ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 345 ข้าพิชิตจักรพรรดิเซียนห้าวัฏจักรได้แล้ว
บทที่ 345 ข้าพิชิตจักรพรรดิเซียนห้าวัฏจักรได้แล้ว
หืม? จักรพรรดิสวรรค์ทราบเรื่องแล้วอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!
หานเจวี๋ยรู้สึกกระวนกระวายใจ ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้านี่แหละคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวยิ้มๆ ว่า “เราเชื่อ”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างจนใจ “ฝ่าบาท ข้าเลี่ยงเคราะห์มาตลอด หากข้าเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริง ป่านนี้ข้าไม่ก้าวสู่เคราะห์ ไปแล้วหรอกหรือ จากนิสัยของข้า หากมีอาจารย์เช่นนั้น คงต้องหนีไปให้ไกล”
เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ได้ฟังเช่นนั้น ก็คิดว่ามีเหตุผล จึงกล่าวต่อ “สี่กลุ่มอิทธิพลใหญ่ระดับเจ้าผู้ปกครองแห่งแดนเซียน นอกจากเราแล้วอีกสามกลุ่มที่เหลือล้วนประสบหายนะทั้งสิ้น เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจจะเกี่ยวข้องกับวังสวรรค์ หรืออาจคิดร้ายต่อวังสวรรค์ก็เป็นได้”
หานเจวี๋ยคิดอยู่ลึกๆ ว่าไม่ดีเลยสักทาง ‘แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า สาปแช่งให้ท่านเป็นบ้าไปเสียเลยดีหรือไม่’ หานเจวี๋ยรู้สึกขุ่นเคืองในใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออก
เขาพูดต่อ “เป็นไปได้มากว่าจะเป็นการก่อกบฏ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการวางแผนประทุษร้ายทั่วทั้งแดนเซียน พวกเราต้องวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อย่าชะล่าใจว่าเขาอาจก่อการเพียงคนเดียว”
จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้มและกล่าว “มีเหตุผล คิดเหมือนกับเราเลย ไม่ว่าอย่างไร หากได้รับความช่วยเหลือจากสำนักเต๋า กลุ่มอิทธิพลทั่วทั้งแดนเซียนก็คงไม่ปักใจเชื่อว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาจากวังสวรรค์ เพราะวังสวรรค์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น และตอนนี้วังสวรรค์ก็ถือเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”
หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์รู้สึกดีใจมาก
ดูเหมือนว่าความช่วยเหลือจากสำนักเต๋าจะทำให้จักรพรรดิสวรรค์มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท อย่างไรเสียก็ต้องระวังเอาไว้หน่อย ตั้งแต่ข้าเข้าร่วมวังสวรรค์เป็นต้นมา พันธมิตรเหล่านี้แปรพักตร์ไปแล้วตั้งเท่าไร” หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน
จักรพรรดิสวรรค์นิ่งเงียบไป พลันรู้สึกอึดอัดใจเล็กๆ
หานเจวี๋ยถาม “สถานการณ์ของเฮ่าเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่เรายังหาดวงวิญญาณอื่นในร่างของเขาไม่เจอ จึงทำได้แค่กักบริเวณเขาเท่านั้น”
“เวลาปกติก็ระวังไว้ให้ดี หากเป็นเฮ่าเทียนจริงๆ คงจะไม่ดีแน่”
“เราเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวล”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองตัดการเชื่อมต่อกระแสจิต ยุติการสนทนา
วังสวรรค์ไร้เรื่องราว หานเจวี๋ยก็สบายใจ ส่วนเรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์สงสัยว่าเขาเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เรื่องนั้นก็ไม่เป็นอะไร ปล่อยให้เขาสงสัยไปเลยตามสบาย จักรพรรดิสวรรค์ไม่อยากเชื่อว่าเขาเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ จากมุมมองของจักรพรรดิสวรรค์ ก็คงไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้
หานเจวี๋ยไม่เพียงแต่ต้องพึ่งพาหนังสือแห่งความโชคร้าย แต่ยังต้องพึ่งพาระบบ พึ่งอาณาเขตเต๋า ผสานสารพัดกลวิธีเพื่อให้ศัตรูที่ถูกเขาสาปแช่งนั้นสาวมาไม่ถึงตัว หรือแม้กระทั่งคาดเดามาไม่ถึงตัวเขา
แม้ว่าซวีหวงจะเดินทางย้อนอดีตกลับไป ก็สามารถถูกหานเจวี๋ยควบคุมเอาไว้ได้ สิ่งที่หานเจวี๋ยต้องทำในตอนนี้คือทกใจให้สงบและฝึกบำเพ็ญ เขาต้องกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถึงจะสามารถปัดเป่าความคลางแคลงใจของจักรพรรดิสวรรค์ไปได้อย่างหมดจด
อีกด้านหนึ่ง ณ ตำหนักแห่งหนึ่งในวังสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์วางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง และจมจ่อมอยู่ในห้วงความคิด “หากไม่เกี่ยวข้องกับเขา และจะเป็นใครได้อีก ลูกๆ ของเราไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเราเช่นนี้ก็ได้ ความสามารถของพวกเขามีมากน้อยเพียงใด เราเองก็รู้ดี เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องการใส่ร้ายเรา”
หลังจากจักรพรรดิสวรรค์คิดตก แววตาของเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
แม้ว่าเกือบจะถูกแผนการของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจัดการจนเพลี่ยงพล้ำ แต่วังสวรรค์ก็ได้รับความช่วยเหลือจากสำนักเต๋าเพราะเหตุนี้เอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี
“ไม่สิ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องมีแผนรับมือกับเรื่องนี้เป็นแน่ เราต้องหายอดสมบัติที่สามารถป้องกันพลังแห่งคำสาปแช่งของเขาให้ได้” จักรพรรดิสวรรค์คิดได้ดังนั้น ก็ลุกขึ้นแล้วจากไปทันที
…
เจ็ดปีต่อมา
การบำเพ็ญตบะของหานเจวี๋ยถูกขัดจังหวะอีกครั้ง เจียงอี้ส่งอีกาทองมาติดต่อหาเขาอีกแล้ว จำได้ว่าตนเคยปฏิเสธเจียงอี้ไปก่อนหน้านี้ หานเจวี๋ยหยิบป้ายอีกาทองออกมา
“มีอันใดหรือ”
“ทำไมก่อนหน้านี้ท่านไม่สนใจข้าเลยล่ะ”
“ท่านจะมาลากข้าไปที่หุบเหวสมุทรแดนเทพอีกแล้วหรือ ข้าไม่อยากถูกรุมกระทืบกับท่านหรอกนะ”
“ท่าน…ไม่เชื่อใจข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”
“งั้นท่านก็พูดมา คราวนี้มีอะไรอีกเล่า โอกาสวาสนาหรือจะให้ช่วยหากำลังเสริม”
“ข้า…อยากได้กำลังเสริม”
“…”
หานเจวี๋ยหมดคำพูด เขาเอ่ยถามด้วยความโมโห “เผ่าเทพอีกาทองเพิ่งก้าวขาออกไป ท่านก็ก่อเรื่องแล้วหรือ”
เจียงอี้กัดฟันพูด “คราวนี้เรื่องใหญ่จริงๆ สำนักพุทธขอความช่วยเหลือจากกลุ่มอิทธิพลลึกลับที่หุบเหวสมุทรแดนเทพ ข้าบังเอิญไปพบเข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าอาจารย์ของข้า ป่านนี้ข้าคงถูกฆ่าตายไปแล้ว ตอนนี้ถูกของวิเศษสกัดเอาไว้อยู่ ทรมานเหลือเกิน รีบมาช่วยข้าที”
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “พวกเขาไม่ได้ชิงป้ายอีกาทองของท่านไปหรอกหรือ”
“ข้าเก็บซ่อนชิ้นส่วนของป้ายอีกาทองไว้ในส่วนลึกของวิญญาณข้า พวกเขาไม่มีทางจับสังเกตได้”
“ก็ได้ ข้าจะขอให้จักรพรรดิสวรรค์ช่วยเหลือเดี๋ยวนี้”
“ขอบใจท่านมาก สหาย ท่านช่วยเหลือข้ามาสองครั้งสองครา นับแต่นี้ต่อไปท่านคือสหายที่ดีที่สุดของข้า”
“ไม่ต้อง ข้ากลัวท่านจะส่งโอกาสวาสนามาให้ข้าอีก”
“อะแฮ่ม อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน อย่าเพิ่งอวดตัวไป”
“เหอะๆ”
หานเจวี๋ยตัดการติดต่อทางพลังจิต จากนั้นหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ขึ้นมาและแจ้งข่าวให้กับจักรพรรดิสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์ตอบตกลงในทันที เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสำนักพุทธคิดจะทำการไม่ซื่ออะไร เขาคอยระแวดระวังสำนักพุทธอยู่เสมอ
หานเจวี๋ยวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง แล้วบิดขี้เกียจ
อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นายท่าน อีกาทองที่ติดต่อมาหาท่านเมื่อครู่ คือบุตรแห่งสวรรค์ลำดับที่หนึ่งหรือ”
เรื่องราวของเจียงอี้นางเคยได้ยินมาจากจอมปีศาจคุกรัตติกาลและคนอื่นๆ ทั้งยังรู้ถึงที่มาที่ไปของเจ้าใหญ่และเจ้ารองดี ดังนั้นเมื่อได้ข่าวว่าอีกาทองบุตรแห่งสวรรค์ลำดับที่หนึ่งเคารพนบนอบต่อหานเจวี๋ยถึงเพียงนี้ นางก็พลันรู้สึกอัศจรรย์อย่างยิ่ง
อีกาทอง ที่แท้ก็แค่นี้เองสินะ!
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “เจ้าก็ได้ยินเหมือนกันสินะ นี่แหละคือจุดจบของการผจญภัยทุกรูปแบบ เจ้าหมอนี่เอาแต่บอกว่ามีโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ ข้าก็ไม่ไป ตอนนี้ข้าก็ยังสุขสบายดี แต่เขาเฉียดความตายมาหลายครั้งหลายคราแล้ว”
อู้เต้าเจี้ยนกล่าวพยักหน้าพลางกล่าวอย่างจริงจัง “มีแต่นายท่านที่มองได้อย่างทะลุปรุโปร่งที่สุด มรรคจิตของนายท่านนี่แหละคือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเต๋าพึงมี หากว่าชาวโลกล้วนเป็นเช่นนายท่าน จะเกิดมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้อย่างไร”
หานเจวี๋ยพยักหน้า และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คำพูดนี้ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว น่าเสียดายที่ทุกคนไม่ได้มีคุณสมบัติเหมือนกับพวกเรา คุณสมบัติแย่ ก็ทำได้เพียงแสวงหาโอกาสเท่านั้น
หานเจวี๋ยไม่พูดมาก ฝึกบำเพ็ญต่อไป ตอนนี้ความเร็วของแรงกรรมที่แปรเปลี่ยนเป็นตบะนับวันยิ่งรวดเร็วขึ้น จนถึงขั้นที่รวดเร็วยิ่งกว่าการบำเพ็ญดูดซับปราณของหานเจวี๋ยเสียอีก
นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี แรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรมหาศาลจนไม่อาจเทียบ บวกกับแรงกรรมที่แผ่ซ่านไปนอกเกาะ เรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด
หานเจวี๋ยยังสามารถใช้โอกาสนี้ คืนเอกภพอันสุกใสให้แก่มรรคาสวรรค์ เมื่อถึงเวลา มรรคาสวรรค์จะต้องตอบแทนบุญคุณของเขาอย่างใหญ่หลวง!
…
ชั่วพริบตาก็ผ่านไปยี่สิบปี
หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏมากขึ้นเรื่อยๆ เขามีลางสังหรณ์ว่า ความเร็วในการทะลวงระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏนั้นคงจะรวดเร็วยิ่งกว่าการทะลวงระดับของจักรพรรดิเซียนแปดวัฏมากมายนัก
วันนี้้ หานเจวี๋ยก็ยังคงสาปแช่งศัตรูเช่นเคย เจียงอี้ยังคงติดต่อหาเขาอีกครั้ง
หานเจวี๋ยเชื่อมต่อพลังจิต
“ขอบใจมากสหาย ข้าได้รับความช่วยเหลือแล้ว ผู้นำตระกูลของพวกเราเองก็รู้สึกขอบคุณท่านอย่างมาก พวกเขากล่าวว่าท่านจะเป็นมิตรของเผ่าเทพอีกาทองไปชั่วนิจนิรันดร์ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ท่านยังรับเลี้ยงบุตรชายหญิงสองคนของตี้หงเย่อีก ท่านผู้นำตระกูลรู้สึกซาบซึ้งใจมาก อนุญาตให้พวกเขากลับสู่ตระกูล เพื่อดื่มด่ำกับการปรนนิบัติในฐานะบุตรแห่งสวรรค์”
เจียงอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อพูดถึงตอนท้าย เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจนิดๆ ราวกับกำลังรอให้หานเจวี๋ยเอ่ยชมเขาอยู่
หานเจวี๋ยปฏิเสธอย่างอ้อมๆ “ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขาอยู่กับข้าดีกว่า ไว้มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตสิ้นสุดเมื่อไรค่อยให้พวกเขากลับไป”
“อีกทั้ง บัดนี้มหาเคราะห์ได้มาเยือนแล้ว ไม่ว่าใครก็ล้วนปกป้องตัวเองได้ยาก”
“พอกลับไปแล้วท่านก็ฝึกบำเพ็ญให้ดีล่ะ ข้าจะไม่ปิดบังท่านอีก ข้าพิชิตระดับจักรพรรดิเซียนห้าวัฏได้แล้ว ก่อนหน้านี้เพียงแต่ไว้หน้าท่านเท่านั้น ทว่าข้าไม่อาจทนเห็นท่านทุกข์ทรมานได้อีกต่อไป หลังจากลังเลอยู่นาน ก็เลยตัดสินใจว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับท่านดีกว่า นี่ ฟังอยู่หรือเปล่า เจียงอี้ ท่านตายไปแล้วหรือ”
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจนัก เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่พูดไม่จา
……………………………………….