ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 424 ชิ้นส่วนแผ่นหยกนำโชค บ้าคลั่ง
บทที่ 424 ชิ้นส่วนแผ่นหยกนำโชค บ้าคลั่ง
ในขณะที่หานเจวี๋ยกำลังประหลาดใจว่าสวรรค์ชั้นเก้าปรากฏช่วงเวลากลางคืนได้อย่างไรนั้น จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ก็ลุกขึ้น กล่าวพร้อมแสยะยิ้ม “ในเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดจึงไม่เผยตัวออกมาเล่า หรือเจ้าหวาดกลัวเรา”
หานเจวี๋ยแอบหวั่นใจเล็กๆ มหาเคราะห์สิ้นสุดแล้ว แล้วใครจะโผล่มาได้อีกเล่า
ถ้าเป็นตัวละครที่เขารู้จักมักคุ้นอยู่แล้วก็นับว่าดีไป กลัวแต่ว่าที่โผล่เข้ามาจะเป็นตัวละครใหม่น่ะสิ
ผู้ทรงพลังในหมื่นแดนใต้หล้ามีมากมายนับไม่ถ้วน พวกที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืดก็มีมากมายไร้สิ้นสุด หานเจวี๋ยเอาแต่ปิดด่านฝึกฝนมาตลอด ย่อมไม่อาจเข้าใจในแดนเซียน หรือแม้แต่มรรคาสวรรค์อย่างถ่องแท้
เขาเห็นเพียงลูกไฟลุกโชนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าเบื้องหน้าประตูพระราชวังเทียมเมฆา ลูกไฟนั้นเรียงกันเป็นแถว จากนั้นร่างร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา
หานเจวี๋ยเพ่งมอง คนผู้นี้สวมชุดเกราะสีดำ ด้านหลังห่มผ้าคลุม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง จิตสังหารเข้มข้น ราวกับแม่ทัพจากขุมนรกเก้าโลกันตร์
หานเจวี๋ยจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ เขารู้สึกคุ้นตาคนผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
‘หืม ชายผู้นี้คือ…โจวฝาน!’ หานเจวี๋ยตะลึงงัน
มหาเคราะห์เพิ่งจะสิ้นสุด โจวฝานก็แข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นนี้เชียวหรือ จิตวิญญาณของร่างนี้ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าจู่ถูเลย
จักรพรรดิสวรรค์เหยียดยิ้มแล้วเอ่ย “หากเจ้าไม่ใช่วัชระอริยะ และมีอริยะคอยคุ้มกัน เจ้าได้ตายด้วยมือของเราไปนานแล้ว!”
โจวฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย “ชีวิตนี้ข้าพ่ายแพ้ให้กับใครต่อใครมามากมาย แต่ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะเอาชนะพวกเขาให้ได้ รวมถึงเจ้า จักรพรรดิสวรรค์ ในระหว่างสงครามของมนุษย์และเทพ เจ้ากลืนกินวิญญาณแค้นของผู้คนทั่วทุกแห่งหน ทำให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด หากมรรคาสวรรค์ไม่อาจกำราบเจ้าได้ เช่นนั้นข้าจะทำเอง!”
“เจ้าพร้อมที่จะแบกรับหนี้โลหิตหลายร้อยล้านของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่”
หานเจวี๋ยได้ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว จักรพรรดิสวรรค์เข้าสู้ด้านมืด เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังต้องพินาศย่อยยับอีกหรือ?
จักรพรรดิสวรรค์หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้นราวกับเสียงของทรราช “คนอย่างเจ้าน่ะหรือ เจ้ามนุษย์เอ๋ย เจ้าเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งก็เท่านั้น เจ้าน่าจะรู้ว่าเหตุใดเราถึงขึ้นมาเป็นจักรพรรดิสวรรค์ได้อีกครั้ง!”
เขายกมือขวาขึ้น และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมา แม้จะเป็นเพียงภาพลวงตาวิวัฒนาการ หานเจวี๋ยก็อดรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้
“ข้าก้าวข้ามมรรคาสวรรค์ไปแล้ว เจ้าเป็นวัชระอริยะแล้วอย่างไรเล่า! เจ้าไม่ใช่อริยะด้วยซ้ำ!”
ภาพเบื้องหน้าของหานเจวี๋ยแตกสลายลง จิตรับรู้ของเขากลับสู่ความเป็นจริง
เขาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็คลายออก
แม้ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะเข้าสู่ด้านมืด แต่ขอแค่ยังมีชีวิต รอดพ้นจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้ได้ก็พอแล้ว
สิ่งที่เรียกว่าเข้าสู่ด้านมืดนั้น เป็นเรื่องของอัตวิสัย ในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายเช่นนี้ การดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อให้มีชีวิตรอดนั้นผิดด้วยหรือ
ยิ่งไปกว่านั้นสงครามระหว่างมนุษย์และเทพไม่ได้ถูกปลุกปั่นขึ้นโดยจักรพรรดิสวรรค์ แต่เป็นฝีมือของอริยะเหล่านั้นต่างหาก
หนึ่งความคิดของอริยะ ส่งผลทำให้สรรพชีวิตนับร้อยล้านต้องดับสูญ เช่นนี้ไม่นับว่าเป็นบาปหรอกหรือ
หานเจวี๋ยตัดสินใจเข้าฝันจักรพรรดิสวรรค์ เขาปรากฏตัวในร่างของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
หลังจากเข้าสู่แดนความฝัน หานเจวี๋ยก็ได้พบกับจักรพรรดิสวรรค์ รูปลักษณ์ของจักรพรรดิสวรรค์ใกล้เคียงกับภาพลวงตาวิวัฒนาการก่อนหน้านี้มาก เขาสวมใส่เสื้อคลุมมังกรสีดำ รอบกายโอบล้อมด้วยรัศมีแห่งความชั่วร้ายชวนหวาดผวา
รัศมีชั่วร้ายของเขาไม่ต่างไปจากของดวงจิตประหลาด เพียงแต่ไม่ล้ำลึกสุดหยั่งเท่ากับของดวงจิตประหลาด
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัว เขาดูไม่แปลกใจเลย ทั้งยังยิ้มออกมาอีกด้วย
หานเจวี๋ยยังไม่ทันเอ่ยปาก จักรพรรดิสวรรค์ก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อนพร้อมรอยยิ้ม “หากเรามองไม่ผิด หานเจวี๋ย เจ้าผ่านการพิสูจน์ต้าหลัวแล้วใช่หรือไม่”
หัวใจของหานเจวี๋ยสั่นระรัว แต่สีหน้ากลับไม่แปรเปลี่ยน
จักรพรรดิสวรรค์รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้อย่างไร
ต้องเป็นการหลอกให้เขาหลงกลอย่างแน่นอน!
“หลังจากที่เจ้ามาหาเรา จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็เริ่มเสื่อมถอย เราเพิ่งจะหลอมรวมวิญญาณร้าย เจ้าก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ดูท่าเจ้าจะเป็นห่วงเรามากทีเดียว” จักรพรรดิสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับรอยยิ้ม สีหน้าของเขาฉายแววเศร้าหมอง
หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจกับสีหน้าของเขา จึงถามในใจว่า ‘จักรพรรดิสวรรค์กำลังหลอกให้ข้าตกหลุมพรางใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
‘แค่จับโกหกใช้อายุขัยตั้งร้อยล้านปีเชียวหรือ ระบบเฮงซวยเอ๊ย!’
ดำเนินการ!
หานเจวี๋ยแอบก่นด่าในใจ
[เขากำลังทดสอบท่าน]
‘อะไรนะ นึกแล้วเชียวว่านี่ต้องเป็นกลลวง!’ หานเจวี๋ยคลายความกังวลลง
แม้ว่าความประทับใจของจักรพรรดิสวรรค์ที่มีต่อเขาจะยังไม่ลดลง แต่ตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเป็นอย่างมาก และเขาจะต้องปกป้องมันเอาไว้ให้ดี
“เจ้าไม่ต้องยอมรับก็ได้ เราเข้าใจ หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเจ้า เห็นทีเราคงจะตายไปนานแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มให้ตัวเองและกล่าวว่า “เราวางแผนว่าจะยืมแรงกรรมจากมหาเคราะห์ครั้งนี้ในการพิสูจน์มรรค ดังนั้นเราจึงต้องการตัวตนใหม่ แล้วเราจะทำหน้าที่เป็นทูตแห่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการในภายภาคหน้า เจ้าคิดว่าอย่างไร “
หานเจวี๋ยกล่าว “มีผู้คนมากมายแอบอ้างชื่อของข้าเพื่อกระทำในสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาต้องการ ทว่าข้าก็คือข้า จงทิ้งข้อสันนิษฐานของเจ้าไปเสีย อีกทั้งเจ้ายังเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ จะสามารถหลบเลี่ยงกลไกสวรรค์ได้อย่างไร”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างไม่แยแส “เรานั้นตกต่ำลงแล้ว ในสายตาของต้าจิ่วเทียน เราถูกยึดร่างไปแล้ว อดีตจักรพรรดิสวรรค์ไม่มีตัวตนอีกต่อไป มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตัวตนของเรายังคงเดิม”
“เมื่อเราพิสูจน์มรรคสำเร็จ เราจะปกป้องเจ้า ไม่ให้เจ้าต้องซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอีกต่อไป แล้วเจ้าก็จะช่วยเราสาปแช่งสิ่งมีชีวิตบางพวกด้วย ว่าอย่างไร”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบไป
ไอ้บ้านี่คิดจะหลอกล่อเขาให้เข้าสู่เคราะห์นี่นา!
จักรพรรดิสวรรค์ไม่รู้ตัวตนของเขาก็นับว่ายังดี แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หากเขาทำตามแผนของจักรพรรดิสวรรค์ จะถูกอริยะจู่โจมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวหรือไม่
“เรารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลเรื่องใด ในช่วงเวลาระหว่างมหาเคราะห์ อริยะจะไม่มีทางทำนายหาตัวบุคคลระหว่างนั้นได้ ยิ่งไม่อาจคำนวณผลกรรมของเราได้อย่างแน่นอน เพราะในตัวเรามียอดสมบัติที่หลงเหลืออยู่ของบรรพชนเต๋า”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
หานเจวี๋ยกลับรู้สึกไม่วางใจในยอดสมบัติที่จักรพรรดิสวรรค์ร่างวิวัฒนาการพูดถึงเลยแม้แต่น้อย
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
ความมั่งคั่งไม่อาจได้มาโดยง่าย!
[ชิ้นส่วนแผ่นหยกนำโชค: ชิ้นส่วนแตกหักของยอดสมบัติฟ้าบุพกาล มรดกต่อทอดจากบรรพชนเต๋า สามารถกำบังกลไกสวรรค์ ทำนายผลกรรมทั้งปวงได้]
อย่างไรนะ เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ ฟังดูเยี่ยมยอดไปเลย!
‘ยืนยันแน่ชัดหรือไม่ว่ายอดสมบัติอยู่ในตัวของจักรพรรดิสวรรค์’
[ยืนยัน]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “เจ้าต้องการให้ข้าสาปแช่งผู้ใด”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “สาปแช่งต้าจิ่วเทียน และจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ตกตายเสียก่อน เพราะพวกมันอาจเปิดเผยร่องรอยของเราในตอนนี้ได้”
“อืม พวกมันคำนวณถึงหลี่เต้าคงด้วย ข้าปล่อยพวกมันไปไม่ได้อยู่แล้ว”
หานเจวี๋ยตอบรับสั้นๆ และออกจากแดนความฝันไปในทันที
เมื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง หานเจวี๋ยก็รู้สึกใจเสียอยู่ลึกๆ
‘เกือบถูกเปิดโปงเสียแล้ว! ต่อไปต้องระวังยิ่งขึ้น! อย่าให้ถูกใครหลอกได้อีก!’
การสาปแช่งต้าจิ่วเทียน และจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเป็นสิ่งที่หานเจวี๋ยต้องการอยู่แล้ว
ชิ้นส่วนแผ่นหยกนำโชคที่อยู่กับจักรพรรดิสวรรค์ อริยะไม่มีทางคาดเดาได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาไม่บอกใคร หานเจวี๋ยก็ย่อมไม่พูดออกมาเช่นกัน
ส่วนจักรพรรดิสวรรค์ หานเจวี๋ยยังไม่อาจไว้ใจเขาได้
ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับด้วยตนเอง จักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่อาจปรักปรำว่าเขาเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้
หานเจวี๋ยส่ายหน้า ก่อนจะฝึกบำเพ็ญต่อ
เขาใช้การฝึกบำเพ็ญที่น่าเบื่อเพื่อลดความกระสับกระส่ายและวิตกกังวลของตนเองลง
…
ยี่สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน พลางอ่านจดหมายไปด้วย
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามบรรพกาล]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับสืบทอดดวงชะตาของเผ่าบรรพกาล หลอมรวมกายเทพบรรพกาล พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากระดับเทพของวังสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่เสี้ยววิญญาณสามารถรอดพ้นความตายมาได้]
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านได้รับสืบทอดพลังมรรคจากร่างต้นแบบ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
…
หลี่เต้าคงเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกแล้ว!
ดูเหมือนว่าชายผู้นี้เวลาถูกใครโจมตีเข้าก็จะต้องตามไปรังควานอีกฝ่ายจนสุดหล้าฟ้าเขียว นี่มันคนบ้าชัดๆ!
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เจียงตู๋กูเป็นตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถโค่นล้มไท่กู่หยวนเฟิ่งได้! อีกทั้งเขายังเป็นคนของนิกายเหรินอีกด้วย! นิกายเหรินเกิดสงครามภายในงั้นหรือ
หานเจวี๋ยถอนหายใจ จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่ฟางเหลียง ฉับพลันสีหน้าของเขาก็แปลกไป
………………………………………………..