ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 408 เซียนทองต้าหลัว จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเกิดจิตมาร
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 408 เซียนทองต้าหลัว จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเกิดจิตมาร
บทที่ 408 เซียนทองต้าหลัว จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเกิดจิตมาร
หลังจากหานเจวี๋ยควบรวมมรรคผลแห่งต้าหลัวสำเร็จ ท่ามกลางความมืดมัว เขาได้รู้แจ้งมากมายนัก
ระดับต้าหลัว หนึ่งความคิดตระหนักสวรรค์ หนึ่งความคิดข้ามผ่านห้วงเวลา หนึ่งความคิดเปลี่ยนโชคชะตา
เมื่อบรรลุถึงระดับต้าหลัว จะกลายเป็นตัวตนอมตะที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์
แน่นอน ถ้าหากเผชิญการโจมตีจากผู้ทรงพลังที่แกร่งกล้ากว่า ต้าหลัวก็ดับสูญได้เช่นกัน
ผู้ที่จะโจมตีต้าหลัวได้ก็มีเพียงต้าหลัวด้วยกันเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นตัวตนที่เหนือชั้นกว่าต้าหลัว กฎเกณฑ์แห่งมรรคาสวรรค์ไม่อาจสังหารต้าหลัวโดยตรงได้
ซึ่งนี่ก็คือต้าหลัว
ผ่านไปหลายวัน พลังเวททุกส่วนของหานเจวี๋ยถ่ายเทเข้าสู่มรรคผลแห่งต้าหลัว พลังมหามรรคอันน่าอัศจรรย์ครอบคลุมไปทั่วร่างหานเจวี๋ย
ทะลวงระดับสำเร็จแล้ว!
ระดับต้าหลัว!
เมื่อหานเจวี๋ยรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนได้ ก็แทบจะกรีดร้องออกมา!
ยอดเยี่ยม!
สิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่าในครั้งก่อนยังคงเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนผ่าน
จากระดับปฐมเทพขั้นหกจนกระทั่งบรรลุระดับต้าหลัว เป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างยากที่จะจินตนาการได้
ลำพังในแง่ของพลังเวท หานเจวี๋ยก็สัมผัสได้แล้วว่าแข็งแกร่งกว่าในอดีตนับพันเท่า ในแง่ของจิตนึกคิดก็เป็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังคงสอดส่องแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้
หานเจวี๋ยควบรวมตบะพลางตรวจดูหน้าจอแสดงคุณสมบัติไปด้วย
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 6062/1099, 999, 999, 999, 999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ]
[ตบะ: เซียนทองต้าหลัวระยะต้น]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม]
….
ระดับต้าหลัว หรือที่เรียกว่าเซียนทองต้าหลัว เป็นระดับยิ่งใหญ่ที่มีเพียงขั้นเดียว แต่แบ่งออกเป็น ระยะต้น ระยะกลาง ระยะปลายไปจนถึงระยะสมบูรณ์
เมื่อหานเจวี๋ยมองเห็นคำว่าเซียนทองต้าหลัวสี่คำนี้แล้ว ก็รู้สึกเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง
อายุขัยก็เพิ่มขึ้นอีกสองหลักแล้ว!
พันล้านล้านปี!
แทบจะชั่วนิรันดร์แล้ว!
หานเจวี๋ยสงสัยว่ามรรคาสวรรค์จะมีการคงอยู่เนิ่นนานขนาดนี้ด้วยหรือไม่
[ตรวจสอบพบว่าท่านบรรลุระดับเซียนทองต้าหลัว เริ่มต้นการยกระดับระบบ]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นตัวอักษรแถวนี้ ในใจพลันรู้สึกปรีดา
ถึงแม้จะไม่ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหรือหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ แต่การยกระดับระบบ หมายความว่าอาณาเขตเต๋าจะยกระดับไปด้วย ทำให้เขาปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านการพิสูจน์ต้าหลัว หานเจวี๋ยก็นับว่ามีพลังป้องกันตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่ไก่อ่อนให้ผู้ใดมาบงการได้อีกต่อไป
ใช้เวลาอยู่เจ็ดปี หานเจวี๋ยจึงควบรวมตบะเสร็จสิ้น
เขาขังดวงจิตประหลาดไว้ในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร
จากนั้นเรื่องแรกที่เขาทำคือหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
‘เมื่อก่อนเจ้าถากถางว่าพลังสาปแช่งของข้าไม่แรงพอสินะ ขนาดที่สู้ต้าหลัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าพิสูจน์ต้าหลัวแล้ว เจ้าเตรียมรับมือกับเพลิงโทสะแสนล้านปีไว้หรือยังเล่า’
หานเจวี๋ยยกมุมปากขึ้นนิดๆ ยิ้มอย่างปรามาสยิ่ง
ต้าหลัวอายุหกพันปีอย่างเขามีสิทธิ์ที่จะผยอง!
พลังเวทระดับต้าหลัวถ่ายเทเข้าสู่หนังสือแห่งความโชคร้าย หนังสือแห่งความโชคร้ายแผ่แสงสีดำทะมึนออกมา ส่องสะท้อนใบหน้าของหานเจวี๋ย
แสงสีดำทะมึนไหววูบวาบอยู่ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน ขับเน้นให้ยิ่งดูมืดมนสยองขวัญ
ห้าวันผ่านไป
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง เขาเรียกจอค่าสถานะออกมา จับตามองอายุขัยอย่างระมัดระวัง
ระดับความเร็วในการลดลงช่างรวดเร็วยิ่งนัก!
ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป อายุขัยของเขาลดลงไปหมื่นล้านปีแล้ว!
ตัวเขาที่บรรลุต้าหลัวแล้วกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ยังคงสาปแช่งต่อไป!
….
ภายในตำหนักหลังหนึ่ง จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กลุ่มอิทธิพลต่างๆ มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ฟางเหลียง หลงเฮ่า เซวี่ยหมิงเหอ จักรพรรดิสวรรค์ พญายมไปจนถึงพวกบรรพชนพุทธเทวัญ หัวหน้ากลุ่มอิทธิพลต่างๆ ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
พวกเขากำลังหารือกันเรื่องแบ่งสันปันส่วนอาณาเขตแดนเซียน มีเพียงเผ่ามนุษย์ที่ยังไม่มา
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่ได้เอ่ยปากใดๆ เลย สีหน้าเขาดูไม่ดีอย่างยิ่ง
เซวี่ยหมิงเหอสังเกตเห็นสีหน้าอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปมาของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “จักรพรรดิหยก ท่านเป็นอันใดไป”
เมื่อประโยคนี้แว่วขึ้น ทุกคนต่างมองไปที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเผยสีหน้าเช่นนี้ออกมาเป็นครั้งแรก
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนตอบกลับไปว่า “เราไม่เป็นไร พวกเจ้าคุยต่อเถิด”
เขากำลังโคจรพลังต้านทานพลังคำสาปแช่ง
เขารู้ดีว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว
พลังคำสาปในครานี้รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มากนัก!
แต่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็ไม่กล้าสั่งเลิกประชุม ถ้าทำเช่นนั้นจะเป็นการเผยพิรุธออกมา
“คงมิใช่ว่าท่านถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งอยู่กระมัง” เซวี่ยหมิงเหอแสร้งถามด้วยความกริ่งเกรง
ทว่าในใจเขากลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
ในที่สุดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ลงมือแล้ว!
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันเผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา
หากว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เช่นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าแสดงออกมาเท่านั้น
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเอาแต่ซุ่มหมอบคลานอยู่ในมุมมืด พลังคำสาปแช่งของเขาไม่มีทางทำร้ายเราได้!”
วาจานี้เปรียบเสมือนยอมรับโดยปริยายแล้ว
เซวี่ยหมิงเหอเกือบเผลอโห่ร้องด้วยความยินดี แต่เขาควบคุมเอาไว้ได้
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว จิ่งเทียนกงตัวแทนจากนิกายเจี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน
แดนเซียนในยามนี้ ต่ำกว่าอริยะลงไปมีผู้ใดบ้างที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้
นอกจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว จะยังมีผู้ใดอีก
ครืน…
แรงกดดันอันน่าหวาดผวาสายหนึ่งโจมตีเข้ามาจากนอกตำหนัก มองเห็นประตูใหญ่กลายเป็นธุลีปลิดปลิว เงาร่างของคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักแน่น ใต้ฝ่าเท้าปรากฏเงากระบี่สีทองขึ้นเล่มแล้วเล่มเล่า ผู้มาเยือนสวมชุดขาวปราดเปรียว หล่อเหลางามสง่า
หากมิใช่หลี่เต้าคง แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก
“จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน การต่อสู้ระหว่างข้าและเจ้ายังไม่ได้บทสรุป!”
หลี่เต้าคงแววตาเยียบเย็น สำเนียงวาจาเปี่ยมเจตนาสังหาร
ผู้นำกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่อยู่ในตำหนักล้วนมีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าแล้ว
พลังอำนาจช่างแกร่งกล้านัก!
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ยินมาว่าหลี่เต้าคงกำลังสู้ตายกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอยู่ ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เห็นเองกับตา
“อมิตาพุทธ นิกายเหรินได้ศิษย์ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ พรสวรรค์เลิศล้ำนัก” บรรพชนพุทธเทวัญกล่าวด้วยความปลดปลง
ทุกคนล้วนถูกรัศมีท่วงท่าของหลี่เต้าคงทำให้ตกตะลึง
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเอ่ยพลางยิ้มเยาะ “หลี่เต้าคง เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราเลย หากมิมีอริยะคอยปกป้องเจ้าไว้ เจ้าตายไปนานแล้ว”
หลี่เต้าคงยังเดินหน้าต่อไป จ้องจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเขม็ง
ศึกใหญ่ฉากหนึ่งกำลังจะอุบัติขึ้นแล้ว!
….
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยสาปแช่งพลางจ้องมองจอค่าสถานะไปด้วย
อายุขัยของเขาลดลงไปห้าหมื่นล้านปีแล้ว!
เขายังไม่รู้สึกถึงความอึดอัดหรือทรมานใดๆ เลย ยังคงสาปแช่งอีกฝ่ายต่อไป
หกหมื่นล้านปี!
เจ็ดหมื่นล้านปี!
แปดหมื่นล้านปี!
ลมหายใจของหานเจวี๋ยเริ่มถี่กระชั้นแล้ว มิใช่เพราะผลสะท้อนจากการสาปแช่ง เขาเพียงรู้สึกปวดใจอยู่เท่านั้น
เป็นครั้งแรกที่สิ้นเปลืองอายุขัยไปมากมายขนาดนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดคือจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนยังไม่เกิดปัญหาจากการถูกสาปแช่งเลย
ทำต่อไป!
ข้าไม่เชื่อหรอก!
หานเจวี๋ยกัดฟันยืนหยัดต่อไป
เก้าหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนล้านปี!
ครืน!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องออกมาจากหนังสือแห่งความโชคร้าย ราวกับมีสัตว์ร้ายบรรพกาลตัวหนึ่งกำลังคำราม
ไอดำมากมายที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าล้นทะลักออกมา จากนั้นก็เข้าพัวพันหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ นี่มันอะไรกัน
ไอดำเหล่านี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง…
ช้าก่อน!
สิ่งนี้มิใช่ไอดำจากดวงจิตประหลาดหรอกหรือ
หรือว่าดวงจิตประหลาดจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับหนังสือแห่งความโชคร้าย
อัตราความเร็วในการลดลงของอายุขัยพลันพุ่งทะยานขึ้นมา
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านปี!
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่านพลังเวทปั่นป่วน โชคร้ายพัวพันกาย และบังเกิดจิตมารเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
ในที่สุดก็เกิดปัญหาแล้ว!
หานเจวี๋ยรีบหยุดมือทันที
ไอดำรอบกายถูกหนังสือแห่งความโคร้ายดูดกลับลงไป แสงสีดำทะมึนก็หายไปเช่นกัน
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบสถานะของตนทันที เพื่อดูว่าไอดำเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อตนหรือไม่
โชคดีนัก ไม่ส่งผลกระทบใดเลย
อาจจะเป็นเพราะเขายั้งมือได้ทันเวลา หรือไม่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมรวมเข้ากับดวงจิตประหลาดก่อนหน้านี้
‘จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนบังเกิดจิตมาร เช่นนั้นเขาก็อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว ฉากจบของมหาเคราะห์น่าจะเปลี่ยนไปแล้วกระมัง’
เมื่อหานเจวี๋ยคิดได้เช่นนี้ เขาก็เริ่มลังเลขึ้นมา
ทำนายฉากจบของมหาเคราะห์ดูสักหน่อยดีหรือไม่
คงจะไม่มีอุปสรรคมาขัดขวางอีกกระมัง
นอกเหนือจากตัวเขาที่สามารถเปลี่ยนแปลงมหาเคราะห์ได้ อริยะก็ทำได้เช่นกัน
ช่างเถอะ ทำนายดูสักหน่อยแล้วกัน อย่างน้อยๆ จะได้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในบางประการได้
‘ข้าอยากรู้ว่าใครคือผู้มีชัยสูงสุดในมหาเคราะห์ครั้งนี้!’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
………………………………………………………………