากาศว่างเปล่า
จอมปีศาจคุกรัตติกาลปรากฏตัวขึ้น สายตาตกอยู่บนร่างของหานเจวี๋ย
ในสายตาเขาวาบประกายประหลาดใจ
‘ช่างเป็นบุรุษที่มีหน้าตาหล่อเหลานัก!’
แม้จะอยู่ในแดนเซียนมาหลายล้านปี แต่เขาก็ไม่เคยพบบุรุษที่หล่อเหลาเท่าหานเจวี๋ยมาก่อน
รูปลักษณ์และบุคลิกของหานเจวี๋ย ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนต้องถูกทำให้ตกตะลึง
ศัตรูสามารถแค้นเขาได้ เกลียดเขาได้ แต่ไม่อาจที่จะมองได้ว่าเขาอัปลักษณ์
“ใต้เท้าทำไปเพราะเหตุใดกันแน่” หานเจวี๋ยถามพลางจ้องเขม็งไปที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างไม่วางตา
ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อถูกหานเจวี๋ยจ้องมอง จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียนห้าวัฏเชียวนะ!
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวว่า “ไก่ใต้ปกครองของเจ้าตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องกับข้า”
“แล้วนอกจากนั้นเล่า”
“จักรพรรดิปีศาจให้ข้ามาล้างแค้นจอมปีศาจอินทรีทอง”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่ลงมือ”
หานเจวี๋ยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาเช่นนี้
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “มหาเคราะห์กำลังมาเยือน ข้าไม่อยากผูกแค้นกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เพราะอย่างนั้นจึงอยากจัดการกับจักรพรรดิปีศาจสักหน่อย”
หานเจวี๋ยหรี่ตาลงและเอ่ยว่า “เข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นของข้าเป็นอย่างไร สำนักซ่อนเร้นเองก็ไม่อยากเข้าร่วมเคราะห์ พวกเราสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลนิ่งเงียบ
หานเจวี๋ยจ้องมองไปที่เขาไม่วางตา พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
หากเจ้านี่ปฏิเสธ และยังอยากจะอยู่ที่นี่ เช่นนั้นหายเจวี๋ยก็ทำได้เพียงสังหารเขาเท่านั้นแล้ว
ไม่อาจปล่อยภัยเงียบไว้ใกล้ตัวได้เป็นอันขาด
จอมปีศาจคุกรัตติกาลขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น แล้วข้าจะได้สิ่งใด”
“ร่วมแบ่งปันศัตรู”
“นั่นไม่พอที่จะทำให้ข้าสนใจได้ วางใจเถิด ข้าก็จะอยู่แค่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ไม่ทำร้ายผู้ใด รอจนกว่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตผ่านพ้น ข้าก็จะจากไปเอง”
หานเจวี๋ยหัวเราะ
‘รอจนกว่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตผ่านพ้น?
มารดาเถอะ! เจ้าคิดว่าเจ้าตลกมากหรือ
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งหนึ่งไม่แน่ว่าอาจดำเนินต่อไปหลายหมื่นปี!
ต่อให้จ่ายค่าเช่า เช่นนั้นก็เป็นรายได้มหาศาลจำนวนหนึ่งเชียวนะ!’
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ใต้เท้าถูกส่งมาเพื่อสังหารข้า โลกนี้เป็นอาณาเขตของข้า หากตอนนี้ท่านยังอิดออดไม่จากไป เกรงว่าคงไม่เหมาะสมกระมัง หากเปลี่ยนเป็นท่านบ้าง ท่านจะทำอย่างไร”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลส่ายหน้ากล่าว “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากลัวความวุ่นวาย เพราะอย่างนั้นพวกเราสามารถที่จะไม่รุกล้ำกันและกัน”
‘นี่ก็คือการรุกล้ำแล้ว!’
หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “ท่านมีความเกี่ยวข้องใดกับไก่คุกรัตติกาล”
เมื่อเอ่ยถึงไก่คุกรัตติกาล จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็เผยรอยยิ้มจนปัญญาออกมา กล่าวว่า “เจ้านั่นคือ…”
จู่ๆ กระบี่พิพากษาอนธการก็ปรากฏขึ้นในมือของหานเจวี๋ย เงื้อกระบี่ขึ้นฟันฉับลงมาในฉับพลัน
หนึ่งกระบี่เทียมฟ้า!
จอมปีศาจคุกรัตติกาลหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขายกมือขึ้นต้านทานโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ยังถูกปราณกระบี่ฟาดจนกระเด็นออกไปอยูดี
หานเจวี๋ยรีบนำกระบี่พิฆาตเทพ กระบี่บุพกาลโลกาสวรรค์และกระบี่เก้าลักษณ์หมื่นชีวิตออกมาในทันที สี่กระบี่บินขึ้นตามๆ กัน ก่อนจะเริ่มก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่สังหารเซียน
จอมปีศาจคุกรัตติกาลทรงตัวอย่างมั่นคง เอ่ยคำรามออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หากไม่ออกไป ก็ตายเสีย!”
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใช้มือแทนกระบี่ ร่ายสำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิสวรรค์เก้าชั้น
ทะเลปราณกระบี่ทั้งเก้าปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นเงากระบี่หลายร้อยล้าน พุ่งสังหารไปทางจอมปีศาจคุกรัตติกาล
จอมปีศาจคุกรัตติกาลหยิบมีดยาวคล้ายเขี้ยวเล่มหนึ่งออกมา วางมือซ้ายบนใบมีดเล็กน้อย ไอปีศาจพลุ่งพล่านก็ไหลเข้าสู่ใบมีด
เขาเหวี่ยงดาบไปสี่ทิศแปดทาง ไอปีศาจน่าสะพรึงกลัวก็แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดและภูตผีจำนวนนับไม่ถ้วน ร้องคำรามเดือดพลางสังหารไปทางกระแสธารเงากระบี่ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ
การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิเซียนทั้งสอง เสมือนเป็นสงครามสองเผ่าพันธุ์กำลังเปิดศึก!
“ไม่ได้มีเจตนาดีจริงๆ ด้วย!”
หานเจวี๋ยลอบสบถ เจ้าหมอนี่ไม่ได้เผ่นหนี เลือกที่จะต่อสู้กับเขา เห็นได้ชัดว่าต้องการพุ่งเป้ามาที่เขา
[จอมปีศาจคุกรัตติกาลเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
เมื่อเห็นประโยคที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า จิตสังหารของหานเจวี๋ยก็พุ่งทะยาน
เขาสำแดงเงาเทพมหาวิวัฒน์เก้าร่าง รวมเข้ากับกระแสธารเงากระบี่ ปิดล้อมสังหารจอมปีศาจคุกรัตติกาล
จอมปีศาจคุกรัตติกาลต้านทานสุดกำลัง ทว่าพลังเวทของหานเจวี๋ยนั้นแข็งแกร่งและไร้ขอบเขตจริงๆ
จอมปีศาจคุกรัตติกาลทะยานกาย ที่ด้านหลังกางปีกสีดำคู่หนึ่งสยายออก เปลวเพลิงลุกโชนโหมไหม้
เขาเงื้อมีดเขี้ยวขึ้นสูง เปลวเพลิงสีดำม้วนตลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นพิรุณสีดำอันน่าหวาดกลัว ระเบิดร่วงลงสู่ห้วงอากาศว่างเปล่า
เงากระบี่ของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิถูกหยาดพิรุณสีดำกดต้านไว้ ไอปีศาจกลายเป็นเมฆหมอก คละคลุ้งห้วงอากาศว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ เวลานี้ค่ายกลกระบี่สังหารเซียนของหานเจวี๋ยจวนจะก่อตัวสำเร็จ
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเองก็สังเกตเห็นค่ายกลกระบี่สังหารเซียนเช่นกัน เขาลอบสะดุ้งตกใจ
“นั่นเป็นค่ายกลอะไรกันแน่”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลขมวดคิ้วฉุกคิดขึ้นได้ ทันใดนั้นเขาก็ตั้งท่าที่จะล่าถอย
แต่การลงมืออย่างไม่ทันตั้งตัวของหานเจวี๋ยก็ทำให้เขาหัวเสียจริงๆ
เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียนห้าวัฏ กลับไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้!
ลองดูอีกครั้ง!
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเคียดแค้นในใจ คิดอยากจะรู้ว่าหานเจวี๋ยจะแข็งแกร่งสักเพียงใดกัน!
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังจอมปีศาจคุกรัตติกาล มือขวาโบกสะบัดแขนเสื้อ แสงเทพเบญจธาตุก็พุ่งโฉบออกมา
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกวัดแกว่งมีดต้านทานโดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อแสงเทพเบญจธาตุกวาดคราหนึ่ง ก็กวาดมีดเขี้ยวออกไปทันทีโดยที่เขาไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ
‘เป็นไปได้อย่างไรกัน!’
จอมปีศาจคุกรัตติกาลตกใจกลัว รีบเบี่ยงหลบในทันควัน หยดพิรุณสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งสังหารไปทางหานเจวี๋ย
เวลานี้เอง!
กระบี่วิเศษทั้งสี่เล่มของหานเจวี๋ยก็พลันถอยห่างออกไป ไอวิญญาณชั่วร้ายอันน่าหวาดกลัวก็ท่วมท้นห้วงอากาศว่างเปล่า จิตสังหารอันน่าสะพรึงขึงยึดจอมปีศาจคุกรัตติกาลไว้
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเงยหน้าขึ้นด้วยความเกรงกลัว ร้องตะโกนขึ้นว่า “ค่ายกลกระบี่สังหารเซียน! เป็นไปได้อย่างไร!”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วสูง
‘รู้จักเสียด้วย!
เช่นนั้นเจ้ายิ่งต้องตาย!’
ผ่านการทำแบบจำลองการทดสอบมา หานเจวี๋ยจึงรู้ว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลไม่สามารถต้านทานค่ายกลกระบี่สังหารเซียนได้เลยสักนิด!
ต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
…………………………………………………………….