ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 341 แดนเทพหวนปัจฉิม เฮ่าเทียนยึดร่าง
บทที่ 341 แดนเทพหวนปัจฉิม เฮ่าเทียนยึดร่าง
ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม ในที่สุดจักรพรรดิปีศาจก็ยอมล่าถอยไปแล้ว ไม่มาขอเข้าฝันหานเจวี๋ยอีก
หานเจวี๋ยรู้สึกรำคาญแทบตายแล้ว
ไอ้เจ้าคนผู้นี้เป็นโรคประสาทหรือ
ช้าก่อน!
หรือจักรพรรดิปีศาจจะเดาออกว่าหานเจวี๋ยก็คือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
หานเจวี๋ยพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบใช้ระบบวิวัฒนาการ ถามว่าจักรพรรดิปีศาจรู้หรือไม่ว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
เสียอายุขัยไปร้อยล้านปี ถึงทราบว่าจักรพรรดิปีศาจไม่รู้ว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีเป้าหมายอย่างอื่น
หานเจวี๋ยไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับจักรพรรดิปีศาจ ป้องกันไม่ให้ถูกอีกฝ่ายตามเจอ
เขาฝึกบำเพ็ญต่อไป
หลังจากบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนแปดวัฏ ระดับความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของเขาก็เพิ่มขึ้น ความเร็วในการบำเพ็ญของเขาเองก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป คงบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏได้รวดเร็วยิ่ง
รอจนบรรลุระดับเทพแล้ว ความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของหานเจวี๋ย ต้องราวกับวาฬกลืนสมุทรเป็นแน่ หนึ่งวันพัฒนาไปได้ไกลนับพันลี้
เพียงแค่คิด หานเจวี๋ยก็ตั้งตารอเป็นอย่างยิ่ง
….
เวลาในแดนชำระบาปเก้าขุมผ่านไปรวดเร็วนัก เนื่องจากที่นี่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงแรงกรรมอันไร้ที่สิ้นสุด ไม่ได้มีเรื่องราวให้ทำเพื่อฆ่าเวลามากขนาดนั้น
สำหรับชาวสำนักซ่อนเร้นแล้ว ไม่ได้แตกต่างไปจากชีวิตที่ผ่านมาเลย
ทุกร้อยปีสำนักซ่อนเร้นจะจัดงานประลองใหญ่ขึ้นหนึ่งครั้ง เรื่องนี้หานเจวี๋ยมอบหมายให้มู่หรงฉี่จัดการ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทพสงคราม
ต้วนหงเฉินและจอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ข้าร่วมการประลองด้วย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาสู้จินกังนู่ไม่ได้
ส่วนหลิวเป้ยแม้จะมีกายาของบรรพชนพุทธภควัต แต่ระดับความสอดคล้องของร่างกายและวิญญาณกลับไม่มากพอ สู้จอมปีศาจคุกรัตติกาลที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนห้าวัฏไม่ได้
แต่ในอนาคตก็ไม่แน่
ในหมู่ศิษย์ ลี่เหยาครองอันดับหนึ่งอย่างมั่นคง
สิ่งที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือ ลี่เหยาเชี่ยวชาญมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สี่นั่นคือค่ายกลกระบี่สังหารเซียนแล้ว แต่น่าเสียดายที่กระบี่ของนางแข็งกร้าวเกินไป
อู้เต้าเจี้ยนเพิ่งทำความเข้าใจได้ถึงขั้นที่สาม กระบี่เบิกบุพกาล แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน
ศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็มีความก้าวหน้าต่างกันไป
คนที่น่าตกตะลึงที่สุดคือฉู่ซื่อเหริน หลังจากรับหลี่ว์ฮว่าซวีเป็นศิษย์ เขาก็ฝึกบำเพ็ญอย่างเอาจริงเอาจัง ทิ้งระยะห่างจากหลี่ว์ฮว่าซวีและโจวหมิงเยวี่ย บรรลุถึงระดับเซียนแท้ไท่อี่นำหน้าไปก่อน สวินฉางอันก็ถูกเขาแซงหน้าไปเช่นกัน
ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดคือสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ก่อนหน้านี้มันถูกควักดวงตาทั้งสอง ถูกช่วงชิงดวงชะตา ทำให้มันต้องเสียเวลาอยู่นานกว่าจะฟื้นฟูสู่สภาพสมบูรณ์ได้
ไก่คุกรัตติกาลเองก็ไม่เลวเลย บรรลุระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ อยู่ไม่ไกลจากระดับเซียนแท้ไท่อี่นัก
กล่าวโดยรวมคือ ความเร็วในการก้าวหน้าของทั้งสำนักซ่อนเร้นรวดเร็วอย่างยิ่ง
หลังจากมหาเคราะห์ครั้งนี้สิ้นสุดลง คาดว่าแต่ละคนคงกลายเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าที่ออกตะลุยแดนเซียนได้
สามสิบปีผ่านไปไวเหมือนกะพริบตา
หานเจวี๋ยเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย รู้สึกอิ่มเอมใจ
ทุกๆ สิบปี หากไม่ได้สาปแช่งศัตรูสักหน่อย เขาจะอึดอัดครั้นเนื้อครั่นตัว ราวกับมีสิ่งใดขาดหายไปจากชีวิต
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะบำเพ็ญต่อ ก็มีคนมารบกวนเขาอีกแล้ว
เจียงอี้ติดต่อมาทางป้ายอีกาทอง
หานเจวี๋ยเชื่อมต่อกระแสจิต เอ่ยถาม “ได้รับความช่วยเหลือแล้วหรือ”
เจียงอี้เอ่ยยิ้มๆ “ได้แล้ว ซ้ำยังพบวาสนาในคราวเคราะห์ ตบะเพิ่มพูนมหาศาล ตอนนี้ข้าเป็นจักรพรรดิเซียนสามวัฏแล้ว”
“ร้ายกาจนัก”
“นั่นน่ะสิ!”
น้ำเสียงเจียงอี้เต็มไปด้วยความภูมิใจ เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับจักรพรรดิได้สักกี่ปีกัน
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ยังมีธุระอีกหรือไม่”
เจียงอี้เอ่ยกลั้วหัวเราะ “มาที่แดนเทพหวนปัจฉิมเถอะ ข้ามา…”
หานเจวี๋ยตัดการเชื่อมต่อกระแสจิตทันที
ประสาทแล้ว!
เพิ่งได้รับความช่วยเหลือก็จะคิดมาหลอกข้าต่อเลยหรือ
เวลานี้เอง คลื่นพลังจิตของเจียงอี้ก็แผ่ออกมาจากป้ายอีกาทองอีกครั้ง หานเจวี๋ยเชื่อมต่อกระแสจิต
“เจ้าเด็กเหลือขอ! ไยจึงไร้มารยาทเช่นนี้!” เจียงอี้ตะคอก
หานเจวี๋ยตอบกลับด้วยความเย็นชา “ท่านคิดจะหลอกข้าไปเสาะหาโชควาสนาอันใดอีกแล้วกระมัง ตัวเองประสบความทุกข์ยากมาแล้วแท้ๆ ยังคิดจะมาหลอกพี่น้องอีก”
พี่น้อง!
เมื่อเจียงอี้ได้ยินคำเรียกขานนี้ ก็อดรู้สึกละอายไม่ได้
จะว่าไป หลายปีมานี้ที่เขาอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิมใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาจริงๆ แต่หานเจวี๋ยรู้ได้อย่างไร
ข้ามาขอความช่วยเหลือแค่ครั้งเดียวชัดๆ
เจียงอี้เอ่ยเสียงขรึม “ครั้งนี้ข้าไม่ได้หลอกท่าน มาที่แดนเทพหวนปัจฉิม จะหลบเลี่ยงมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้”
หานเจวี๋ยได้ฟังก็เอ่ยถามด้วยความฉงน “ได้อย่างไร”
“ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัด ครั้งแรกที่ข้ามา เพราะได้ยินว่าแดนเทพหวนปัจฉิมไม่อยู่ในการควบคุมของมรรคาสวรรค์”
“เช่นนั้นเหตุใดสรรพสิ่งจึงไม่ไปที่แดนเทพหวนปัจฉิมกันเล่า”
“เพราะจำเป็นต้องทะลุผ่านแดนต้องห้ามอันธการ อันตรายอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิเซียน ก็ไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นกัน”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
นี่คือพื้นที่ระดับสูงงั้นหรือ
เจียงอี้กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามแดนเทพหวนปัจฉิมมิได้ครึกครื้นเฉกเช่นแดนเซียน ไอเซียนก็มีไม่มากพอ โอกาสวาสนาก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ขอบเขตที่ต่ำกว่าจักรพรรดิเซียนเมื่อมาที่นี่ ยากจะรอดพ้นจากความตาย ท่านน่าจะเป็นจักรพรรดิเซียนแล้วกระมัง ถึงอย่างไรท่านก็ไม่อยากเข้าสู่เคราะห์อยู่แล้วนี่”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ขอบใจมากสำหรับความหวังดีของท่าน ตอนนี้ข้าซ่อนตัวอยู่ในสถานที่อันแสนปลอดภัยแห่งหนึ่ง ไม่เข้าสู่เคราะห์เป็นแน่”
“เป็นไปไม่ได้! ขอเพียงอยู่ใต้ร่มมรรคาสวรรค์ จะต้องเข้าสู่เคราะห์อย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นพวกเรารอดูกันต่อไปเถอะ”
“ไม่มาจริงๆ น่ะหรือ”
“อืม”
“เช่นนั้นท่านเล่านิทานให้ข้าฟังสักเรื่องได้หรือไม่”
“ไม่ว่าง แค่นี้ก่อนเถอะ ไว้คุยกันใหม่”
หานเจวี๋ยจัดการเชื่อมต่อกระแสจิตทันที
เมื่อก่อนข้าไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้า ยังพอเล่นตลกไปกับเจ้าได้
ตอนนี้เจ้ายังคิดจะให้ข้าเล่านิทานอีกหรือ
อีกหลายปีข้างหน้า หากเรื่องนี้แพร่ออกไปเกรงว่าคงทำให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องขายหน้าเป็นแน่!
เจียงอี้ไม่ได้รบกวนหานเจวี๋ยอีก หานเจวี๋ยจึงฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ภายในอารามเต๋าสว่างสดใสหลังหนึ่ง หลงเฮ่ากำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่
สถานการณ์ของเขาแปลกประหลาดยิ่ง ใบหน้ากระตุกเป็นพักๆ มีแสงทองแผ่ออกมาจากใบหน้าเพียงครึ่งซีก
จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น สองตาส่องประกายเรืองรอง
เขาเริ่มหอบหายใจอย่างหนัก
“แฮ่กๆ…”
หลงเฮ่าก้มมองสองมือของตน จากนั้นก็ลุกขึ้นสำรวจร่างกายตนเอง
เขาเผยสีหน้าพึงพอใจ
“สำเร็จแล้ว มิเสียทีที่เป็นโอรสผู้มีคุณสมบัติเลิศล้ำที่สุดของจักรพรรดิสวรรค์ มีความคล้ายคลึงกับเราอยู่หลายส่วนทีเดียว” หลงเฮ่ายกยิ้มมุมปาก เอ่ยด้วยความพึงพอใจ
เขาก็คือเฮ่าเทียน!
ยึดร่างสำเร็จแล้ว!
เขาสะกดวิญญาณของหลงเฮ่าเอาไว้ จากนั้นก็เข้าควบคุมร่างกายของหลงเฮ่า
เฮ่าเทียนเดินออกจากอารามเต๋า ด้านนอกคือทะเลสาบผืนใหญ่ เป็นสีฟ้าคราม เขาเขียวธารใส งดงามดุจภาพวาด
เขาเดินไปหยุดริมทะเลสาบ ชื่นชมฉากตรงหน้า
กี่ปีแล้วนะ
ในที่สุดเขาก็ได้เห็นโลกกว้างด้วยตาของตนเอง
เวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา เป็นนักพรตน้อยคนหนึ่ง
นักพรตน้อยเปิดปากเอ่ย “อาจารย์เรียกเจ้าไปพบ ครานี้ศิษย์จากนิกายเจี๋ยก็มาด้วย เจ้าอย่าได้เสียมารยาทเล่า”
เฮ่าเทียนมองนักพรตน้อยแวบหนึ่ง พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
‘ฮึ่ม นิกายเจี๋ย นิกายฉ่าน เราจะเล่นงานพวกเจ้าไปพร้อมกัน!’
เจตนาสังหารฉายวาบผ่านดวงตาของเฮ่าเทียน เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็ถูกเขาอำพรางไว้อย่างมิดชิด
….
นับตั้งแต่ติดต่อกับเจียงอี้ เวลาผ่านไปอีกสิบปีแล้ว
หานเจวี๋ยสาปแช่งพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย
ทันใดนั้นเขามองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง หัวคิ้วพลันขมวดแน่น
[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านถูกยึดร่าง วิญญาณถูกสะกดไว้]
หานเจวี๋ยรีบเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจสอบ พบว่าข้อมูลของหลงเฮ่ามีข้อความว่า ‘อยู่ในสภาวะถูกยึดร่าง’ เพิ่มขึ้นมา
ไร้เหตุผลสิ้นดี!
เฮ่าเทียนรนหาที่ตายแล้ว!
หานเจวี๋ยหยุดสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจทันที เปลี่ยนไปสาปแช่งเฮ่าเทียนแทน
ห้าวันผ่านไป
หานเจวี๋ยใช้อายุขัยสาปแช่งอีกฝ่ายต่อไป พร้อมจ้องมองกล่องจดหมาย เพราะกลัวว่าหลงเฮ่าจะถูกสาปแช่งจนตายไปด้วย
[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านพลังเวทปั่นป่วน สังขารเจียนพังทลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน วิญญาณเฮ่าเทียนได้รับผลสะท้อน ผลักดันให้หลงเฮ่าเข้าควบคุมร่างอีกครั้ง]
หานเจวี๋ยหยุดมือทันที
หลงเฮ่าอ่อนแอเกินไป ทำให้เฮ่าเทียนได้รับผลกระทบไปด้วย
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น เช่นนี้จะทำอย่างไรดี
เฮ่าเทียนก็เหมือนระเบิดเวลาลูกหนึ่ง พร้อมจะคุกคามหลงเฮ่าได้ทุกเมื่อ
ไม่ได้การแล้ว
เรื่องนี้ยังคงต้องติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์
แต่จะติดต่อไปตอนนี้ไม่ได้ เสี่ยงที่จะเผยฐานะ รอไปอีกสิบปีก็แล้วกัน
……………………………………