ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 375 ผู้ฝ่าเคราะห์นับร้อย
บทที่ 375 ผู้ฝ่าเคราะห์นับร้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของตี้หล่านเทียน หานเจวี๋ยอยากติดต่อไปหาจักรพรรดิสวรรค์ยิ่งนัก แต่นึกขึ้นได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์เคยบอกไม่ให้ติดต่อไปอีก เขาจึงละทิ้งความคิดนี้ไป
ทำไมเขาชอบซุบซิบนินทาขนาดนี้
ไม่ถูกสิ!
ทำไมเขาถึงห่วงใยจักรพรรดิสวรรค์ขนาดนี้!
หานเจวี๋ยไม่คาดคิดเลยว่าวังปีศาจที่สิ้นท่าไปแล้วจะผงาดขึ้นมาได้อีก แถมยังก่อตั้งวังสวรรค์อีกแห่งขึ้นมาประชันกับวังสวรรค์อีก!
หานเจวี๋ยอยากวิวัฒนาการหาผู้มีชัยยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาเคราะห์ขึ้นมาทันที จะกลายเป็นเผ่าเทพอีกาทองหรือไม่
เขาส่ายหน้า
คิดว่าคงไม่อาจคาดการณ์ฉากจบของมหาเคราะห์ได้ง่ายๆ อีกต่อไป ยิ่งเสี่ยงจะโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่เขาต้องทำคือปกป้องคนใกล้ชิดให้ดีเท่านั้น
หานเจวี๋ยไม่คิดจะไปถามเจียงอี้ พยายามเลี่ยงไม่ให้ดูเหมือนตนใส่ใจต่อสถานการณ์ของมหาเคราะห์เกินไปนัก
เขาไม่อาจให้ตัวเองถูกสงสัยว่าเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้
หากมีคนสงสัยขึ้นมา อริยะอาจจะอาศัยความคิดเหล่านี้นึกโยงมาหาเขา
อริยะทำได้ทุกอย่าง การอ่านความคิดของสรรพสิ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
เวลาดำเนินต่อไป
ผ่านไปราวๆ ยี่สิบปี ผู้ทรงพลังระดับเทพส่วนหนึ่งของนิกายเจี๋ยเริ่มวิ่งไปทั่วแดนชำระบาปเก้าขุม ถึงขั้นที่เฉียดผ่านเกาะสำนักซ่อนเร้นด้วย โชคดีที่เกาะสำนักซ่อนเร้นเล็กจ้อย จึงไม่ถูกค้นพบ
ขอเพียงไม่ค้นพบเกาะสำนักซ่อนเร้น หานเจวี๋ยก็จะถือเสียว่าพวกเขาไม่มีตัวตน
แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง คือยามที่ผู้ทรงพลังนิกายเจี๋ยเข้ามาใกล้ หานเจวี๋ยจะไม่กล้าดูดซับแรงกรรมนอกเกาะ
ในวันนี้ หานเจวี๋ยหยุดการบำเพ็ญ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ตรวจดูจดหมายไปด้วย
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านวิญญาณหวนคืนกาย พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน เข้าสู่ระดับจักรพรรดิ]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x7820
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเปิดรายนามสถาปนาเทพ ปลดปล่อยวิญญาณเทพเซียนสวรรค์บรรพกาล]
[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านได้รับดวงชะตาเผ่ามังกรแท้ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านเขาร่วมวังสวรรค์เผ่าปีศาจ]
[เต้าจื้อจุนสหายของท่านปลุกคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล สายเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[ซูฉีศิษย์ของท่านยกระดับคุณสมบัติเทพ โชคร้ายเพิ่มพูน]
….
โชควาสนาหลั่งไหลเข้ามาสารพัด ทำให้รู้สึกว่าแต่ละคนล้วนสามารถเขียนนิยายภาคแยกของตัวเองออกมาได้เลย
พระเอกนิยายบู๊สินะ
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็เริ่มคาดหวังขึ้นมา ยามที่มหาเคราะห์บรรลุถึงจุดสูงสุดเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรกัน
หมู่มารออกอาละวาด
มหาศึกเทวชะตา
อันตรายเหลือเกิน!
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าแม้พรสวรรค์ของตนจะไม่เป็นสองรองใคร แต่ถ้าเข้าสู่เคราะห์กรรม คาดว่าคงเอาตัวรอดได้ยากเช่นกัน โชคดีที่เขาเลือกหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมเก็บตัวบำเพ็ญตั้งแต่แรก
[ตรวจพบว่ามีผู้ฝ่าเคราะห์มากว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง เข้าสู่เคราะห์กรรมทันที กลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]
[สอง ไม่เข้าสู่เคราะห์กรรมชั่วคราว หลีกห่างจากการต่อสู้ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]
ร้อยคนหรือ
มากขนาดนี้เชียว
หานเจวี๋ยตกตะลึงอยู่ในใจ เขาก็ว่าแล้วว่าทำไมบังเอิญขนาดนี้ เหล่าสหายต่างกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
ไม่คิดเลยว่าผู้ฝ่าเคราะห์ในหมู่สหายของเขาจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น
หานเจวี๋ยคล้ายจะมองเห็นเงาร่างองอาจกลุ่มหนึ่งยืนอยู่เหนือมรรคาสวรรค์ ก้มหน้ามองปวงสวรรค์หมื่นโลกา ใช้สรรพสิ่งต่างตัวเบี้ย ผู้ฝ่าเคราะห์ก็คือตัวหมากในมือของพวกเขา ทุกหมากที่วางลงไป จะก่อคลื่นลมให้มหาเคราะห์
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบงัน
ตอนนี้ เขารวบรวมชิ้นส่วนมหามรรคได้ครบเก้าชิ้นอีกครั้ง!
หานเจวี๋ยหลอมรวมชิ้นส่วนมหาเคราะห์ทั้งเก้าเข้าด้วยกัน เริ่มทำความเข้าใจยอดมรรควิถีทันที
เขามีวิชายุทธ์สำหรับฝึกบำเพ็ญแล้ว ครั้งนี้ เขาต้องการตระหนักรู้พลังวิเศษ!
เขานึกถึงพลังวิเศษเข้าฝันของจักรพรรดิสวรรค์และหนี่ว์วา
เขาก็อยากได้พลังวิเศษเช่นนี้
เขาจะได้ใช้ตัวตนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้สะดวก
ไม่ก่อบ่วงกรรมเลยจะดีที่สุด อริยะจะได้ทำนายไม่พบ!
การตระหนักรู้มหามรรค น่าจะทำให้สรรค์สร้างพลังวิเศษที่เหนือว่าระดับอริยะได้!
หานเจวี๋ยโอบอุ้มความคิดนี้ไว้ จิตสำนึกเข้าสู่สภาวะมายาอย่างหนึ่ง
….
พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์ถือม้วนภาพไว้ในมือ คล้ายจะใช้ความคิดอยู่ จู่ๆ เขาก็เงยหน้ามองออกไป
มองเห็นเมฆาม่วงปรากฏขึ้นตรงขอบฟ้านอกตำหนัก ช่างงดงามดั่งภาพวาด
จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว พึมพำว่า “มีผู้ทรงพลังถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว”
ปรากฏการณ์เช่นนี้บุตรแห่งสวรรค์ทั่วไปไม่มีทางก่อให้เกิดขึ้นมาได้ นอกจากคุณสมบัติแล้ว ยังต้องมีตบะอันแข็งแกร่งด้วย
ปรากฏการณ์เช่นนี้ คล้ายเมื่อพันปีก่อนก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
เวลานี้เอง
เงาร่างหนึ่งเหาะเข้ามาในตำหนัก เป็นยอดแม่ทัพเทพนั่นเอง
ยอดแม่ทัพเทพสวมเกราะเงินงดงามวิจิตร เสื้อคลุมที่ปลิวไสวอยู่ด้านหลังราวกับเปลวเพลิง บนกวานครอบผมปักปิ่นหงส์ไว้สองเล่ม แกว่งไกวไปมา
เขาทำความเคารพจักรพรรดิสวรรค์อย่างนอบน้อมพลางเอ่ยว่า “ฝ่าบาท เผ่ามังกรแท้ประกาศแล้วว่าจะเข้าร่วมวังมังกรของหลงเฮ่า มิใช่แค่เผ่ามังกรแท้ เผ่าปีศาจทะเลก็เข้าร่วมวังมังกรเช่นกัน อิทธิพลของพวกเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
จักรพรรดิสวรรค์หรี่ตากล่าววาจา “วังมังกร เด็กคนนี้ฉลาดนัก ดึงเผ่ามังกรมาเข้าพวกได้เช่นนี้”
ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยถาม “ต้องจัดการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ อาศัยโอกาสนี้ แตกหักกันไปตรงๆ”
“ไม่ต้อง หากวังสวรรค์โดดเดี่ยว จะมิใช่เรื่องดี”
“นิกายเจี๋ยอพยพหนี ทั้งสำนักเข้าสู่แดนชำระบาปเก้าขุม ท่าทีของนิกายฉ่านก็แปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกมีนัย”
“สำนักเต๋าทั้งสองนิกายต่างมีความทะเยอทะยานในแบบของตน ถึงอย่างไรวังสวรรค์ก็เอาชนะวังเทพและวังปีศาจได้แล้ว พวกเขาจะไปก็ไปเถอะ เรายังกลัวต้องช่วยพวกเขาใช้หนี้กรรมด้วยซ้ำ”
ยอดแม่ทัพเทพพยักหน้ารับ
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม “ได้พบจักรพรรดิสวรรค์รุ่นก่อนๆ หรือไม่”
ยอดแม่ทัพเทพตอบว่า “พบพ่ะย่ะค่ะ เฮ่าเทียนก็ด้วย”
“ผู้ใดเลือกเจ้า”
“ตี้จวินพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้”
สีหน้าจักรพรรดิสวรรค์แปรเปลี่ยนเล็กน้อย แววตาวูบไหว
ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยต่อไป “ตี้จวินถ่ายทอดพลังวิเศษให้ข้า บอกข้าว่า มหาเคราะห์ครานี้เป็นกระดานหมากเดิมพันเกมแรกของเหล่าอริยชน ขอเพียงวังสวรรค์ไม่ล่มสลาย ก็นับว่าได้รับชัย”
จักรพรรดิสวรรค์ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“ตี้จวินยังบอกอีกว่า หานเจวี๋ยที่ท่านพาไปสดับฟังโอวาทด้วยก่อนหน้านี้คือตัวแปร หวังว่าท่านจะยึดกุมไว้ให้มั่น” เมื่อยอดแม่ทัพเทพเอ่ยประโยคนนี้จบ เขาก็เริ่มใช้ความคิดเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาใคร่ครวญเรื่องนี้มาตลอด
จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้ม เอ่ยว่า “เรารู้อยู่แต่แรกแล้ว ต่อไปเจ้าก็ฝึกฝนพลังวิเศษของตี้จวินให้ดีเถอะ พยายามแข็งแกร่งขึ้นให้เท่าแม่ทัพเทพสวรรค์ในเร็ววัน เราไว้ใจเจ้าที่สุด อย่าทำให้เราผิดหวัง”
“เกล้ากระหม่อมรับบัญชา!”
ยอดแม่ทัพเทพประสานมือคารวะ จากนั้นหันหลังจากไป
จักรพรรดิสวรรค์เงยหน้ามองเมฆาม่วงนอกตำหนัก ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยว่า “จะมาก็มาเถิด ยิ่งวุ่นวายเท่าไรก็ยิ่งดี มอบโอกาสให้เราได้พักผ่อนเสียที”
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในแดนเซียนล้วนถูกปรากฏการณ์มรรคาสวรรค์ทำให้ตกใจ
มิใช่แค่แดนเซียนเท่านั้น แดนสรวงหมื่นโลกาต่างเห็นกันทั่ว
แม้แต่ในยมโลกและแดนชำระบาปเก้าขุมก็มองเห็นเช่นกัน
ดวงตาของจอมปีศาจคุกรัตติกาลมองทะลุอาณาเขตเต๋าออกไป เห็นเมฆาม่วงเหนือแดนชำระบาปเก้าขุม อดไม่ได้จะเอ่ยด้วยความปลดปลง “มหาเคราะห์ก็คือมหาเคราะห์ ยอดฝีมือสารพัดรูปแบบปรากฏตัวขึ้นไม่ขาดสาย”
เจียงอี้เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ถ้าให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าก็สามารถกลายเป็นตัวตนสุดแข็งแกร่งในมหาเคราะห์ได้เช่นกัน”
ไก่คุกรัตติกาลกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ยอดผู้แข็งแกร่งในมหาเคราะห์ครั้งก่อนตายไปแล้ว เจ้าอยากเจริญรอยตามเขาหรือ ดูเหมือนเจ้าจะเอาชนะจักรพรรดิเซียนแห่งเผ่าเทพอีกาทองไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ใบหน้าเจียงอี้เขียวครึ้มขึ้นมาในทันที
เขาปวดใจกับเรื่องนี้มาโดยตลอด หลังจากไก่คุกรัตติกาลรู้เรื่องนี้เข้า ก็หยิบเอาเรื่องนี้มาทิ่มแทงเขาเป็นประจำ ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน
จู่ๆ มู่หรงฉี่ก็กล่าวด้วยความสะท้อนใจ “แดนเซียนวุ่นวายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของฟางเหลียงจะเป็นอย่างไร”
เมื่อเอ่ยถึงฟางเหลียง ศิษย์ที่เหลือก็พากันสะท้อนใจเช่นกัน ต่างนึกตำหนิฟางเหลียงว่าเหตุใดไม่กลับมาพร้อมกับมู่หรงฉี่
ในยามนี้
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยยังคงทำความเข้าใจยอดมรรควิถีอยู่
ภายใต้สภาวะตระหนักมหามรรค แรงบันดาลใจนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ในสมองของหานเจวี๋ย ค่อยๆ ก่อตัวกลายเป็นพลังวิเศษที่เขาครุ่นคิด ทั้งซับซ้อนและลึกลับ ทำให้เขาจมดิ่งอยู่ในภวังค์
………………………………………………………………