ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 338 ครึ่งอริยะ เฮ่าเทียนตื่นรู้
บทที่ 338 ครึ่งอริยะ เฮ่าเทียนตื่นรู้
นอกจากฟางเหลียงจะออกตะลุยแล้ว หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นด้วยว่าโจวฝานกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์
จุ๊ๆ
โลกเขย่าพิภพช่างเป็นแดนเสือหมอบมังกรซ่อนโดยแท้ ไม่ทันไรก็มีผู้ฝ่าเคราะห์โผล่มาสองคนแล้ว
หานเจวี๋ยคล้ายจะมองเห็นมือยักษ์ข้างหนึ่งคอยบงการทุกอย่างอยู่ท่ามความมืดมิด
ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดมากไปเอง
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในเกาะสำนักซ่อนเร้น
หานเจวี๋ยไล่อ่านต่อไป จากเนื้อความในจดหมายสามารถเห็นได้ว่า การต่อสู้ในแดนเซียนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะวังสวรรค์ที่เผชิญกับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากวังเทพและวังปีศาจ รวมไปถึงจากกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ด้วย
หานเจวี๋ยรู้สึกสงสัย สำนักพุทธจะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่
หรือว่าสำนักพุทธจะประสานมือคอยรับชมอยู่ด้านข้าง
ถึงแม้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จะพลาดท่าแล้ว แต่หานเจวี๋ยก็สังหรณ์ใจอยู่เสมอว่าสำนักพุทธยังสามารถก่อเรื่องได้อยู่
อีกอย่างหนึ่ง เฮ่าเทียนผู้นั้นยังอยู่ในร่างของหลงเฮ่า
หานเจวี๋ยสามารถรับรู้ถึงสถานกาณ์ของเฮ่าเทียนผ่านรูปประจำตัวของหลงเฮ่าได้ หลงเฮ่าไม่ได้มีสองวิญญาณแล้ว ข้อมูลของสหายเกิดความเปลี่ยนแปลง แปลว่าเฮ่าเทียนออกจากร่างเขาไปแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
นับตั้งแต่บอกความลับไปครั้งก่อน จักรพรรดิสวรรค์ทำราวกับลืมเรื่องของเฮ่าเทียนไปแล้ว ไม่เอ่ยถึงอีกเลย หานเจวี๋ยก็ไม่สะดวกที่จะซักถาม ทำเช่นนั้นดูจะมีจุดประสงค์แอบแฝง
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
ห้าปีผ่านไป
ในที่สุดอาณาเขตเต๋าก็ยกระดับเสร็จสิ้น!
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับเทพ ค่ายกลมิติยกระดับ ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสองเท่า]
[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับครึ่งอริยะได้]
ค่ายกลยกระดับสู่ระดับเทพ หมายความว่าหากยอดฝีมือระดับเทพทั่วไปต้องการบุกเข้ามาในเกาะสำนักซ่อนเร้น ก็ไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จ
สิ่งสำคัญคืออาณาเขตเต๋าปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับครึ่งอริยะได้!
ครึ่งอริยะ…
เป็นระดับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างต้าหลัวและอริยะงั้นหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นอยู่กับตัวเอง
ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแล้ว!
โชควาสนาอะไรกัน!
ดวงชะตาอะไรกัน!
สู้บ้านอันแสนปลอดภัยหลังนี้ไม่ได้ทั้งนั้น!
หานเจวี๋ยรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง
ในเวลานี้เอง เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างรับรู้ถึงไอเซียนบนเกาะที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันได้ หลายปีมานี้ไอเซียนเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตกใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าหานเจวี๋ยไม่ได้ออกมาจากถ้ำ พวกเขาจึงทราบว่าเป็นฝีมือของหานเจวี๋ย
‘เขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่’ จินกังนู่ลอบตระหนกอยู่ในใจ
ตบะที่หานเจวี๋ยแสดงให้เห็นอยู่ในระดับเซียนแท้ไท่อี่เท่านั้น แต่ในแบบจำลองการทดสอบจินกังนู่กลับตั้งรับหานเจวี๋ยไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
ในมุมมองของจินกังนู่ อย่างน้อยๆ หานเจวี๋ยคงมีตบะระดับเทพแล้ว
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ ก็คิดว่าหานเจวี๋ยไปไกลกว่าระดับจักรพรรดิเซียนแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรในแบบจำลองการทดสอบก็มีตัวตนที่อยู่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิเซียนมากมายนัก
หากว่าหานเจวี๋ยเอาชนะคนเหล่านั้นไม่ได้ แล้วจะจำลองพลังที่แท้จริงของพวกเขาออกมาได้อย่างไร
การยกระดับอาณาเขตเต๋า นอกจากจะปลอดภัยยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้การบำเพ็ญของคนทั้งสำนักซ่อนเร้นรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
หานเจวี๋ยเองก็เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิเซียนแปดวัฏขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน
….
สิบสามปีผ่านไป
จู่ๆ เซียนซีเสวียนก็มาขอเข้าพบ
หานเจวี๋ยไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป อยู่กับนางตามลำพัง
อยู่บนเกาะมาเนิ่นนานปานนี้ ตบะของเซียนซีเสวียนบรรลุระดับเซียนพิภพไท่อี่แล้ว ในเกาะสำนักซ่อนเร้นตบะระดับนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำอย่างยิ่ง
หากอยู่ในโลกมนุษย์เช่นแต่ก่อน แค่สามารถบรรลุเซียนได้ในสี่พันปีก็นับว่ามีคุณสมบัติเป็นเลิศแล้ว
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “มาหาข้าด้วยเรื่องใด”
เซียนซีเสวียนกล่าวว่า “ข้าอยากลับไปหาประสบการณ์ที่โลกเขย่าพิภพสักครา จะกลับมาในอีกร้อยปีให้หลัง อยู่ในยมโลกแห่งนี้ ข้าไม่อาจตระหนักถึงธรรมชาติแห่งมรรคาสวรรค์ได้”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จะเดินทางยามไหนเล่า”
“อีกสองวัน ข้าอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนเชิงมรรคกับเจ้า”
“ได้”
ทั้งสองเริ่มถกมรรคกัน แม้จะบอกว่าถกมรรค แต่ความจริงมีเพียงหานเจวี๋ยที่บรรยายมรรคอยู่ฝ่ายเดียว
เซวียนซีเสวียนมองหานเจวี๋ย ใจลอยไปชั่วขณะ
ราวกับย้อนกลับไปในช่วงที่หานเจวี๋ยเพิ่งฝากตัวเข้าสู่ยอดเขาหยกวิเวกเป็นครั้งแรก
ไม่ทันรู้ตัวเวลาก็ล่วงเลยมาสี่พันปีแล้ว
เมื่อนึกย้อนกลับไป ดูราวกับเป็นความฝันฉากหนึ่ง
ระยะเวลาสี่พันปีหลังจากได้รู้จักหานเจวี๋ยให้ความรู้สึกว่าสั้นกว่าช่วงเวลาหลายร้อยปีที่นางมีชีวิตอยู่มาก่อนหน้านี้เสียอีก สี่พันปีนี้ที่อยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของหานเจวี๋ย นางปิดด่านบำเพ็ญอย่างสบายใจ ไม่จำเป็นต้องนึกห่วงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์อีก
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดียิ่ง
เซียนซีเสวียนก็อยากจะแข็งแกร่งขึ้นในเร็ววัน อย่างน้อยให้พ้นจากการเป็นผู้มีตบะระดับล่างสุดของสำนักซ่อนเร้น เมื่อเป็นเช่นนั้น นางถึงจะสามารถตอบแทนหานเจวี๋ยได้บ้าง มิใช่เอาแต่เสพสุขกับผลประโยชน์ที่เขานำมาให้เพียงฝ่ายเดียว
หลายวันผ่านไป
หลังถกมรรคเสร็จ จู่ๆ เซียนซีเสวียนก็เอ่ยถาม “ตอนนี้เจ้ามีคู่บำเพ็ญเพียรกี่คน”
หานเจวี๋ยชะงัก เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเร็วเกินไปแล้วกระมัง
“สามคนแล้ว” หานเจวี๋ยตอบไปตามจริง
เซียนซีเสวียนกลอกตาแวบหนึ่ง
นอกจากสิงหงเสวียน ยังมีสตรีอื่นที่มีความสัมพันธ์เกินธรรมดากับหานเจวี๋ยอีกหรือ
นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยน แล้วพลันกระจ่างขึ้นมาทันที
นางลุกขึ้นเตรียมจากไปอย่างเงียบๆ
หานเจวี๋ยมองแผ่นหลังของนาง เอ่ยขึ้นว่า “ในใจข้า เจ้าก็สำคัญมากเช่นกัน อีกร้อยปีให้หลังเจ้าจะกลับมาแน่ๆ ใช่หรือไม่”
เซียนซีเสวียนเหลียวมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างจนปัญญา “โลกเขย่าพิภพอยู่ในมือเจ้า หากเจ้าต้องการให้ข้ากลับมา แค่คิดก็ทำได้แล้วมิใช่หรือ”
“หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าจะกล้าฝืนบังคับได้อย่างไร”
“งั้นหรือ ข้ายินยอมหรือไม่ เจ้ายังไม่กระจ่างอีกหรือ เจ้าทำเหมือนไม่เข้าใจความรัก แต่ข้าดูออก เจ้าแค่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ เจ้าหลอกได้เพียงเยวี่ยเอ๋อร์เท่านั้น”
พอกล่าวจบ เซียนซีเสวียนก็ก้าวออกจากถ้ำไป
หานเจวี๋ยลูบคาง
วาจานี้ช่างกล่าวได้…
กล่าวได้เหมือนเขาเป็นชายสวะคนหนึ่งไม่มีผิด
ข้าเพียงอยากทำตามที่ใจข้าปรารถนา ผิดงั้นหรือ
หานเจวี๋ยยิ้มออกมาแวบหนึ่ง
ในใจเขาไร้ซึ่งความละอาย ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่สังคมโลกยุคใหม่ โลกแห่งการบำเพ็ญไม่ได้มีธรรมเนียมผัวเดียวเมียเดียว
แม้หานเจวี๋ยจะมุ่งเน้นไปที่การมีอายุยืนยาว แต่ก็ไม่อยากให้ยามที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด มีอายุขัยยืนยาวแล้วมองย้อนกลับไป แววตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าเสียดาย
เขาละโมบยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่อยากมีอายุยืนยาว ทั้งยังไม่อยากเสียใจในภายหลังอีกด้วย
แน่นอน อายุยืนมาก่อนความเสียใจในภายหลัง
คำพูดเมื่อครู่นี้ของเซียนซีเสวียนก็นับว่าเป็นการตอบรับความรู้สึก หานเจวี๋ยไม่รู้สึกแปลกใจเลย รู้สึกเพียงว่าเงื่อนไขลงตัวแล้ว
ทั้งสองต่างเป็นผู้ที่พากเพียรบำเพ็ญเช่นเดียวกัน หากไม่มีเวลาก็ไม่สนใจมาทำตัวหวานซึ้งใส่กัน
เซียนซีเสวียนกลับไปเก็บสัมภาระอยู่พักหนึ่ง ถึงได้กลับเข้ามาในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง หานเจวี๋ยโบกมือส่งนางเข้าสู่โลกเขย่าพิภพทันที
‘ต้องทะลวงถึงระดับจักรพรรดิเซียนแปดวัฏภายในร้อยปีให้ได้!’
หานเจวี๋ยถือโอกาสตั้งเป้าหมายเล็กๆ อย่างหนึ่งให้ตัวเองไปด้วย
….
สามสิบปีผ่านไปว่องไวยิ่ง
หานเจวี๋ยยังไม่ทะลวงขั้น แต่ก็อีกไม่นานแล้ว
ในวันนี้เอง
ขณะที่เขาเพิ่งจะสาปแช่งศัตรู จู่ๆ แจ้งเตือนแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า
[เฮ่าเทียนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
เฮ่าเทียนหรือ
เขาตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ทันที
[เฮ่าเทียน: ไม่ทราบตบะ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต อดีตจักรพรรดิสวรรค์ เพื่อพิสูจน์มรรคจึงแสร้งทำเป็นสิ้นชีพดับสูญ คอยเก็บเกี่ยวดวงชะตาในสังสารวัฏอยู่ตลอด ต่อมาสบโอกาสแทรกซึมเข้าสู่ร่างของโอรสจักรพรรดิสวรรค์ ถือกำเนิดร่วมกัน หนึ่งร่างสองวิญญาณ จิตรับรู้ดั้งเดิมเพิ่งตื่นรู้เมื่อไม่นานมานี้ พบว่าหลงเฮ่าเคารพนับถือท่านเป็นที่สุด อีกทั้งตัวท่านลึกลับอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงบังเกิดความริษยาในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
คนผู้นี้ตื่นขึ้นมาแล้วหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นยินดี แต่เขาพบว่าหลงเฮ่ายังมีสถานะหนึ่งร่างสองวิญญาณอยู่
กล่าวอีกอย่างคือ เฮ่าเทียนยังอยู่ในร่างหลงเฮ่า
ถ้าสาปแช่งเฮ่าเทียน ต้องเดือดร้อนไปถึงหลงเฮ่าด้วยแน่นอน
รอไปอีกสักพักแล้วกัน
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจสอบหายอดฝีมือในละแวกเกาะสำนักซ่อนเร้น ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือระดับจักรพรรดิเซียนเจ็ดวัฏ
ระยะนี้แม่น้ำปรโลกเต็มไปด้วยวิญญาณพยาบาทที่มาจากแดนชำระบาปเก้าขุม แม้ว่าเกาะสำนักซ่อนเร้นจะอยู่สุดปลายสายของแม่น้ำปรโลก รอบข้างก็ยังคงเนืองแน่นไปด้วยวิญญาณพยาบาท วิญญาณพยาบาทเหล่านี้ไม่สังเกตเห็นเกาะสำนักซ่อนเร้นที่มีขนาดเท่าเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนพวกมันจะเฝ้ารอบางสิ่งในแม่น้ำปรโลก ราวกับเตรียมออกศึกอยู่
………………………………………