ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 415 เผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน
บทที่ 415 เผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน
หานเจวี๋ยไม่รู้เลยว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกำลังเผชิญหน้าฟางเหลียง เขาทุ่มพลังสาปแช่งอย่างเต็มที่
เตรียมพร้อมจะสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้บาดเจ็บสาหัสให้ได้ในครั้งนี้
หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าคนผู้นี้มาปองร้ายลูกศิษย์ของเขา
หานเจวี๋ยทำการสาปแช่งพลางจ้องมองหน้าจอค่าสถานะไปด้วย
อายุขัยของเขาถูกผลาญไปแปดหมื่นล้านปีแล้ว!
แปดหมื่นล้านปี ดวงดาวมากมายยังมีอายุขัยไม่มากเท่านี้เลย!
ทำต่อไป!
เก้าหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนล้านปี!
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสองหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสามหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสี่หมื่นล้านปี!
หัวใจของหานเจวี๋ยเริ่มหลั่งเลือดแล้ว ลังเลว่าจะทำต่อไปดีหรือไม่
มารดามันเถอะ!
สู้ตายเลยแล้วกัน!
ทุ่มเทไปมากถึงเพียงนี้ จะยอมเลิกราได้อย่างไร
ยืนหยัดต่อไปจะต้องทำสำเร็จแน่!
จะถอดใจไปก่อนไม่ได้!
หานเจวี๋ยยืนหยัดสาปแช่งต่อไป ไอดำทะมึนแปลกๆ หลายเส้นเข้าพัวพันรอบตัวเขา ช่างแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ไม่ช้าไม่นาน อายุขัยของเขาก็ลดลงไปหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี
ไม่น่าเชื่อว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะยังสามารถยืนหยัดได้อยู่อีก!
หานเจวี๋ยโมโหแทบตายแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันสาปแช่งต่อไป
ยามที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงเกือบหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านปี ในที่สุดเขาก็มองเห็นข้อความแจ้งเตือน
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคผลแตกร้าว พลังเวทปั่นป่วน สูญเสียสติสัมปชัญญะเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
หานเจวี๋ยหยุดสาปแช่งทันที
เสียอายุขัยไปเกือบหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านปีแล้ว!
หัวใจของหานเจวี๋ยหลั่งเลือดแล้ว
ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
มิเสียทีที่เป็นครึ่งอริยะ สาปแช่งไปขนาดนี้ก็ยังแค่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปเท่านั้น
ดูเหมือนความคิดที่ต้องการสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ตายด้วยคำสาปแช่ง ยังคงเป็นการดูหมิ่นครึ่งอริยะเกินไป
สิ่งที่หานเจวี๋ยทำเป็นเพียงแค่การกระตุ้นเย้าแหย่ความรู้สึกนึกคิดของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเท่านั้น
หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย หานเจวี๋ยก็เริ่มใช้ความคิดอย่างหนัก
สรุปแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะสังหารจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงเซวี่ยหมิงเหอ บังเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา
เขารีบสำแดงพลังวิเศษความฝันอันธการเพื่อเข้าฝันเซวี่ยหมิงเหอ
จากนั้น เขาก็เข้าสู่แดนความฝัน พบกับเซวี่ยหมิงเหอ
ที่นี่คือเนินเขาแห่งหนึ่ง เซวี่ยหมิงเหอกำลังนั่งสมาธิอยู่ เขาลืมตาขึ้นทันที พอมองเห็นหานเจวี๋ย เขาพลันรู้สึกยินดีปรีดา
เขาลุกขึ้นมาทันที คุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยขึ้นว่า “น้อมพบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”
หานเจวี๋ยสวมบทบาทเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าต้องการให้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนตาย”
เซวี่ยหมิงเหอเงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างไม่ลังเล “ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด เอ่ยมาได้เต็มที่เลยขอรับ!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลี่เต้าคงโจมตีจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจนล่าถอยไป เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย สาเหตุที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องล่าถอย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง
หลังจากนั้น เซวี่ยหมิงเหอก็มั่นใจในจุดหนึ่งว่า จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแน่นอน!
หลังจากถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนทำให้อับอาย เซวี่ยหมิงเหอก็รอคอยโอกาสมาโดยตลอด
ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว!
“จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องการกวาดล้างสรรพสิ่ง เข้าแทนที่อิทธิพลของบรรพชนเต๋าที่มีต่อมรรคาสวรรค์ ครอบครองมรรคาสวรรค์เพียงผู้เดียว เจ้าจงแพร่ข่าวนี้ออกไป” หานเจวี๋ยเปิดปากเอ่ย
น้ำเสียงเขาราบเรียบ จนไม่สามารถจับอารมณ์ของเขาได้
เซวี่ยหมิงเหอกล่าวขึ้นมาทันที “ข้าจะให้ลัทธิอันธการและเผ่าอสูรแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปขอรับ!”
เขาไม่สนใจเลยว่าเรื่องที่หานเจวี๋ยพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ หรือต่อให้เป็นเรื่องเท็จ เขาก็มีวิธีทำให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
“อืม”
หานเจวี๋ยจ้องมองเซวี่ยหมิงเหอ ไม่เอ่ยวาจาต่ออีก
เมื่อถูกจ้องมอง หัวใจของเซวี่ยหมิงเหอพลันกระสับกระส่าย ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไรต่อ
ผ่านไปพักใหญ่
ในขณะที่เซวี่ยหมิงเหอใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หานเจวี๋ยก็สลายแดนความฝันทันที
เมื่อกลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว
เหตุใดเซวี่ยหมิงเหอถึงเชื่อฟังขนาดนี้ ไม่มีข้อเรียกร้องสักนิดเลยหรือ
ลองตรวจดูความคิดที่แท้จริงของเขาดีหรือไม่นะ
ช่างเถอะ
ต่อให้เซวี่ยหมิงเหอไม่เชื่อฟัง ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าจะปล่อยให้ตนเสพติดการผลาญอายุขัยไม่ได้
หลังจากบรระลุระดับต้าหลัวแล้ว หากคิดจะทะลวงระดับต่อ ก็ต้องใช้เวลาอีกเนิ่นนานนัก
เขาไม่อยากใช้อายุขัยหมดก่อนที่อายุขัยใหม่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ต่อให้ใช้แค่ครึ่งเดียวก็ไม่ดีเหมือนกัน
ความเคยชินนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว จะเปลี่ยนแปลงก็ช่างทำได้ยากนัก
หานเจวี๋ยเข้าฝันอีกครั้ง ครั้งนี้เลือกไปเข้าฝันจิ่งเทียนกง เรื่องที่มอบหมายให้ก็เป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
จิ่งเทียนกงก็ตอบรับอย่างว่องไวเช่นกัน แต่มีส่วนที่เขาแตกต่างไปจากเซวี่ยหมิงเหอ เขาสอบถามถึงทัศนคติที่หานเจวี๋ยมีต่อนิกายเจี๋ย
หานเจวี๋ยให้คำตอบอย่างคลุมเครือ กล่าวทำนองว่าหากนิกายเจี๋ยไม่เป็นศัตรูกับเขา เขาก็ไม่มีทางพุ่งเป้าไปที่นิกายเจี๋ย
จิ่งเทียนกงรู้สึกสบายใจแล้ว เอ่ยว่าจะใส่ไคล้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้จงได้
หานเจวี๋ยฟังแล้วไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
อะไรคือการใส่ไคล้!
นี่เป็นความจริง!
หลังจากเข้าฝันไปสองครั้ง หานเจวี๋ยก็ไม่ตรากตรำต่อแล้ว บำเพ็ญเพียรต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี จึงไปสอดส่องจักรพรรดิสวรรค์ดูเล็กน้อย
ช่วงนี้จักรพรรดิสวรรค์คล้ายจะเข้าสู่ทางธรรมแล้ว ไม่ได้ถูกเคี่ยวกรำทรมาน และไม่มีผู้ใดสาปแช่งเขาแล้ว
ก็แน่อยู่แล้ว สรรพสิ่งต่างคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ดับสูญแล้ว
‘จักรพรรดิสวรรค์ รออีกหน่อยเถิด รอจนข้าสังหารจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้ ท่านก็รอดพ้นแล้ว’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
การจะสังหารครึ่งอริยะ จำเป็นต้องใช้เวลา ผู้ใดใช้ให้หานเจวี๋ยมิใช่ครึ่งอริยะกันเล่า
….
ณ พระราชวังเทียมเมฆา หมู่เทพเซียนมาชุมนุม
เซียนเฒ่าคนหนึ่งเอ่ยอย่างตัวสั่นงันงก “ฝ่าบาท จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องการกวาดล้างสรรพสิ่ง เข้าแทนที่มรรคาสวรรค์ เรื่องแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์แล้ว วังสวรรค์ไม่อาจให้ความร่วมมือได้นะพ่ะย่ะค่ะ มีแต่ต้องทำตรงกันข้าม พวกเราต้องประกาศศึกกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน!”
ยอดแม่ทัพเทพก้าวออกมา เอ่ยเสียงขรึม “มิผิด จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องตาย!”
หลี่เต้าคงแววตาเยียบเย็น จ้องมองฟางเหลียง
ภายในห้องโถงเสียงดังโหวกเหวกอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินฟางเหลียงกล่าวว่าจะแต่งตั้งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเป็นมหาจักรพรรดิแห่งวังสวรรค์ เหล่าเทพเซียนล้วนแตกตื่นขึ้นมา
วังสวรรค์เสื่อมถอยลง ก็เป็นเพราะจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
ยามนี้หากเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน จะเอาศักดิ์ศรีของวังสวรรค์ไปไว้ที่ใดเล่า
ฟางเหลียงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ “ความคิดเห็นของขุนนางรักทุกท่าน เรารับฟังแล้ว นับจากนี้ไป จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะเป็นศัตรูของวังสวรรค์ไปชั่วนิรันดร์ พร้อมทั้งเพิกถอนป้ายบูชาจักรพรรดิของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ดับธูปตัดกรรมที่เชื่อมต่อกับวังสวรรค์”
เมื่อวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา บรรดาเทพเซียนต่างพากันร้องว่าดี
หลี่เต้าคงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลี่เสวียนเอ้าร้องจุ๊ๆ พลางกล่าวชื่นชม “ดับธูปตัดกรรม โหดเหี้ยมจริงๆ”
ตอนแรกยังพูดอยู่เลยว่าจะแต่งตั้งเป็นมหาจักรพรรดิ ต่อมากลับตัดขาดทางรอดของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเสียแล้ว
หลี่เสวียนเอ้าไม่รู้จะพูดว่าฟางเหลียงปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดีหรือว่าโหดเหี้ยมเด็ดขาดกันแน่
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าฟางเหลียงจะคิดอย่างไร จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็อย่าหวังจะได้เหยียบวังสวรรค์อีก
ฟางเหลียงมองจี้เซียนเสิน เอ่ยถามเขา “สถานการณ์นอกโพ้นทะเลเป็นอย่างไรบ้าง”
จี้เซียนเสินกล่าวตอบ “เกณฑ์เทพเซียนได้นับแสนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เทพเซียนครึ่งหนึ่งมีตบะในระดับเซียนสวรรค์ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาเซียนฝ่ายบุ๋นตกตะลึงแล้ว
มากมายขนาดนี้เชียวหรือ
ฟางเหลียงเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ยังเกณฑ์มาเพิ่มอีกได้หรือไม่”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่จำเป็นต้องใช้รายนามสถาปนาเทพ ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นต่างไม่วางใจ หวังว่าจะได้รับชะตาแห่งเทพเซียน” จี้เซียนเสินพยักหน้าพลางเอ่ยวาจา
รายนามสถาปนาเทพ สำหรับเทพเซียนบางส่วนแล้วถือเป็นการผูกมัด เป็นโซ่ตรวน แต่สำหรับผู้คนมากมายแล้วถือเป็นหลักประกันในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเทพเซียน
เทพเซียนมิใช่จะแต่งตั้งเอาเองได้ ต้องได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์ด้วย ไม่มีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ เทพเซียนที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ มีสวัสดิการเหนือกว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน
เนื่องด้วยเหตุนี้ เทพเซียนจึงไม่กล้าลงมือสังหารล้างบางง่ายๆ ด้วยเกรงว่าจะละเมิดกฎสวรรค์ ก่อให้เกิดแรงกรรมมากมายล้นฟ้า
ฟางเหลียงเอ่ยถาม “เผ่ามนุษย์ยุ่งเกี่ยวกับนอกโพ้นทะเลหรือไม่”
จี้เซียนเสินส่ายหน้าแล้วตอบกลับ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เผ่ามนุษย์รวมตัวกันเป็นการภายใน”
เวลานี้ เซียนฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า “ฝ่าบาท เผ่ามนุษย์ประกาศศักดาว่าจะถล่มพระราชวังเทียมเมฆา จะกำราบปราบปรามให้ได้ พวกเขาประกาศกร้าวว่าเผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน ปลุกระดมจิตใจคน นี่มิใช่สัญญาณดีเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
เผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน!
ฟางเหลียงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว บรรดาเทพเซียนก็เช่นกัน
………………………………………………………………