ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 401 ความพิเศษของดวงจิตประหลาด คู่สร้างคู่สม
บทที่ 401 ความพิเศษของดวงจิตประหลาด คู่สร้างคู่สม
หานเจวี๋ยอยากหนีออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่จู่ๆ ก็เกิดใจกล้าขึ้นมา
เจ้าดวงจิตประหลาดนี่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสติปัญญา สามารถนำมาใช้งานได้หรือไม่
ไม่หรอก! ถ้ามันง่ายดายขนาดนั้น เหตุใดอริยะไม่เก็บเอาไว้ใช้เองเล่า
หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการอย่างระแวดระวัง พร้อมถามในใจว่า ‘หากข้าปราบดวงจิตประหลาด จะมีอันตรายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[เบื้องต้นไม่มี]
คำสี่คำลอยขึ้นมาตรงหน้าของหานเจวี๋ย
‘หากข้าปราบดวงจิตประหลาด จะมีผลกรรมเกี่ยวข้องกับผู้อื่นหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
นี่จะผลาญอายุขัยกันหรือ
หัวใจของหานเจวี๋ยเริ่มหลั่งเลือด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น อย่างไรเสียอายุขัยของเขาก็ยืนยาว
[ไม่มีผลกรรมอื่นๆ ที่ข้องเกี่ยวในขณะนี้]
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาเริ่มแบบจำลองการทดสอบ เพื่อทดสอบการต่อสู้ระหว่างดวงจิตประหลาดกับเขา
หนึ่งวินาทีต่อมา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าเปี่ยมด้วยความเบิกบานใจ
ดวงจิตประหลาดไม่มีทักษะการต่อสู้ ถูกเขาสังหารในทันที เช่นนี้ก็ปราบได้!
หลังจากที่หานเจวี๋ยตรวจพบที่อยู่ของดวงจิตประหลาดแล้ว เขาก็ส่งจิตรับรู้ตรงเข้าไปในถ้ำเทวา
มันคือมวลอากาศสีดำทะมึน มีรูปร่างเหมือนคน ลอยคว้างอยู่เบื้องหน้าของหานเจวี๋ย ดูแปลกประหลาดสุดขีด
ทันทีที่มันเข้ามา อุณหภูมิภายในถ้ำก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
ดอกพลับพลึงแดงเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยสะดุ้งสุดตัว รีบใช้บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรสะกดดวงจิตประหลาดเอาไว้ทันที เพื่อไม่ให้ดอกพลับพลึงแดงนับพันดอกตายหมดเกลี้ยง
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็พบว่าเจ้าดวงจิตประหลาดสามารถดูดซับแรงกรรมได้เหมือนกันกับเขา!
สุดยอด!
หานเจวี๋ยเริ่มคาดหวังกับพรสวรรค์ในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของมัน
แต่ก่อนอื่น หานเจวี๋ยต้องใช้ตราประทับหกวิถีสยบดวงจิตประหลาดให้ได้เสียก่อน
ดวงจิตประหลาดไม่มีสติปัญญา เมื่อเผชิญหน้ากับตราประทับหกวิถี มันก็ไม่ต่อต้านแม้แต่น้อย
‘ทำไมถึงไม่มีใครค้นพบดวงจิตประหลาดเลย’ หานเจวี๋ยเกิดความคิดสุดประหลาดขึ้นมาในหัว
[ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของดวงจิตประหลาด]
‘เก่งกาจถึงเพียงนี้เชียว หรือเป็นเพราะระบบที่ยอดเยี่ยมกันแน่’ หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็เกิดความคิดบางอย่าง จึงเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา
“เจ้ามองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของข้าหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม
ดวงจิตประหลาดคั่นกลางระหว่างทั้งสองคน บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรเปล่งแสงชั่วร้ายส่องไปทางดวงจิตประหลาด
อู้เต้าเจี้ยนตอบ “บัลลังก์ดอกบัวของท่านเปล่งแสงหรือเจ้าคะ”
“นอกเหนือจากนั้นล่ะ”
“ไม่มีแล้วนะเจ้าคะ”
อู้เต้าเจี้ยนดูสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่หานเจวี๋ยถาม
หานเจวี๋ยไล่นางออกไป แล้วให้คนอื่นเข้ามาทีละคน
ไม่นานเขาก็ได้รู้สิ่งหนึ่ง นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครเห็นดวงจิตประหลาด หรือกระทั่งรับรู้ถึงกลิ่นอายของมันด้วยซ้ำ!
ขนาดคนของสำนักซ่อนเร้นยังไม่รู้ถึงตัวตนของดวงจิตประหลาด จักรพรรดิเซียนก็ยิ่งไม่มีทางสัมผัสถึงตัวตนของมันได้
นี่มันน่าทึ่งสุดๆ เลย!
หานเจวี๋ยลูบคาง พลางครุ่นคิด ‘เป็นเพราะกายดาราอนธการของข้า หรือเป็นเพราะระบบกันนะ’
[ระบบเป็นเพียงตัวช่วย ไม่ใช่พลังวิเศษ]
‘เจ้ามันน่าสมเพชกว่าพลังวิเศษเสียอีก!’ หานเจวี๋ยบ่นกระปอดกระแปดในใจ เช่นนั้นก็หมายความว่าตัวตนเทพมารอนธการของเขาสูงส่งกว่าดวงจิตประหลาด
ทว่าในทางกลับกัน แท้จริงแล้วระบบเป็นตัวตนเช่นไรกันแน่
หานเจวี๋ยถามในใจ “ระบบแข็งแกร่งกว่าบรรพชนเต๋าหรือไม่”
[ความแข็งแกร่งของระบบจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของท่าน ยิ่งท่านแข็งแกร่งขึ้นระบบก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ปัจจุบันระบบไม่สามารถต้านทานพลังของบรรพชนเต๋าได้]
หานเจวี๋ยยิ่งรู้สึกสงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิม
‘ระบบจะไม่ถูกแปรเปลี่ยนโดยมหามรรคบางประการใช่หรือไม่’ หากระบบไม่ตอบคำถามดังกล่าว เขาก็ไม่อาจรู้ชัดได้
หากเขาอยากเข้าใจความจริงของระบบอย่างถ่องแท้ เขาก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
หานเจวี๋ยมุ่งความสนใจไปยังดวงจิตประหลาดอีกครั้ง
…
สิบปีต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ประทับตราประทับหกวิถีไว้ในส่วนลึกของดวงจิตประหลาดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อาจลบล้างได้
เขาฝึกบำเพ็ญต่อ ส่วนดวงจิตประหลาดถูกพลังเวทปฐมเทพห่อหุ้มเอาไว้ ราวกับสวมเสื้อผ้าชั้นหนึ่ง ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อดอกพลับพลึงแดง
ในตอนแรกดวงจิตประหลาดไม่ได้เตร็ดเตร่ไปไหนมาไหน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เริ่มเคลื่อนไหว
ก่อนอื่นมันเริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ เข้ามาใกล้หานเจวี๋ยบ้าง ออกไปดูวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าบ้าง ราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผันผ่านไปอีกสี่สิบปี
หานเจวี๋ยอยู่ไม่ไกลจากปฐมเทพขั้นระดับหกแล้ว ผ่านมาสองร้อยกว่าปีจากการทะลวงระดับครั้งล่าสุด เขายังคงรักษาความเร็วในการทะลวงระดับไว้ได้เป็นอย่างดี
หากบรรลุระดับปฐมเทพขั้นหกได้แล้ว ระดับต้าหลัวก็อยู่ไม่ไกล!
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ดวงจิตประหลาดคล้ายจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา มันเข้ามาใกล้โดยสัญชาตญาณ และถูไถแผ่นหลังของเขา
หานเจวี๋ยรู้สึกเพลิดเพลิน ‘เจ้านี่กำลังนวดให้ข้าอยู่หรือ แต่จะว่าไปก็นวดสบายดีเหมือนกันนะเนี่ย!’
นวดอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเขาสามารถปลูกฝังและฝึกให้ดวงจิตประหลาดเรียนรู้ในด้านนี้ได้ เพื่อที่ต่อไปมันจะได้รับใช้เขาหลังจากการฝึกบำเพ็ญได้
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปได้
ในตอนนั้นเองหานเจวี๋ยก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนในอาณาเขตฟ้าบุพกาลกำลังเรียกตัวเขา
นอกจากเต้าจื้อจุนยังจะเป็นใครได้อีก
หานเจวี๋ยส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย จากนั้นก็ส่งจิตรับรู้เข้าไปในอาณาเขตฟ้าบุพกาลทันที
เมื่อมาถึงอาณาเขตฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าดวงจิตประหลาดก็ตามเขามาด้วย
‘นี่…มันก็มีคุณสมบัติเทียบเท่าคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลหรือ ไม่จริงน่า!’
เจ้านี่สูงกว่าคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ดังนั้นจึงเข้ามาในอาณาเขตฟ้าบุพกาลได้
หานเจวี๋ยเริ่มเกิดความสงสัยว่าเต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนจะมองเห็นมันหรือไม่
เต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนอยู่กันพร้อมหน้า เมื่อเห็นหานเจวี๋ยก็เข้ามารุมล้อมทันที
“ขอบคุณสหายเต๋าที่ช่วยเหลือ!”
จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยปากเป็นคนแรกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
หานเจวี๋ยเกิดความระแวงทันที
พวกเจ้าได้รับความช่วยเหลือมากี่ปีแล้ว มาทำท่าเหมือนเพิ่งรอดตายอะไรเอาป่านนี้
ต้องมีกับดักแน่นอน!
เต้าจื้อจุนแกล้งกระแอมไอแล้วกล่าวว่า “ข้าติดหนี้บุญคุณท่านอีกแล้ว ดูจากนิสัยระแวดระวังตัวเช่นนี้ สงสัยข้าคงจะไม่มีวาสนาได้ตอบแทนบุญคุณของท่านไปชั่วชีวิต”
หานเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร มาเป็นศิษย์สำนักของข้าสิ”
เต้าจื้อจุนนิ่งเงียบไป
เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของวังสวรรค์เขายังรับได้ แต่ถ้าให้เป็นลูกน้องของหานเจวี๋ย เช่นนั้นก็แสดงว่าเขามีศักดิ์ต่ำกว่า ทว่าเขาเห็นหานเจวี๋ยเป็นคู่แข่งมาตลอด
หานเจวี๋ยเมื่อเห็นว่าเจ้าหมอนี่ไม่ยอมรับคำ ก็เกิดความเกลียดชังระดับ 2 ดาวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ไอ้หมาป่าตาขาว!
จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยปาก “สหายเต๋า ผู้อาวุโสหลี่เต้าคงต้องการพบท่าน ท่านสะดวกหรือไม่”
หานเจวี๋ยกล่าว “เช่นนั้นท่านก็ไปเชิญเขามาสิ”
จ้าวเซวียนหยวน “…”
เต้าจื้อจุนอดขำไม่ได้ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เขามีคุณสมบัติที่จะเข้ามาในนี้ได้เสียที่ไหน”
แม้ว่าเขาจะไม่อาจเอาชนะหลี่เต้าคงได้ แต่เมื่อเทียบกันเรื่องพรสวรรค์ เขามีคุณสมบัติเพียงพอให้ดูแคลนหลี่เต้าคง
หานเจวี๋ยลอบยิ้ม ‘มิน่าล่ะท่านถึงได้ถูกหลี่เต้าคงจัดการเสียน่วม เพราะปากดีแบบนี้นี่เอง’
“พวกท่านเรียกข้า มีธุระอะไร”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม ในใจอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าสองคนนี้มองไม่เห็นดวงจิตประหลาดจริงๆ หรือ
ดวงจิตประหลาดมีคุณสมบัติเหมาะแก่การเป็นมือสังหารจริงๆ!
ไม่มีใครมองเห็นมัน ดังนั้นมันจึงทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจสินะ
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคู่กับดวงจิตประหลาด แบบนี้ไม่เรียกว่าคู่สร้างคู่สมหรือไร
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
“ศิษย์หลานของท่าน จักรพรรดิสวรรค์ฟางจะจัดงานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนเป็นครั้งแรก เจ้าจะไม่มาเป็นกำลังใจให้เขาหน่อยหรือ” เต้าจื้อจุนถาม
หานเจวี๋ยตอบกลับ “ไม่ไป”
“ทำไมเล่า”
“หากไปต้องถูกรุมกระทืบอย่างแน่นอน”
หากไปงานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนแล้วไม่เกิดเรื่องขึ้น หานเจวี๋ยจะเขียนชื่อตัวเองกลับหัวเลย!
เต้าจื้อจุนกล่าวอย่างเอือมระอา “ท่านป็นถึงระดับเทพแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก พวกเราสามคนร่วมมือกัน นอกจากต้าหลัวแล้ว ใครมันจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราได้อีก”
ยังคิดจะรวมหัวกันอีก!
หานเจวี๋ยอดคิดถึงตอนที่โจวฝาน โม่ฟู่โฉวยังไร้เดียงสาในสมัยวันวานอันนานแสนนานมาแล้ว
………………………………….