ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 287 ต้นฝูซังเปลี่ยนเป็นภูต กำราบผู้ฝ่าเคราะห์
บทที่ 287 ต้นฝูซังเปลี่ยนเป็นภูต กำราบผู้ฝ่าเคราะห์
สิบปีต่อมา
ตบะของหานเจวี๋ยบรรลุผลไปอีกช่วงหนึ่งแล้ว เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มต้อนรับขับสู้จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต
เจ้านี่ยังคงไม่ไปจากยมโลก บรรดาศิษย์สำนักซ่อนเร้นมักได้ยินเสียงร้องคำรามของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตดังมาจากที่ไกลๆ
ดูท่าทางจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจะแน่ใจแล้วว่าหานเจวี๋ยหลบอยู่ในยมโลก จะต้องจับตัวเขาออกมาให้ได้
หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลาง ตรวจดูจดหมายไปพลาง
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x106,521
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนยมโลก ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านมรรคจิตตื่นขึ้น พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน จึงฝ่าทะลวงผนึกออกมา]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีได้หลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่านช่วยไว้]
[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านละเมอฝันไปแดนบุพกาล ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากบรรพชนจอมเวท]
[เจียงอี้สหายของท่านสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ สายเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จอมปีศาจอินทรีทองศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ขอบเขตพลังลดลงมายังระดับเซียนทองไท่อี่เนื่องจากการสาปแช่งของท่าน]
[โม่จู๋สหายของท่านได้รับสมบัติบรรพกาล]
……
หานเจวี๋ยอ่านลงมาเรื่อยๆ รู้สึกว่าในช่วงนี้สถานการณ์ของสหายพัฒนาไปได้ไม่เลว
จักรพรรดิสวรรค์ตีฝ่าวงล้อมออกมา อย่างน้อยวังสวรรค์ก็ไม่พินาศ
หลังจากถูหลิงเอ๋อร์ได้รับมรดกสืบทอดจากบรรพชนจอมเวทแล้ว พลังแท้จริงก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้เขาดีใจที่สุดคือจอมปีศาจอินทรีทองถูกเขาสาปแช่งจนร่วงลงจากระดับจักรพรรดิ
ดูแล้วจักรพรรดิเซียนก็ไม่ได้มั่นคงมากนัก พยายามจะทำให้จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตมีจุดจบเช่นเดียวกัน
หนึ่งเดือนต่อมา
หานเจวี๋ยเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทานมาตรงหน้าต้นฝูซัง
วินฉางอัน ซูฉี ถูหลิงเอ๋อร์ หลงเฮ่า ราชามังกรสามหัว ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ลี่เหยา มู่หรงฉี่ ฉู่ซื่อเหริน โจวหมิงเยวี่ย จอมปีศาจคุกรัตติกาล เจ้าใหญ่ เจ้ารอง พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปด และพวกหงส์คุกรัตติกาลล้วนกำลังฝึกบำเพ็ญ
ตั้งแต่พวกหงส์คุกรัตติกาลมาที่นี่ ไก่คุกรัตติกาลไม่เอะอะโวยวายเหมือนแต่ก่อนอีก ถึงขั้นเงียบสงบลงเล็กน้อย บางทีภายในเผ่าหงส์คุกรัตติกาลเองก็มีความขัดแย้งเช่นกัน แต่หานเจวี๋ยขี้เกียจไปสนใจ นอกเสียจากว่าไก่คุกรัตติกาลจะเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อนเอง
หานเจวี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าต้นฝูซัง ใช้พลังจิตแทรกเข้าไปในต้นฝูซัง
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ อัตราการเติบโตของต้นฝูซังก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำต้นขยายใหญ่ขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด และมีกิ่งก้านสาขางอกออกมาไม่น้อย
หานเจวี๋ยยังจำคำแนะนำเกี่ยวกับต้นฝูซังได้
ต้นไม้เทพโลกาสวรรค์สามารถเพิ่มพลังวิญญาณฟ้าดิน หมื่นปีสามารถดึงดูดอีกาทอง ล้านปีสามารถเชื่อมทะลุถึงฟ้าดินอื่นๆ ได้
ทว่าต้นฝูซังยังไม่ถึงพันปีก็ดึงดูดอีกาทองมาแล้ว บางทีอาจจะอยู่ห่างจากการเชื่อมถึงโลกาสวรรค์อื่นๆ ไม่มากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ยังมีเถาน้ำเต้าพิภพเซียนช่วยหล่อเลี้ยงมัน กระบวนการเจริญเติบโตจึงเพิ่มความเร็วอยู่ตลอด
หานเจวี๋ยรอคอยการเชื่อมถึงโลกาสวรรค์อื่นๆ ของต้นฝูซังมาก เช่นนี้แล้วหากเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจที่ไม่อาจรับมือได้ เขาก็สามารถหนีไปได้ตลอดเวลา
“อาจารย์ ข้าอยากกลับวังสวรรค์!”
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง หานเจวี๋ยปรายตามองไป พบว่าคนที่พูดคือหลงเฮ่า
หลงเฮ่าที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ดูไปแล้วเหมือนจักรพรรดิสวรรค์มาก แต่ว่าความน่าเกรงขามยังห่างกันนัก
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้างนอกอันตรายมาก”
หลงเฮ่าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ย “ข้าได้ยินการเรียกหาจากเสด็จพ่อ วังสวรรค์ต้องการข้า”
การเรียกหาของจักรพรรดิสวรรค์?
หานเจวี๋ยพูดอะไรไม่ออกในทันที ถึงอย่างไรหลงเฮ่าก็เป็นโอรสจักรพรรดิสวรรค์ เพียงแค่ถูกส่งมาเลี้ยงดูที่นี่เท่านั้น เขาไม่มีอำนาจจะบังคับให้อยู่
“เจ้าอยากกลับไปจริงๆ หรือ” หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังถามออกมาอีกครั้ง
หลงเฮ่าพยักหน้า กล่าวตอบด้วยความจริงจัง “ใช่แล้ว ท่านอาจารย์!”
เขาเกิดมาก็เพื่อเป็นจักรพรรดิ เพื่อครอบงำทุกสิ่ง!
ต้องซ่อนตัวมุมานะบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอด เขาอัดอั้นมานานแล้ว
ก่อนหน้านั้นไม่ได้รับการเรียกหาจากจักรพรรดิสวรรค์ เขาจึงทำได้แค่อดทนอดกลั้นไว้
ในใจของเขารอคอยการอนุญาตจากจักรพรรดิสวรรค์อยู่ตลอด
หานเจวี๋ยจับไหล่หลงเฮ่าแล้วพาอีกฝ่ายกระโจนออกจากยมโลกโดยตรง จนมาถึงกลางห้วงอากาศว่างเปล่า
ไม่รอให้หลงเฮ่าพูดอะไร หานเจวี๋ยก็หายวับไปก่อนแล้ว
หลงเฮ่ารีบก้มคารวะ ร้องเรียกอยู่สองสามที แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากหานเจวี๋ย
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจหลงเฮ่ารู้สึกเสียใจเล็กน้อยอย่างประหลาด
“ไม่ได้ ข้าจะทำตัวเหมือนสตรีไม่ได้ ไม่อาจทำให้อาจารย์ผิดหวังได้!”
หลงเฮ่ากำมือทั้งสองข้างแน่น จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
……
ครั้นกลับมาถึงใต้ต้นฝูซัง หานเจวี๋ยเพิ่งปรากฏตัว บรรดาศิษย์ก็พากันเข้ามาล้อมรอบ
“อาจารย์ เฮ่าเอ๋อร์ไปแล้วหรือ”
“เจ้าสำนัก เกิดเรื่องกับวังสวรรค์ใช่หรือไม่ แม้แต่โอรสจักรพรรดิสวรรค์ยังถูกเรียกตัวไป คงจะไม่มีคนให้ใช้งานแล้ว”
“หลงเฮ่าสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ข้างนอกอันตรายขนาดนั้น!”
“ฮ่าๆ รอเขากลับมาแล้ว พวกเราจะต้องแซงหน้าเขาอย่างแน่นอน”
“คำพูดของเจ้านี้นับรวมพี่สุนัขอย่างข้าด้วยหรือเปล่า”
บรรดาศิษย์ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจนหานเจวี๋ยปวดหัว เขาจึงโบกมือสื่อให้คนทั้งหมดขยับออกห่างจากเขา
เขาเฝ้าสังเกตต้นฝูซังต่อไป
ศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั้งหลายเดินออกไปไกลๆ แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์กันต่อ
ผ่านไปเนิ่นนาน
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์
ดูเหมือนต้นฝูซังจะเกิดสติปัญญาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว!
สติปัญญานี้เบาบางและพิเศษเฉพาะมาก เหมือนพลังชีวิตจะหนีกระเจิดกระเจิงในภายในลำต้นเพื่อหลบจากหานเจวี๋ย น่าเสียดายที่เขายังคงหามันพบ
‘ต้นฝูซังจะเปลี่ยนเป็นภูตหรือ’
หานเจวี๋ยคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจปล่อยให้สติปัญญาของต้นฝูซังเติบโตไปเอง
ไม่ว่าวัตถุเทพใดๆ ก็ตามล้วนเกิดสติปัญญาของตัวเองขึ้นมา ก็เหมือนโสมวิญญาณบรรพกาลสวินฉางอันและหญ้าโลกาสวรรค์อู้เต้าเจี้ยน
บางทีต้นฝูซังอาจกลายเป็นกำลังรบสำคัญที่จะปกป้องเขาเพียรบำเพ็ญเซียนในอนาคต
หานเจวี๋ยยิ้มๆ จากนั้นก็กลับไปฝึกฝนภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานต่อ
……
ยมโลก วังกษิติครรภ์
จี้เซียนเสินถูกโซ่ยักษ์สี่เส้นมัดแขนขาทั้งสี่ ร่างถูกดึงขึ้นไปแขวนไว้กลางอากาศ อัสนีสีดำหลายเส้นผ่าลงบนตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำลายร่างกายของเขา แม้ว่าเนื้อหนังจะถลอกปอกเปิก เขาก็ไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาสักนิด
สายตาของเขาจ้องมองตรงหน้าไม่วางตา เบื้องหน้ามีหลวงจีนร่างอ้วนนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นั่งดอกบัว
หลวงจีนอ้วนนุ่งห่มจีวร ใบหน้าเปี่ยมด้วยความสงสารเมตตา มือถือลูกประคำเส้นหนึ่ง ปากก็สวดพระสูตรลึกลับ
ภายในวังมีควันสีดำแปลกประหลาดเป็นสายๆ แผ่กระจาย บางครั้งก็กลายเป็นภูตมารปีศาจประหลาด บางครั้งก็กลายเป็นพุทธาเทพ ราวกับความฝันภาพมายา
ในที่สุด จี้เซียนเสินก็เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เจ้าจะทรมานข้าไปถึงเมื่อใด ข้าบอกแล้ว! ข้าไม่ใช่ผู้ฝ่าเคราะห์! ข้าไม่เคยคิดจะทำลายปวงสวรรค์หมื่นโลกาด้วย!”
เขาละกลัดกลุ้มจริงๆ มาช่วงชิงทหารเทพล้มเหลว เดิมทีพระกษิติครรภ์ปล่อยเขาไปแล้ว สุดท้ายไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ พระกษิติครรภ์ก็ไล่ล่าสังหารเขา นำตัวเขามาคุมขังใหม่อีกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่สุดคือพระกษิติครรภ์คิดว่าเขาจะทำร้ายปวงสวรรค์หมื่นโลกา ดังนั้นจึงสะกดเขาไว้ตลอด
พระกษิติครรภ์เอ่ยอย่างสงบ “ผู้ฝ่าเคราะห์ไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นผู้ฝ่าเคราะห์”
“เช่นนั้นเจ้าอาศัยสิ่งใดมาตัดสินว่าเป็นข้า”
“วังเทพ วังปีศาจ วังสวรรค์ และสำนักพุทธล้วนพูดกันว่าผู้ฝ่าเคราะห์อยู่ในยมโลก ทั้งยังรู้แจ้งพลังวิเศษอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะไม่ใช่เจ้าได้อย่างไร”
“ข้ารู้แจ้งพลังวิเศษก็มีความผิดหรือ”
“อมิตาภพุทธ”
จี้เซียนเสินใกล้จะระเบิดโทสะออกมาแล้ว
จงใจหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลชัดๆ พาลไม่ยอมฟังใคร!
จี้เซียนเสินกัดฟันกล่าว “ทำอย่างไรเจ้าถึงจะปล่อยข้า”
พระกษิติครรภ์บอก “อมิตาภพุทธ อาตมายอมเสียสละตนเองเพื่ออาณาประชาราษฎร์ กำราบเจ้าไปชั่วนิรันดร์”
“เจ้า…”
พระกษิติครรภ์หลับตาสวดมนต์ต่อ
จี้เซียนเสินโกรธจนกระอักเลือดสาดกระเซ็นเต็มพื้น
“ไม่ต้องลนลาน ข้าจะไปขอกำลังเสริมมา!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูจี้เซียนเสิน จากนั้นควันสีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างจี้เซียนเสินอย่างรวดเร็ว
พระกษิติครรภ์สัมผัสอะไรบางอย่างได้จึงลืมตาทันที ตะคอกเสียงต่ำว่า “เผ่ามาร!”
……………………………………….