ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 389 ศึกคนชนเทพ ต้นโพธิ์สรรพสิ่ง
บทที่ 389 ศึกคนชนเทพ ต้นโพธิ์สรรพสิ่ง
หลังจากศิษย์ใหญ่แห่งนิกายเหรินพูดจบ เทพเซียนที่เหลือต่างพากันออกเสียง บ้างก็สนับสนุนให้ปราบปรามเผ่ามนุษย์ บ้างก็เสนอให้ส่งเทพเซียนไปเกลี้ยกล่อมเผ่ามนุษย์
ทุกคนพูดกันไปต่างๆ นานา ทำให้พระราชวังเทียมเมฆาเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกครั้ง
จักรพรรดิสวรรค์รับฟังเงียบๆ ตัวเขาเองก็กำลังใคร่ครวญถึงปัญหาข้อนี้อยู่
หากว่าจัดการเผ่ามนุษย์ ปัญหาจะลุกลามลากโยงมากมายเกินไป
เทพเซียนส่วนใหญ่ของวังสวรรค์ในปัจจุบันล้วนมาจากเผ่ามนุษย์ หากพุ่งเป้าไปที่เผ่ามนุษย์ จะต้องเกิดความหมางใจในกองทัพอย่างแน่นอน
หากปล่อยให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น เทพเซียนเหล่านี้อาจจะทรยศวังสวรรค์ หวนคืนสู่เผ่ามนุษย์
สองทางนี้ต่างเลือกได้ยากนัก
ผ่านไปเนิ่นนาน
จักรพรรดิสวรรค์ถึงยกมือขึ้น เทพเซียนทั้งหมดในพระราชวังเทียมเมฆาต่างเงียบลง
เขาเปิดปากเอ่ยช้าๆ “ส่งคำเตือนไปยังเผ่ามนุษย์ หากดื้อรั้นดึงดันต่อไป เช่นนั้นวังสวรรค์จะแสดงให้โลกมนุษย์ได้เห็นถึงอำนาจของเทพเซียน!”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา สีหน้าของเหล่าเทพเซียนต่างเกิดความเปลี่ยนแปลง มีความคิดแตกต่างกันไป
….
เจ็ดปีต่อมา
ขณะที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญอยู่ ฉับพลันก็มีข้อความเด้งขึ้นมาสี่แถว
[ตรวจพบว่าวังสวรรค์เปิดศึกกับมนุษย์ทั้งเผ่าพันธุ์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง สนับสนุนเผ่ามนุษย์ ช่วยเผ่ามนุษย์ช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
[สอง สนับสนุนวังสวรรค์ ช่วยเทพเซียนช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[สาม เก็บตัวบำเพ็ญ ไม่เข้าสู่เคราะห์กรรมเด็ดขาด จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น ได้รับของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]
วังสวรรค์เปิดศึกกับเผ่ามนุษย์?
หานเจวี๋ยอดนึกย้อนกลับไปเมื่อสี่พันกว่าปีก่อนไม่ได้ ยามที่วังสวรรค์ปิดล้อมโลกมนุษย์ เขาก็เคยเข้าร่วมเผ่ามนุษย์ต่อสู้กับเทพเซียน
ถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์จะมีบุญคุณต่อหานเจวี๋ย แต่หานเจวี๋ยไม่มีทางลืมเลือนทัศนคติของเหล่าเทพเซียนผู้สูงส่ง หากมิใช่เพราะเขาแสดงพรสวรรค์ให้เห็น โลกเขย่าพิภพคงสูญสิ้นไปนานแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ก็คงไม่ดีต่อเขาเช่นนี้ด้วย
นี่ต่างหากที่เป็นความจริง
หานเจวี๋ยครุ่นคิดพลางตัดสินใจเลือกข้อที่สามอย่างเงียบงัน
ไม่สนใจมนุษย์ทั้งเผ่าพันธุ์ สนใจเพียงเผ่ามนุษย์แห่งโลกเขย่าพิภพ เขายังไม่สามารถกางปีกปกป้องเผ่ามนุษย์ทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกาได้
เขาจดจำบุญคุณของจักรพรรดิสวรรค์ แต่ไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อวังสวรรค์มากมายนัก
แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาไม่อยากเสี่ยงอันตราย
[ยินดีด้วย ท่านได้รับชิ้นส่วนมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น ได้รับของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วยท่านได้รับต้นโพธิ์สรรพสิ่ง]
[ต้นโพธิ์สรรพสิ่ง: ต้นไม้เทพยุคบรรพกาล หากฝึกบำเพ็ญใต้ต้นไม้ สามารถยกระดับทักษะความเข้าใจได้ ในขณะเดียวกันยังเป็นบ่อเกิดของปราณฟ้าประทานด้วย]
ต้นไม้นี้ไม่เลวเลย!
หานเจวี๋ยนำต้นโพธิ์สรรพสิ่งออกมา ตอนนี้ยังเป็นเพียงต้นกล้าเท่านั้น
เขาลุกขึ้นถือต้นโพธิ์สรรพสิ่งก้าวออกจากถ้ำ ชาวสำนักซ่อนเร้นเห็นเขาออกมา ต่างลุกขึ้นอย่างอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
หานเจวี๋ยไม่สนใจพวกเขา มุ่งหน้าไปยังกลางเนินเขา คนอื่นๆ ก็ตามขึ้นไปด้วย คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงกลางเนินเขา หานเจวี๋ยปลูกต้นโพธิ์สรรพสิ่งลงไป
ฉู่ซื่อเหรินเพ่งพินิจแวบหนึ่ง อุทานออกมา “นี่คือต้นโพธิ์สรรพสิ่งกระมัง ซ้ำยังระดับสูงนักยิ่ง ต่อให้เป็นสำนักพุทธเองก็ยังไม่มีต้นโพธิ์สรรพสิ่งระดับสูงเช่นนี้เลย!”
คนอื่นๆ ต่างอดไม่ได้ที่จะจ้องมองต้นโพธิ์ด้วยความสนใจใคร่รู้
หานเจวี๋ยเปิดปากเอ่ย “ต้นไม้นี้ผลิตปราณฟ้าประทานที่เหมาะสมสำหรับการฝึกบำเพ็ญของระดับเทพ และเพิ่มทักษะความเข้าใจของพวกเจ้าได้ พวกเจ้าทุกคนต้องดูแลมันให้ดี นี่คือยอดสมบัติสำหรับการบำเพ็ญของพวกเจ้า ขอเพียงมันเติบใหญ่แข็งแรง จะมีส่วนช่วยเหลือพวกเจ้ามหาศาลยิ่ง แต่ก่อนที่มันจะเติบใหญ่อย่างเต็มที่ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาฝึกบำเพ็ญใกล้ๆ มัน แย่งชิงพลังวิญญาณของมัน เข้าใจหรือไม่”
ทุกคนต่างพยักหน้ารับ สายตาที่มองต้นโพธิ์สรรพสิ่งร้อนแรงขึ้นมา
ต้นไม้เทพเช่นนี้ พวกเขาคนใดบ้างเล่าจะไม่รู้สึกหวั่นไหว
หานเจวี๋ยไม่พูดมากอีก หันหลังจากไป ทุกคนเข้ามารุมล้อมต้นโพธิ์สรรพสิ่งพลางชี้ไม้ชี้มือ
พวกเขาล้วนรู้สึกแปลกใจยิ่งนักที่หานเจวี๋ยนำยอดสมบัติเช่นนี้มาได้
โดยทั่วไปหานเจวี๋ยปิดด่านอยู่ตลอด แล้วไปได้ยอดสมบัติเช่นนี้มาจากไหน
วังสวรรค์มอบให้หรือ
เป็นไปไม่ได้!
จากคำพูดของฉู่ซื่อเหริน วังสวรรค์ไม่มีทางล่ำซำได้เช่นนี้
หากมอบต้นโพธิสรรพสิ่งให้กลุ่มอิทธิพลระดับเจ้าจักรวรรดิกลุ่มใดก็ตาม ล้วนจะกลายเป็นยอดสมบัติที่มีค่าควรสำนัก
ไก่คุกรัตติกาลยิ้มผยองเอ่ยวาจา “บอกแล้วว่านายท่านคือบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด!”
ฉู่ซื่อเหรินแหวใส่ “อย่าเอ่ยถึงบรรพชนเต๋าส่งเดช ไม่ว่าจะใช่บรรพชนเต๋าหรือไม่ ก็ไม่ควรพูดทั้งนั้น ระวังสวรรค์จะพิโรธเอา!”
คนอื่นๆ ถูกขู่จนหงอแล้ว
แม้แต่บรรพชนพุทธก็คิดว่าหานเจวี๋ยคือบรรพชนกลับชาติมาเกิดหรือ
หานเจวี๋ยที่อยู่ระหว่างเดินกลับไปสะดุ้งโหยง เขาจะกลายเป็นบรรพชนเต๋าไปได้อย่างไร
โชคดีที่ฉู่ซื่อเหรินปรามไว้ได้ทัน จะปล่อยให้คำพูดเช่นนี้แพร่ออกไปไม่ได้ อย่างมากก็คุยเล่นกันไปเรื่อยในอาณาเขตเต๋าเท่านั้น ส่งเสริมภาพลักษณ์ตัวตนของหานเจวี๋ยในใจของชาวสำนักซ่อนเร้น แต่จะปล่อยให้แพร่กระจายออกไปไม่ได้เด็ดขาด หากเป็นเช่นนั้นจะวุ่นวายยิ่งนัก
หานเจวี๋ยเดินมาถึงใต้ต้นฝูซัง เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้การบำเพ็ญอย่างไรบ้าง”
ต้นฝูซังสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ยอดเยี่ยมยิ่ง พากเขาต่างแวะเวียนมาชี้แนะข้าเป็นครั้งคราว เพียงแต่ข้าไม่อาจแปลงกายได้”
น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความเศร้าซึม มันก็อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ เคลื่อนไหวอิสระเสรี จนปัญญาที่มันเป็นต้นไม้เทพมรรคาสวรรค์ ถูกควบคุมโดยกฏเกณฑ์มรรคาสวรรค์ ไม่มีทางจำแลงร่างแปลงกายได้
หากมันทำได้ เช่นนั้นมิใช่ว่าเขาเทพปู้โจวในตำนานก็สามารถแปลงกายได้หรอกหรือ
มิใช่ทุกตัวตนใต้ร่มมรรคาสวรรค์ที่เพียงฝึกบำเพ็ญก็สามารถแปลงกายได้
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “อันที่จริงนี่ก็ถือเป็นเรื่องดี ทำให้เจ้าอยู่ห่างไกลจากเภทภัย สงบใจฝึกบำเพ็ญไปเถิด ต้องมีสักวันที่เจ้าจะสามารถทลายข้อผูกมัด แปลงกายเป็นมนุษย์ เสพสุขกับอิสระได้”
ต้นฝูซังก็ได้แต่คิดเช่นนี้ หาสุขจากทุกข์
พูดคุยกันอยู่สักพัก หานเจวี๋ยถึงได้กลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ฝึกบำเพ็ญต่อดีกว่า!
….
เวลาล่วงเลยไป
ผ่านไปอีกยี่สิบปี
ระหว่างที่หานเจวี๋ยบำเพ็ญอยู่ เผ่ามนุษย์ในแดนเซียนเปิดศึกกับวังสวรรค์ แม้แต่สิงหงเสวียนก็เผชิญกับการโจมตีจากทหารสวรรค์ด้วย
หลงเฮ่าและตี้หล่านเทียนคล้ายจะล่าถอยไปแล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก
ลัทธิอันธการให้ความช่วยเหลือวังสวรรค์อยู่ตลอด ร่วมหัวจมท้าย ที่วังสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องยกความดีความชอบให้พวกเขา
เซวี่ยหมิงเหอต้องการให้วังสวรรค์ลำพองตัวจริงๆ
หานเจวี๋ยทราบดี กลุ่มอิทธิพลพุ่งเป้ามาที่วังสวรรค์มากมายเกินไป หากจักรพรรดิสวรรค์อยากอยู่รอดจากมหาเคราะห์ครั้งนี้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงฝ่าฟันความยากลำบาก เอาชนะจนได้รับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่
หากวังสวรรค์มีชัย ก็ไม่มีทางกวาดล้างเผ่ามนุษย์จนสิ้นซาก
ดังนั้นเขาจึงไม่ขัดขวางเซวี่ยหมิงเหอ ปล่อยเลยตามเลยไป
หากว่าจักรพรรดิสวรรค์มีชัยในมหาเคราะห์ด้วยเหตุนี้ เช่นนั้นก็นับว่าหานเจวี๋ยได้ทดแทนคุณแล้ว ไม่ติดค้างกันอีก
ส่วนที่ว่าวันหน้าจะเข้าสู่วังสวรรค์หรือไม่ เขาต้องคิดดูก่อน
วังสวรรค์ช่างหาเรื่องเกินไป!
หากเข้าร่วมวังสวรรค์ จะส่งผลกระทบต่อมรรคจิตของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยยังอยู่ห่างไกลจากระดับปฐมเทพห้าวัฏพอสมควร แต่ความฮึกเหิมของเขากลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในวันนี้
จู่ๆ หานเจวี๋ยพลันสัมผัสถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งที่โถมเข้าสู่แดนชำระบาปเก้าขุม
“ข้าคือตี้หล่านเทียน หัวหน้าเผ่าเทพอีกาทอง นับตั้งแต่วันนี้ไปเผ่าเทพอีกาทองจะเข้ามาตั้งรกรากในแดนชำระบาปเก้าขุม หวังว่านิกายเจี๋ยและเผ่าวิหคชาดจะไม่มารบกวน!”
เสียงของตี้หล่านเทียนดังก้องไปทั่วแดนชำระบาปเก้าขุม ฟังดูโอหังอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยฟังแล้วพลันรู้สึกหมดคำพูด เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน
จากนั้นเขาก็หวั่นวิตก
เหตุใดตี้หล่านเทียนถึงมา
หรือเจียงอี้ลอบรายงานข่าวให้
หานเจวี๋ยเรียกเจียงอี้เข้ามาทันที
เมื่อเจียงอี้เข้ามาในถ้ำ ก็ชิงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เกี่ยวกับข้า! ข้าไม่ได้เปิดเผยว่าสำนักซ่อนเร้นอยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุม! นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่เคยติดต่อกับเผ่าเทพอีกาทองอีกเลย”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เจียงอี้รู้สึกหวั่นวิตกอย่างน่าประหลาด กลัวว่าหานเจวี๋ยจะไล่เขาไป
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “จากนั้นเล่า”
เจียงอี้บอกเล่า “ข้าแสร้งทำเป็นไม่ทราบเรื่องนี้ และข้าก็ไม่เคยออกไปหาเผ่าอีกาทองเลยตอนนี้พวกเขากำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ข้ากลัวว่าจะถูกลากไปเกี่ยวด้วย”
………………………………………………………………