ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 291 ขึ้นตำแหน่ง คุณสมบัติจักรพรรดิเซียน
บทที่ 291 ขึ้นตำแหน่ง คุณสมบัติจักรพรรดิเซียน
‘บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์?’
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘อะไรกัน’
เหตุใดอยู่ๆ ถึงเกลียดชังเขาขึ้นมา
หานเจวี๋ยรีบนำค่าความสัมพันธ์มาตรวจดู ไม่นานก็หาบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เจอ
[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์: ไม่ทราบตบะ สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าของมรรคาสวรรค์ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เปลี่ยนแปลงมาจากบรรดาศพของบรรพชนมาร ได้รับมหาดวงชะตามรรคาสวรรค์ เนื่องจากหลิวเป้ยใช้อำนาจครอบครองกายเนื้อพุทธะพิชิตชัย จึงเกิดความเกลียดชังต่อท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
คิ้วหานเจวี๋ยขมวดมุ่นกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าจะถูกบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์พบแล้ว
‘เช่นนี้จะทำอย่างไรดี เพิ่มเข้าไปในรายชื่อสาปแช่งด้วยดีหรือไม่’
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจว่าจะสาปแช่งในอีกสิบปีให้หลัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์คิดเชื่อมโยงมาถึงตัวเขา
ยมโลกมีกลุ่มอิทธิพลของสำนักพุทธ จะต้องระมัดระวังให้มาก
หานเจวี๋ยหลับตาฝึกบำเพ็ญต่อ
ผ่านไปห้าสิบเจ็ดปีเต็มๆ ในที่สุดหลิวเป้ยก็ยึดกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยได้สำเร็จ แต่เขาไม่อาจสำแดงพลังแท้จริงทั้งหมดของพุทธะพิชิตชัยได้อย่างสิ้นเชิง หานเจวี๋ยให้เขากลับไปพิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่ ขณะเดียวกันก็ปรับตัวกับพลังกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยไปด้วย
หานเจวี๋ยไม่กังวลว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จะบุกมาถึงแม่น้ำมรรคกระบี่ ตอนนี้แดนเซียนวุ่นวายโกลาหลมาก ไหนเลยสำนักพุทธจะมีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้
ต่อให้จะมาจริง หลิวเป้ยก็สามารถหนีได้
ต่อให้จะหนีไม่พ้น หานเจวี๋ยก็จะช่วงชิงแก้แค้นให้เขาในภายหลัง
แค่กๆ พูดเช่นนี้ดูเหมือนจะแล้งน้ำใจ
หลังจากหลิวเป้ยไปแล้ว หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
ของวิเศษในการสาปแช่งไม่ใช่ของที่พบเจอได้ยากในปวงสวรรค์หมื่นโลกา คุณสมบัติเฉพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของหนังสือแห่งความโชคร้ายก็คือคนอื่นไม่อาจคำนวณถึงตัวการที่แท้จริงได้
เพียงแค่ทำให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถูกคำสาปรุมเร้าจิตใจ ก็ไม่มีเวลามาเก็บกายเนื้อของพุทธะพิชิตแล้ว
หานเจวี๋ยอดอุทานไม่ได้ว่าหนังสือแห่งความโชคร้ายเป็นสมบัติที่ดีจริงๆ
หินวิญญาณมรรคาสวรรค์มากมายเช่นนั้นไม่ได้ใช้สูญเปล่า หากใช้กับของวิเศษอื่นๆ ล่ะก็ ไหนเลยจะลอยนวลอย่างทุกวันนี้ได้
หานเจวี๋ยนับถือลู่ทางความคิดของตนเองแล้ว
นี่ถึงเป็นการสังหารศัตรูพันลี้ มาตรการป้องกันล่วงหน้า!
หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลางตรวจสอบจดหมายไปพลาง
[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับยอดวิชานิกายเจี๋ย พลังมรรคเพิ่มพูน]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามอันธการ]
[ตี้หงเย่สหายของท่านเผชิญกับการขับไล่ของกาลเวลา]
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x14,021
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x89,743
……
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว หวงจุนเทียนได้รับยอดวิชานิกายเจี๋ย ‘ได้ขึ้นตำแหน่งแล้วหรือ ใช้ได้นี่!
หลี่เต้าคงกับหลี่เสวียนเอ้าพี่น้องคู่นี้เป็นคู่หูสังหารหรือ
เจ้าเด็กฟางเหลียงหน้าเหม็นสร้างเรื่องอะไรอีก
แม่นางของข้าทำไมไม่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ เริ่มเข้าสู่โลกีย์วิสัยแล้วหรือ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาได้กลิ่นของวิกฤติกาล
มรรคาสวรรค์เริ่มลงมือกับเขาแล้ว ศิษย์ ศิษย์หลาน คู่บำเพ็ญเพียร และสหายของเขาเข้าสู่โลกีย์วิสัย แล้วดึงเขาเข้าสู่โลกีย์วิสัยในภายหลังหรือ
เป็นไปไม่ได้!
หานเจวี๋ยแอบตื่นตัวเงียบๆ ในใจ
ยังต้องคว้าเวลาเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องในภายหลังที่ว่า แม้แต่กำลังในการปกป้องคนรอบข้างยังทำไม่ได้!
ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววเด็ดเดี่ยว
……
แดนเซียน เกาะเซียนแห่งหนึ่ง
ศิษย์นิกายเจี๋ยหลายสิบคนยืนอยู่บนยอดเขา เบิกตามองไปยังสุดขอบทะเล
กระเรียนขาวตัวหนังบินแฉลบมา บนหลังกระเรียนขาวมีร่างหนึ่งยืนอยู่ คือหวงจุนเทียนนั่นเอง
มองเห็นกระเรียนขาวบินเข้ามา บรรดาศิษย์ก็พากันคุกเข่าลง
“คารวะผู้สูงศักดิ์!”
ศิษย์นิกายเจี๋ยหลายสิบคนตะโกนออกมาพร้อมกัน น้ำเสียงดังก้องสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเกาะเซียน
นกกระเรียนร่อนลงบนขอบหน้าผา หวงจุนเทียนกระโดดลงตาม
“ตั้งแต่วันนี้ไป หวงจุนเทียนก็คือเจ้าเกาะของเกาะปูทองคำ ศิษย์ทั้งหมดต้องฟังคำสั่งเขา หากมีผู้ขัดขืนจะถูกขับไล่ออกจากนิกายเจี๋ย”
กระเรียนขาวค่อยๆ อ้าปากพูด น้ำเสียงไม่เป็นที่สงสัยใดๆ
เกิดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
บรรดาศิษย์เกรียวกราว พวกเขาล้วนรู้จักหวงจุนเทียน หวงจุนเทียนเข้านิกายช้ากว่าพวกเขา นับว่าเป็นศิษย์น้องพวกเขา ตอนนี้กลับแซงหน้าพวกเขาไปเป็นเจ้าเกาะแล้วหรือ
เป็นไปได้อย่างไร
พูดมั่วหรือเปล่า
“ผู้สูงศักดิ์ เขาเป็นแค่เซียนสวรรค์ไท่อี่นะ!” ศิษย์คนหนึ่งกล่าวอย่างอดไม่ได้
กระเรียนขาวแค่นเสียงฮึ “ข้าจะอบรมเขาด้วยตนเอง นี่คือความต้องการของรองเจ้านิกาย หวังว่าเกาะเซียนนิกายเจี๋ยจะดำเนินการตามแนวคิดเลี่ยงโลกีย์วิสัยของเจ้านิกายให้บรรลุผลสำเร็จ เรื่องนี้ไม่ต้องหารือกันแล้ว วันหน้าใครกล้าไม่เคารพหวงจุนเทียน ตาย”
พอคำว่าตายดังออกมา อุณหภูมิในโลกาสวรรค์ก็ลดลงฉับพลัน ศิษย์นิกายเจี๋ยทั้งหมดเสียวสันหลังวาบ ไม่กล้าโต้แย้ง
หวงจุนเทียนตาเป็นประกาย รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ครั้งนี้สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจแล้ว
เขาจะต้องตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ไม่อาจทำให้การรอคอยของผู้อาวุโสท่านนั้นผิดหวังได้
พอหวงจุนเทียนนึกถึงหานเจวี๋ย อารมณ์ต่อสู้ก็ฮึกเหิมเต็มเปี่ยม
……
สี่ปีต่อมา
สิงหงเสวียนมาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย อู้เต้าเจี้ยนถูกไล่ออกมาจากถ้ำเทวาด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม
“เจ้าคิดดีแล้วจริงหรือ” หานเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม
สิงหงเสวียนพยักหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรักษาอาการสงบไว้และกล่าวว่า “หากกลับชาติไปเกิดใหม่ ท่านจะทอดทิ้งข้าหรือไม่”
นางตัดสินใจกลับชาติไปเกิดให้มีคุณสมบัติที่ดี!
นางดิ้นรนมาร้อยปีแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ เพียงเพราะศิษย์สำนักซ่อนเร้นฝึกบำเพ็ญเร็วเกินไปจริงๆ มองมาที่นางหากไม่ประสบกับโชควาสนามาไม่น้อย เกรงว่า…
หานเจวี๋ยกล่าว “ข้าได้ประทับตราไว้ในร่างของเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะเวียนวนกี่ภพชาติ ข้าก็หาเจ้าพบ”
สิงหงเสวียนถามต่อ “กลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว ข้าจะยังเป็นข้าหรือไม่”
“ข้าให้เจ้านำความทรงจำไปกลับเกิดใหม่ด้วยได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
หานเจวี๋ยมองสิงหงเสวียน ในใจปลงอนิจจังไปร้อยแปดพันเก้า
มองกลับไปตอนที่ทั้งสองรู้จักกันในตอนแรก ทุกอย่างราวกับฝันหนึ่งตื่น
ตอนที่เขาเพิ่งเหยียบเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรก็พบกับสิงหงเสวียน คิดไม่ถึงว่าจะสามพันกว่าปีแล้ว ทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียร
สิงหงเสวียนพลันแนบชิดเข้ามากล่าวด้วยรอยยิ้มพราย “ก่อนกลับชาติไปเกิดให้ข้าผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย”
“เจ้าอยากผ่อนคลายอย่างไร”
“ท่านอย่าขยับ อย่าใช้แรงขัดขืนข้า อืม นอนลง”
“ช้าหน่อย…”
“รู้แล้ว…”
……
หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยพาวิญญาณของสิงหงเสวียนมาตรงหน้าสะพานอนิจจัง
เขาดึงวิญญาณของสิงหงเสวียนออกมาโดยตรง ทำให้สิงหงเสวียนตายไม่ทรมานเลยแม้แต่น้อย
ตรงหน้าสะพานอนิจจังยังคงมีวิญญาณต่อแถวยาวเหยียด วิญญาณทั้งหมดล้วนใจลอยไร้ความรู้สึก ไม่มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อย
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงให้ยายเมิ่ง ทั้งสองมาพบกันไกลๆ
หานเจวี๋ยบอกจุดประสงค์ที่มา
ยายเมิ่งขมวดคิ้วกล่าว “นี่มันฝืนวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
‘หืม? ตอนนี้มาพูดเรื่องกฎกับข้าหรือ’
“ถูหลิงเอ๋อร์ก็ไม่…” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
ยายเมิ่งรีบพูดตัดบท “นี่ไม่ใช่ปัญหา!”
หานเจวี๋ยพยักหน้าพอใจ และกล่าว “ไม่ต้องป้อนน้ำแกงยายเมิ่งให้นาง ให้นางไปเกิดในครรภ์ที่ดี นางกับถูหลิงเอ๋อร์ล้วนเป็นคนสำนักซ่อนเร้นของข้า คุณสมบัติของนางยิ่งดี ในอนาคตถูหลิงเอ๋อร์ก็จะได้รับการปกป้องที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
ยายเมิ่งหมดคำพูด นางได้แต่ตอบรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“ข้าจะส่งนางไปเกิดก่อน เจ้ารอข้าสักครู่” ยายเมิ่งถอนหายใจกล่าว
หานเจวี๋ยรีบปล่อยวิญญาณของสิงหงเสวียนออกมา ให้ยายเมิ่งนำไปที่สะพานอนิจจัง
สิงหงเสวียนหันมองหานเจวี๋ยด้วยความอาลัยอาวรณ์
แม้นางจะเชื่อมั่นหานเจวี๋ยมาก แต่นางไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการเกิดใหม่มาก่อน ในใจยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่
หานเจวี๋ยใช้สายตามองนางจากไปไกลๆ
“นี่คือข้อดีของการบำเพ็ญเพียร วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นหวังอีกต่อไปแล้ว” ในใจหานเจวี๋ยซาบซึ้งแจ่มแจ้ง แววตาเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วยาม
ยายเมิ่งกลับมา
นางกล่าวออกมาก่อน “ข้าให้นางไปเกิดในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญเพียรในแดนเซียน คุณสมบัติเลิศล้ำ มีโอกาสพิสูจน์ได้จักรพรรดิเซียน”
หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “คุณสมบัติร้ายกาจเช่นนี้ ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สังเกตเห็นว่านางมีสถานะกลับชาติมาเกิดใหม่หรือ”
……………………………………….