ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 364 เจียงอี้หมกมุ่น ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้า
บทที่ 364 เจียงอี้หมกมุ่น ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้า
“เจ้าน่ะหรือ เจ้ามาสู้กับพี่ใหญ่ข้าดูไหมเล่า มาสู้กับจอมเวทเฒ่าดูหรือไม่”
ไก่คุกรัตติกาลกระโดดลงมาจากต้นฝูซังพลางร้องตะโกน
คนหน้าใหม่เพิ่งเข้ามาก็โอหังขนาดนี้แล้ว ต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย!
มันตาแหลมยิ่งนัก เห็นว่าหานเจวี๋ยไม่ได้เชิญเจียงอี้เข้าไปเพื่อพบปะกันในถ้ำ นั่นก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าความสัมพันธ์ไม่ได้ชิดเชื้อกันขนาดนั้น
เจียงอี้พลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง บ่งบอกให้เห็นว่าพลังของพวกเขาไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก
“ประลองกันดูไหม” เจียงอี้จ้องจอมปีศาจคุกรัตติกาลพลางเอ่ยออกมา
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ พวกเราเข้าไปประลองกันในแบบจำลองการทดสอบของสำนักเถอะ”
“แบบจำลองการทดสอบหรือ มันคือสิ่งใดกัน”
“พลังวิเศษของเจ้าสำนัก ใช้สำหรับต่อสู้โดยเฉพาะ ด้านในยังมีคู่ต่อสู้แสนทรงพลังที่เจ้าสำนักเคยเผชิญหน้ามาก่อนด้วย แม้กระทั่งจักรพรรดิปีศาจ จักรพรรดิสวรรค์ ประมุขแห่งวังเทพรวมถึงบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็รวมอยู่ด้วยเช่นกัน!”
“จริงหรือ”
เจียงอี้รู้สึกสงสัย ช่างคุยโวเสียจริง
เวลานี้เอง หานเจวี๋ยได้เชิญเขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ
คราแรกเจียงอี้รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง หานเจวี๋ยจัดให้จินกังนู่มาสู้กับเขาในทันที หลังจากถูกเล่นงานอย่างหนักไปยกหนึ่ง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจียงอี้ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา เขาเริ่มหมกมุ่นอยู่กับแบบจำลองการทดสอบแล้ว
ไก่คุกรัตติกาลมองเจียงอี้ด้วยความตะลึง อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ถ้ายกคำพูดของนายมากล่าวก็คือ มีผู้ป่วยโรคเสพติดอินเทอร์เน็ตขั้นสาหัสมาเพิ่มอีกคนแล้ว”
โจวหมิงเยวี่ยส่ายหน้า หลุดขำออกมา “ยังจะมาบอกให้พวกเราใช้เขาเป็นเป้าหมายอีก คนผู้นี้ตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่บำเพ็ญเลย วันหน้าต้องถูกพวกเราแซงหน้าไปอย่างแน่นอน”
คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกขบขันเช่นกัน
พวกเขาล้วนแต่หมกมุ่นในแบบจำลองการทดสอบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย จึงเข้าใจถึงความรู้สึกหฤหรรษ์เช่นนั้นดี
การต่อสู้ที่ไม่จำเป็นต้องแลกด้วยชีวิต สำหรับผู้บำเพ็ญแล้วช่างมีแรงดึงดูดมหาศาลยิ่ง
การต่อสู้ภายในแบบจำลองการทดสอบสมจริงถึงเพียงนั้น ราวกับเป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะถูกฆ่าก็ไม่มีทางตาย และไม่เกิดผลกระทบในภายหลังด้วย
พลังวิเศษระดับนี้ ช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เคยพบพานมาก่อนเลยจริงๆ!
หานเจวี๋ยเห็นเจียงอี้เริ่มหมกมุ่นกับแบบจำลองการทดสอบแล้ว จึงไม่สนใจเขาอีก บำเพ็ญตบะต่อไป
….
สี่สิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับปฐมเทพขั้นสองเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว
ตอนนี้เขาเริ่มดูดซับแรงกรรมของแดนชำระบาปเก้าขุมอีกครั้ง ผานซินเองก็ไม่กล้ามารบกวนอีก
วันเวลาก็นับได้ว่าสงบสุขดี
หลังจากเจียงอี้เล่นสนุกกับแบบจำลองการทดสอบอยู่สิบปีก็ได้รับความสะเทือนใจอย่างหนัก เขาพบว่าภายในสำนักซ่อนเร้น ตนไม่ใช่ผู้ที่อยู่ลำดับสองรองลงมาจากหานเจวี๋ย เขาจึงทุ่มเทบำเพ็ญเพียรอย่างสุดกำลัง
ลูกศิษย์คนอื่นก็ยังคงเป็นเช่นที่ผ่านมา วิถีชีวิตไม่ได้ถูกการมาถึงของเจียงอี้และเผ่าเอการบกวนให้รวนเรไปเลย
ในวันนี้ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย
[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านได้รับสืบทอดมรดกของเทพีบรรพกาลซีหวังหมู่ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเรียนรู้พลังวิเศษของจักรพรรดิปีศาจ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสาวกลัทธิอันธการ] x32931
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]
[จั้งกูซิงสหายของท่านพยายามกลืนกินแม่น้ำมรรคกระบี่เผชิญกับการสะท้อนกลับ บาดเจ็บสาหัส]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับทหารเทพเผ่ามังกรแท้]
[ซูฉีศิษย์ของท่านหลอมร่างอับโชคสำเร็จ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านสังหารเผ่าพันธุ์โบราณ แรงกรรมเพิ่มพูน]
….
เมื่อหานเจวี๋ยอ่านทั้งหมดดูแล้ว รู้สึกได้ว่าแดนเซียนกำลังจะมีสีสันขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เจ้าสุนัขจู่ถูตัวนั้นยังคงสาปแช่งจักรพรรดิสวรรค์อยู่
รนหาที่ตายจริงๆ!
ถ้าให้เผชิญหน้ากับจู่ถู หานเจวี๋ยค่อนข้างลำบากใจอยู่บ้างจริงๆ
เขาไม่มีความรู้สึกดีหรือความเกลียดชังต่อจู่ถูและไม่ทราบถึงสถานการณ์ด้วย เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสาปแช่งจู่ถู
ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็แข็งแกร่งที่สุดในมหาเคราะห์
หานเจวี๋ยยังสนใจเรื่องที่จักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็เผชิญหน้ากับการโจมตีด้วย เห็นทีว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเองก็มีบุญคุณความแค้นเป็นของตัวเองเช่นกัน นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะมันจะทำให้คนผู้นี้ไม่มีเวลาว่างมาคิดวางแผนปองร้ายเขา
ยังมีจั้งกูซิงอีกคน ไม่น่าเชื่อว่าคิดจะกลืนกินแม่น้ำมรรคกระบี่ ช่างขวัญกล้าเหลือเกิน!
เมื่อก่อนหานเจวี๋ยคิดว่าจั้งกูซิงเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมที่ต้องการปกป้องแม่น้ำมรรคกระบี่ ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนความคิดแล้ว
ดูเหมือนการถูกคุมขังไว้ในวังเทพเป็นเวลาหลายปี จั้งกูซิงจะเผชิญกับการปลุกปั่นยั่วยุเข้าเสียแล้ว
เขาอ่านต่อไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลี่เต้าคงจะสังหารเผ่าพันธุ์โบราณ ว่ากันตามจริง หานเจวี๋ยไม่คิดว่าเขากำลังรนหาที่ตายเลย เพราะต่อให้แรงกรรมมากมายล้นฟ้า คาดว่าหลี่เต้าคงก็น่าจะมีวิธีขจัดแรงกรรมทั้งหมดทิ้งไปได้
แต่หานเจวี๋ยกลับรู้สึกอยู่เสมอว่าหลี่เต้าคงเป็นบุคคลที่น่าสงสาร
เขาเคยทำนายอนาคตมาหลายครั้ง หลี่เต้าคงไม่ใช่ผู้มีชัยคนสุดท้าย อีกทั้งผู้มีชัยคนสุดท้ายได้สังหารล้างบางสรรพสิ่ง นั่นก็แสดงว่าหลี่เต้าคงสิ้นชีพในมหาเคราะห์เช่นกัน
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะเตือนสติตัวเองไว้
ผู้ทรงพลังในที่แจ้งไม่น่าหวาดหวั่น แต่คนที่น่ากลัวคือพวกแกล้งทำตัวเป็นหมูหลอกกินเสือที่หลบอยู่ในมุมมืดพวกนั้นต่างหาก
ถึงแม้จะมีระบบอยู่กับตัว หานเจวี๋ยก็ไม่อาจประมาทได้ ถึงอย่างไรในอนาคตเหล่านั้น หายเจวี๋ยก็พลาดท่าล้มเหลว ไม่สามารถปกป้องคนที่ตนอยากปกป้องเอาไว้ได้
หลังจากสาปแช่งศัตรูเสร็จ หานเจวี๋ยก็บำเพ็ญต่อ
จากการประเมินของเขา เขาอยู่ห่างจากการทะลวงระดับปฐมเทพขั้นสองไม่มากแล้ว
กายดาราอนธการเลิศล้ำจริงๆ สามารถดูดซับแรงกรรมได้ และสามารถรับประกันได้ว่าความเร็วในการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยจะอยู่ในสภาวะที่รวดเร็วที่สุดอยู่เสมอ
โดยทั่วไปแล้วหากผู้ทรงพลังในระดับเทพต้องการฝ่าทะลวงขั้นสักระดับ ยากเย็นเพียงใดกันน่ะหรือ ก็ถึงขั้นที่อาจจะเนิ่นนานตราบฟ้าสิ้นดินสลายเลยทีเดียว แต่หานเจวี๋ยแตกต่างออกไป เพราะต่อให้บรรลุระดับเทพแล้ว เขาก็ยังสัมผัสได้ชัดเจนว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่งบำเพ็ญต่อได้ไม่เท่าไร ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ก็มีความเคลื่อนไหวขึ้นมา
จักรพรรดิสวรรค์ติดต่อมาหาเขา
หานเจวี๋ยเชื่อมต่อกระแสจิตสำนึก
“ระยะนี้เจ้ายังทำนายถึงเฮ่าเอ๋อร์ได้อยู่หรือไม่” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ตั้งแต่จักรพรรดิเซียนบุกมาในครั้งก่อน เฮ่าเอ๋อร์ก็ถูกจักรพรรดิปีศาจจับตัวไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสเลย เราพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ยังตามหาเขาไม่พบ และทำนายถึงเขาไม่ได้ จึงต้องมาสืบถามเอากับเจ้า”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิสวรรค์นึกโทษตัวเองอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เป็นตัวเขาเองที่ไม่ได้ปกป้องบุตรชายของตนเอาไว้ให้ดี
หลงเฮ่าถูกจักรพรรดิปีศาจลักพาตัวไปจากวังสวรรค์ สำหรับจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง แม้ว่าจักรพรรดิปีศาจจะมอดม้วยไปแล้วก็ตาม
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ข้าจะลองดู”
เขาเรียกใช้ระบบวิวัฒนาการอย่างเงียบเชียบ ‘ข้าอยากรู้ว่าหลงเฮ่าอยู่ที่ใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
มากขนาดนี้เชียว
เจ้าเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่จักรพรรดิเซียนสักหน่อย!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
แต่พอนึกถึงหลงเฮ่า เขาก็ปลงอีกครั้ง
ดำเนินการต่อ!
ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ไม่สามารถวิวัฒนาการอย่างแม่นยำได้ คาดคะเนได้เพียงพิกัดคร่าวๆ แดนเซียน ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้า]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
แค่นี้หรือ
เขาเอ่ยด้วยความจนปัญญา “ฝ่าบาท ข้าก็ไม่สามารถทำนายได้ว่าเขาอยู่ที่ใด แต่เท่าที่ข้าจับสัมผัสได้คล้ายว่าเขาจะอยู่ในชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้าของแดนเซียน”
“ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้างั้นหรือ แย่แล้ว!”
จักรพรรดิสวรรค์ตระหนกอย่างยิ่ง รีบจบบทสนทนาไปในทันที ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ หรือว่าจะมีความลับอันใดซ่อนอยู่ในชั้นฟ้าที่ยี่สิบเก้า
เขาเรียกดูค่าความสัมพันธ์พลางตรวจสอบรูปประจำตัวของหลงเฮ่า ก็พบว่าเขายังไม่ได้ถูกเฮ่าเทียนยึดร่าง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็คร้านจะกังวลแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ออกจากการปิดด่านไปไม่ได้
ยามนั้นที่หลงเฮ่าต้องการออกจากเกาะสำนักซ่อนเร้นไป มิได้ถูกบังคับขู่เข็ญ แต่เขาอยากออกไปเอง
หานเจวี๋ยช่วยได้เท่าที่ไหว หากพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย เช่นนั้นเขาก็จะไม่ประมาทเลินเล่อ
หลังจากเก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้ว หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญตนอย่างรวดเร็ว
เจ็ดปีผ่านไป
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รับรู้ถึงการโจมตีจากแรงสาปแช่งอันทรงพลังได้
เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
ผู้ใดมาหาเรื่องข้าอีกแล้ว
หานเจวี๋ยกระตุ้นบัวดำล้างโลกาสามสิบหกวัฏจักร ใช้แรงกรรมต้านแรงสาปแช่ง
………………………………………………………………