ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 277 เผ่าหงส์เข้าสู่สำนักซ่อนเร้น กลืนกินโลกมนุษย์
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 277 เผ่าหงส์เข้าสู่สำนักซ่อนเร้น กลืนกินโลกมนุษย์
บทที่ 277 เผ่าหงส์เข้าสู่สำนักซ่อนเร้น กลืนกินโลกมนุษย์
หานเจวี๋ยมองซูฉี ทุกอย่างตกเข้าสู่ในความเงียบ
หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว หายเจวี๋ยก็สามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของความโชคร้าย
ความโชคร้ายที่อยู่บนร่างซูฉีนั้นรุนแรงเกินไปจริงๆ!
แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตใดที่เขาเคยพบเจอมา
ความโชคร้ายแตกต่างจากแรงกรรม ถึงแม้แรงกรรมจะน่าหวาดกลัว แต่ยังห่างไกลจากความโชคร้ายอยู่หลายโข ความโชคร้ายนั้นทำให้คนขนลุกขนพอง
ซูฉีถูกเขามองจนรู้สึกกระดากใจ
หรือว่าท่านอาจารย์จะไม่พอใจเขา?
ก็จริง
อาจารย์ส่งเขาเข้าไปที่วังเทพ ยังไม่ทันที่อาจารย์จะได้ไปเขาก็หนีกลับมาเสียแล้ว
ซูฉีพูดอย่างเคอะเขิน “ท่านอาจารย์ ข้าไร้ความสามารถ ได้โปรดลงโทษข้าเถิด!”
หานเจวี๋ยดึงสติกลับมา เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ต่อไปพวกเจ้าก็อยู่บำเพ็ญตบะบนเขานี่แหละ มหาเคราะห์ใกล้มาเยือนแล้ว ทุกคนในสำนักซ่อนเร้นควรร่วมใจกันเลี่ยงเคราะห์”
ซูฉีพยักหน้า
มู่หรงฉี่ถามด้วยความสงสัยว่า “อาจารย์ปู่ จอมปีศาจคุกรัตติกาลและพุทธะอาภรณ์ขาวเข้าร่วมกับพวกเราด้วยความจริงใจหรือไม่”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นานวันไปเห็นใจคน รอดูก่อนเถิด แต่ในโลกเขย่าพิภพ พวกเขาไม่กล้ามาวุ่นวายหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หรงฉี่ก็เกิดความเคารพเกรงใจต่อเขา
อาจารย์ปู่แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
จักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ?
ผู้ทรงพลังระดับเทพ?
หรือต้าหลัวในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง?
หานเจวี๋ยถามไถ่ทุกข์สารทุกข์สุกดิบของพวกเขาในช่วงนี้พอเป็นพิธี ก่อนจะให้พวกเขาออกไปหาที่ฝึกบำเพ็ญ
ศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นเคยชินกับการฝึกบำเพ็ญที่ใต้ต้นฝูซัง เพราะที่นั่นเป็นจุดที่มีไอเซียนหนานแน่นที่สุด
หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็หันไปมองดอกพลับพลึงแดงที่ตั้งอยู่มุมของถ้ำเทวา
ดอกพลับพลึงแดงเป็นดอกไม้ที่ท่านยายเมิ่งให้เขามา เดิมทีมีเพียงดอกเดียว แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับมีดอกพลับพลึงแดงเติบโตขึ้นมาอีกหลายดอก
ดูท่าแล้ว ยังคงจะมีดอกพลับพลึงแดงงอกขึ้นมาอีกมาก
หานเจวี๋ยใช้พลังจิตสังเกตดอกพลับพลึงแดง
พบว่าภายในดอกพลับพลึงแดงนั้นมีพลังของหยินหยางอยู่ สามารถอยู่ได้ทั้งในยมโลกและโลกมนุษย์
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าสรรพสิ่งบนโลกนั้นไม่สามารถอยู่รอดได้ในยมโลก มีเพียงแต่ภูตผีเท่านั้นที่ทำได้
แต่หานเจวี๋ยเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งในยมโลกจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดว่า หากเขาหลบหนีไปที่เกาะสำนักซ่อนเร้น เหล่าลูกศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นจะทำอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่จักรพรรดิเซียน ไม่แน่ใจว่าจะสามารถแบกรับพลังวิญญาณของยมโลกได้หรือไม่
บางทีดอกพลับพลึงแดงอาจเป็นวิธีแก้ปัญหา
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ช้าก่อน แล้วเหตุใดต้องเดาด้วยเล่า?
ถามตรงๆ เลยก็ได้นี่!
หานเจวี๋ยลอบก่นด่าตนเองในใจว่าฝึกบำเพ็ญตบะจนโง่ไปเสียแล้ว จากนั้นก็เรียกจอมปีศาจคุกรัตติกาลให้เข้ามา สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันที
เดิมทีจอมปีศาจคุกรัตติกาลประหม่าเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินว่าเขาเพียงจะสอบถามเรื่องราวก็พลันผ่อนคลายลงไม่น้อย หลังจากที่เขาแสร้งกระแอมไอคราหนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “ดอกพลับพลึงแดงสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในยมโลกได้จริงๆ แต่หลังจากใช้ดอกพลับพลึงแดงไปแล้วก็จะถูกวัฏจักรต่อต้าน ไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีก”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หานเจวี๋ยยังคงถามต่อไปว่า “ข้าต้องการที่จะเปิดอาณาเขตเต๋าในยมโลก มีวิธีการใดบ้างที่จะทำให้คนเป็นๆ อาศัยอยู่ในยมโลกได้”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวว่า “เพียงต้องสร้างอาณาเขตเต๋าดีๆ ทำให้ภายในอาณาเขตเต๋าเต็มไปด้วยไอเซียน ตัดขาดไอหยินออกไป”
“เจ้าทำเป็น?”
“เป็น!”
“อืม จากนี้ก็ฝากเจ้าดูแลเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน”
“จะไม่มีทางทำให้ผู้อาวุโสผิดหวังแน่!”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเอ่ยรับปาก หานเจวี๋ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จากนั้นบรรยากาศก็เงียบสงัดลง
หานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ใช้สายตาส่งสัญญาณให้จอมปีศาจคุกรัตติกาลออกไป
จอมปีศาจคุกรัตติกาลตั้งท่าจะพูดแต่ก็หยุดไว้ กัดฟันกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก ข้าต้องการให้เผ่าหงส์คุกรัตติกาลย้ายเข้ามาอยู่ในโลกเขย่าพิภพ ในเผ่านั้นข้าแข็งแกร่งที่สุด ส่วนคนในเผ่าที่เหลือก็มีอายุไม่ถึงล้านปี หลังจากนี้หากท่านต้องการไปที่ยมโลก ก็สามารถพาคนในเผ่าของข้าไปเพื่อคุ้มกันสำนักซ่อนเร้นได้”
หานเจวี๋ยหรี่ตาลงกล่าว “เหตุใด”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลถอนหายใจกล่าว “เดิมทีพวกเรามาจากเผ่าหงส์ แต่เผ่าหงส์ได้ล่มสลายไปแล้ว ข้าหวังว่าเผ่าพันธุ์จะอยู่รอดต่อไปได้ ข้าหักหลังวังปีศาจ จักรพรรดิปีศาจจะต้องไม่ปล่อยคนในเผ่าข้าไปแน่ ข้าหวังว่าจะรับพวกเขาเข้ามาได้ก่อนที่จักรพรรดิปีศาจจะมีเวลามาแก้แค้นเผ่าของเรา”
“เพราะอย่างนั้น เจ้าก็อยากจะออกไปจากโลกเขย่าพิภพหรือ”
“หาไม่ๆ! ข้าสามารถใช้พลังวิเศษทำให้พวกเขารีบเร่งมาได้!”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวด้วยความจริงใจระคนหวาดกลัว เขายังคงรับปากไม่หยุด ด้วยหวังว่าหานเจวี๋ยจะเชื่อใจเขา
หานเจวี๋ยมองดูระดับความประทับใจของเขา แล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “การปกป้องเผ่าพันธุ์ของตน เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ข้าจะขัดขวางได้อย่างไร”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวด้วยความยินดี ตามด้วยโขกหัวกล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก!”
[ระดับความประทับใจที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ความประทับใจในขณะนี้คือ 5.5 ดาว]
เมื่อเห็นอักขระที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแถวหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ระบายยิ้มออกมา
…
หนึ่งปีต่อมา
พุทธะอาภรณ์ขาวฝ่าด่านเคราะห์ได้สำเร็จ บรรลุเป็นระดับจักพรรดิ ดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพเองก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย พลังวิญญาณฟ้าดินพุ่งสูงขึ้น พิรุณสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายลงมาจากท้องนภา ตกลงสู่พื้นผิวโลกและมหาสมุทรแล้วหลอมมลายหายไปทันใด
โชคดีสู่ใต้หล้า!
ดวงชะตาของพุทธะอาภรณ์ขาวได้ผูกติดกับโลกเขย่าพิภพแล้ว เขาบรรลุมรรค โลกมนุษย์ย่อมสุขเป็นธรรมดา
กล่าวได้ว่าคนเดียวบรรลุมรรค ไก่สุนัขพลอยได้ขึ้นสวรรค์
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่นั้นอดที่จะลืมตาขึ้นไม่ได้ หยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา
ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ร้อนลวก สั่นสะท้านไม่หยุด
มาอีกแล้ว!
หานเจวี๋ยวางป้ายคำสั่งไว้ด้านข้าง แล้วฝึกบำเพ็ญต่อไป
ห้าปีต่อมา
ดวงชะตาของโลกมนุษย์ไม่ได้เพิ่มขึ้นอีก มรรคาสวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลง เพดานของอาณาเขตโลกมนุษย์ได้ถูกยกขึ้นสู่ระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ ซึ่งห่างจากระดับเซียนแท้ไท่อี่ไม่ไกล
หานเจวี๋ยอดที่จะตกใจไม่ได้
จักรพรรดิเซียนองค์หนึ่งสามารถทำให้โลกมนุษย์พัฒนาได้ถึงขนาดนี้!
“ผู้อาวุโส ข้าพิสูจน์จักรพรรดิสำเร็จแล้ว!”
เสียงของพุทธะอาภรณ์ขาวลอยเข้าสู่โสตประสาทของหานเจวี๋ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง กระโดดเข้าไปยังห้วงอากาศว่างเปล่า ปรากฏตัวต่อหน้าพุทธะอาภรณ์ขาว
“ในเมื่อฝ่าทะลวง เช่นนั้นอยากจะลองทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองหรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยถามยิ้มๆ
พุทธะอาภรณ์ขาวได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดียิ่งนัก!”
หานเจวี๋ยหยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา รอให้พุทธะอาภรณ์ขาวเคลื่อนไหวออกกระบวนท่า
ห้าอึดใจต่อมา
พุทธะอาภรณ์ขาวร้องอุทานว่า “ผู้อาวุโส! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้!”
เมื่อทอดสายตามองไปรอบๆ เงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนลอยเวียนวนอยู่ทั่วห้วงอากาศว่างเปล่า ทั้งหมดล้วนพุ่งเป้ามาทางเขา จิตสังหารที่น่าหวาดกลัวเล็งเป้าหมายมาที่เขาจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
แม้จะเป็นจักรพรรดิเซียน แต่เขาก็ยังได้กลิ่นอายแห่งความตาย
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนห่างชั้นกันเกินไป!
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ใต้ต้นฝูซัง จอมปีศาจคุกรัตติกาลเผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา บ่นพึมพำว่า “แค่จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏจักรก็กล้ารับกระบวนท่านี้หรือ”
ความแข็งแกร่งของหานเจวี๋ย เขาประจักษ์ชัดแก่สายตา
เมื่อเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย เขาไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์
เขาถึงขั้นสงสัยเสียด้วยซ้ำว่าในตอนแรกหานเจวี๋ยเพียงแค่หยอกล้อเขาหรือไม่ เพราะหากอยากจะฆ่าเขาจริงๆ เกรงว่าเพียงความคิดเดียวก็สามารถทำให้ร่างกายและวิญญาณของเขาดับสลายได้แล้ว
จอมปีศาจคุกรัตติกาลคิดในทางกลับกัน หากเขาอยากจะฆ่าใครสักกคน แม้ว่าอีกฝ่ายจะร้องขอความเมตตา แต่ก็ไม่อาจรามือ
ยามที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลกำลังทอดถอนใจอยู่นั้น หานเจวี๋ยก็ปรากฏกายที่ใต้ต้นฝูซัง ตามมาด้วยพุทธะอาภรณ์ขาว
“ท่านผู้นี้คือพุทธะอาภรณ์ขาว เพิ่งจะพิสูจน์จักรพรรดิเซียน หลังจากนี้ก็จะเป็นคนของสำนักซ่อนเร้นเช่นกัน เขาและจอมปีศาจคุกรัตติกาลเทียบเท่ากับศิษย์รุ่นที่สองของสำนักซ่อนเร้น”
หานเจวี๋ยกล่าวแนะนำ ศิษย์รุ่นที่สองที่ว่านั้นความจริงแล้วก็ต่ำกว่าเขาหนึ่งรุ่น
อย่างไรเสียก็เป็นถึงจักรพรรดิเซียน หานเจวี๋ยคงไม่อาจให้พวกเขาไปเป็นศิษย์ของสวินฉางอันกับซูฉีได้
ทุกคนพากันทยอยลุกขึ้น รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
นี่ก็เป็นถึงจักรพรรดิเซียนเชียวนะ!
พุทธะอาภรณ์ขาวยิ้มและกล่าวว่า “หลังจากนี้โลกเขย่าพิภพจะมีข้าเป็นผู้พิทักษ์ หากผู้ร่วมสำนักทุกท่านมีข้อกังขาในด้านการฝึกบำเพ็ญใด สามารถมาหาข้าได้”
เขาไม่ได้วางมาดสูงส่งนัก ถึงอย่างไรศิษย์ส่วนใหญ่บนเขาลูกนี้ก็มีคุณสมบัติของจักรพรรดิเซียน
โดยเฉพาะฉู่ซื่อเหริน
บรรพชนพุทธภควัตกลับชาติมาเกิด
บรรพชนพุทธก็เป็นผู้ทรงพลังที่อยู่เหนือระดับจักรพรรดิ!
คนอื่นๆ ตีวงล้อมเข้ามา
มู่หรงฉี่แอบเอ่ยในใจ ‘หลังจากพิสูจน์จักรพรรดิแล้วเจ้าหมอนี่ก็ยังไม่ยอมจากไป ที่แท้อาจารย์ปู่แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่’
เขายิ่งเกิดความสงสัยในสถานะตัวตนของหานเจวี๋ยมากขึ้นไปอีก
หานเจวี๋ยจะต้องเป็นผู้ทรงพลังที่อาศัยอยู่มานานจนเหลือคณา เพียงแต่ซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญตละเท่านั้น!
และในเวลานี้เอง!
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ปกคลุมไปทั่วโลกมนุษย์
“เหอะ กลิ่นอายจักรพรรดิเซียน มิน่าเล่าดวงชะตาของโลกใบนี้ถึงเพิ่มขึ้นรวดเร็วปานนี้ พอดีเลย ข้าก็กำลังหิวโหย จะกลืนโลกทั้งใบของเจ้าให้สิ้นซาก!”
……………………………………………….