ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 481 เฮ่าเทียนยอมจำนน กำเนิดเผ่าบรรพกาล
บทที่ 481 เฮ่าเทียนยอมจำนน กำเนิดเผ่าบรรพกาล
“ข้าผิดไปแล้ว!”
“ข้าผิดไปแล้ว!”
“ข้าผิดไปแล้ว!”
…
บริเวณใกล้ๆ เขตเซียนร้อยคีรี หลงเฮ่านั่งคุกเข่าอยู่บนยอดเขา พลางก้มศีรษะสำนึกผิดไม่หยุด
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นพากันมาดู แต่เนื่องจากมีค่ายกลขวางเอาไว้ พวกเขาจึงทำได้เพียงมองหลงเฮ่าจากระยะไกล
ถูหลิงเอ๋อร์ประหลาดใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าหลงเฮ่าจะยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรเสีย ในช่วงที่นางเฝ้ามองหลงเฮ่าเติบโต นางก็มองหลงเฮ่าเป็นคนรุ่นหลังที่น่าชื่นชม
ศิษย์คนอื่นทำท่าทางสะใจยิ่งนัก เพราะอย่างไรเสียเขาก็นับว่าเป็นศัตรู
โจวฝานเม้มริมฝีปากก่อนกล่าว “คิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิหลงผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีจะยอมก้มหัวสำนึกผิดด้วย”
เห็นได้ชัดว่าในระหว่างมหาเคราะห์ครั้งก่อนเขาได้พบกับหลงเฮ่ามาก่อน
ไก่คุกรัตติกาลกล่าวยิ้มๆ “อย่างไรเขาก็เป็นศิษย์พี่ของเจ้านะ”
โจวฝานเงียบไป
จ้าวเซวียนหยวนกล่าวด้วยความทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าหลงเฮ่าจะยังมีชีวิตอยู่ หากมองจากมุมนี้ สำนักซ่อนเร้นต่างหากที่เป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาเคราะห์”
คนอื่นๆ ก็ถกประเด็นตามกัน
ยังเหลือซูฉี ฟางเหลียง หยางเทียนตงที่ยังไม่กลับมา
เมื่อเอ่ยถึงหยางเทียนตง สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “พวกเจ้าว่า หยางเทียนตงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
อย่างไรเสียมันและหยางเทียนตงก็เคยรอดพ้นจากความตายมาด้วยกัน
“ในระหว่างมหาเคราะห์ วัฏจักรพังทลาย ศิษย์พี่กำลังหยางตกอยู่ในวัฏจักร เกรงว่าจะเผชิญโชคร้ายมากกว่าโชคดี…” สวินฉางอันกล่าวพลางขมวดคิ้ว
หยางเทียนตงเป็นความเสียใจหนึ่งของสำนักซ่อนเร้น
ที่สำคัญคือการตายของเขาเต็มไปด้วยอุทาหรณ์ เนื่องจากเขาท้าทายผู้อื่นจนถูกฆ่า
อู้เต้าเจี้ยนกล่าวยิ้มๆ “วางใจเถอะ นายท่านต้องมีหนทางแน่ พวกเราตั้งใจฝึกบำเพ็ญ เชื่อฟังท่านก็พอแล้ว หยางเทียนตง หลงเฮ่าต่างขัดคำสั่งของนายท่าน จึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าชีวิตในสำนักซ่อนเร้นจะน่าเบื่อ แต่ก็ปลอดภัย
หลงเฮ่าต้องคุกเข่าสำนึกผิดหนึ่งพันปี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถามสิ่งใด ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า เหล่าศิษย์ทั้งหลายเลิกมาหาเขา เชื่อว่าหากเขาคุกเข่าครบหนึ่งพันปี หานเจวี๋ยก็จะยอมให้เขากลับเข้าสำนักเอง
หนึ่งพันปีในช่วงมหาเคราะห์ช่างยาวนานนัก แต่เมื่อมหาเคราะห์ผ่านพ้น พันปีก็ช่างแสนสั้น
หนึ่งพันปีผ่านไป
สติของหลงเฮ่าหลุดลอย เขาคิดว่าหัวเข่าของตนมีรากงอกออกมาเสียแล้ว
จนกระทั่งภาพเบื้องหน้ามืดมัว เขาก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา และพบว่าตนเองคุกเข่าอยู่ในอารามเต๋า เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย
ภายใต้แสงของหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราที่สาดส่อง หานเจวี๋ยดูล้ำลึกสุดหยั่งถึง
ในใจของหลงเฮ่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก้มศีรษะลง ร่างกายสั่นไหวและเอ่ยขึ้น “อา…อาจารย์…”
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการขอโทษเป็นเวลาหนึ่งพันปีจะทรมานถึงเพียงนี้
มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตกลงไปในขุมนรกไร้ขอบเขตเสียอีก
ในระหว่างที่เขาก้มหัวสำนักผิดนั้น อดีตที่ผ่านมาล้วนหลั่งไหลเข้ามาในสมองไม่หยุด ร้อยห้วงอารมณ์ความรู้สึก หมื่นเรื่องราวที่ผ่านพ้น ต่างกลั่นกรองออกมาเป็นคำว่าเสียใจ
หานเจวี๋ยกล่าว “เฮ่าเทียน ออกมาเถิด”
เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่แข็งแกร่งตนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของหลงเฮ่า แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังบาดเจ็บสาหัส จึงไม่เป็นภัยคุกคามต่อตัวหลงเฮ่าแม้แต่น้อย
เมื่อสิ้นคำพูด วิญญาณตนหนึ่งก็ลอยออกมาจากศีรษะของหลงเฮ่า คือเฮ่าเทียนนั่นเอง
เฮ่าเทียนจ้องมองหานเจวี๋ย พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นคนหนุ่มที่น่าเกรงขามจริงๆ”
เขารู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย
เขามองหานเจวี๋ยไม่ออก รู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอริยะ
หานเจวี๋ยกล่าว “เจ้ากับเฮ่าเอ๋อร์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าก็ไม่ขัดข้องอะไร แต่เมื่อเข้าสู่สำนักซ่อนเร้นของข้า ก็จงลืมอดีตที่ผ่านมา จากนี้ไปจงตั้งมั่นศึกษามรรค แสวงหาชีวิตอันเป็นนิรันดร์ และถ้าหากไม่ได้รับการยินยอมจากข้า ก็อย่าได้ออกไปจากสำนักอีก”
เฮ่าเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะมาที่นี่ เขาเตรียมใจมาแล้ว
หานเจวี๋ยสั่งให้หลงเฮ่าและเฮ่าเทียนเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบต่อทันที
เขาเชื่อว่าเมื่อทั้งสองผ่านการทดสอบแล้วพวกเขาก็จะกลับใจได้เอง
หานเจวี๋ยโบกมือ เป็นสัญญาณให้ทั้งคู่ออกไป
ไม่นาน ศิษย์คนอื่นๆ ก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมหลงเฮ่าเอาไว้ และไต่ถามกันเสียงดังจอแจ
เมื่อได้เห็นสำนักซ่อนเร้นในตอนนี้ หลงเฮ่าทั้งรู้สึกแปลกตา ทั้งรู้สึกสบายใจ
ที่นี่คือบ้านที่แท้จริงของเขา!
หลังจากทำความเข้าใจความเป็นไปคร่าวๆ หลงเฮ่าและเฮ่าเทียนก็ถึงกับตกตะลึง
สำนักซ่อนเร้นไม่ได้มีแต่จักรพรรดิเซียนแค่สองร้อยคน แต่มีจักรพรรดิเซียนถึงหนึ่งหมื่นคน!
ปริมาณขนาดนี้…
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
วังสวรรค์ในยุครุ่งโรจน์ยังมีจักรพรรดิเซียนไม่มากเท่านี้!
หานเจวี๋ยทำได้อย่างไร
“มาๆๆ ลองเข้าไปเล่นในแบบจำลองการทดสอบดู แล้วพวกเจ้าจะต้องตาค้างยิ่งกว่านี้” ไก่คุกรัตติกาลกล่าวออกมาอย่างไม่ยินดียินร้าย
คนอื่นๆ ต่างเผยรอยยิ้มเปี่ยมเลศนัย พวกเขาเคยผ่านประสบการณ์การหมกมุ่นอยู่แต่ในแบบจำลองการทดสอบมาก่อน จึงคาดหวังต่อปฏิกิริยาของหลงเฮ่าอย่างยิ่ง
ผลลัพธ์นั้นไม่ต่างจากคาดไว้
ไม่ถึงหนึ่งวัน หลงเฮ่าก็จมจ่อมอยู่ในนั้นอย่างไม่อาจถอนตัว
เขาและเฮ่าเทียนราวกับได้เปิดโลกใบใหม่ ไม่คิดไม่ฝันว่าสำนักซ่อนเร้นจะล้ำลึกถึงเพียงนี้ เช่นเดียวกับที่ไม่คิดว่าหานเจวี๋ยจะเคยประมือกับผู้ทรงพลังมากมายถึงขนาดนี้
เฮ่าเทียนไม่จำเป็นต้องพึ่งพากายเนื้อของหลงเฮ่าในแบบจำลองการทดสอบ ทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินไปกับความสนุกของการต่อสู้ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
ไม่นาน เฮ่าเทียนก็ได้พบกับใครคนหนึ่ง
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง!
เป็นไปได้อย่างไร!
หานเจวี๋ยเคยต่อสู้กับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงด้วยหรือ
เฮ่าเทียนลองสู้สักตั้ง แต่ก็ถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสังหารในชั่วลมหายใจเดียว
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
หานเจวี๋ยไม่ใช่คนรุ่นหลังอย่างแน่นอน เขาต้องเป็นผู้ทรงพลังจากโบราณกาลอันไกลโพ้นเพียงแต่ทำตัวไม่เป็นจุดสนใจเท่านั้น!
ในชั่วขณะ ความคิดของเฮ่าเทียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
…
[เฮ่าเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หานเจวี๋ยมองการแจ้งเตือนที่โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
ตอนนี้เขาไม่เห็นเฮ่าเทียนอยู่ในสายตาอีกต่อไป
หากเฮ่าเทียนตัดสินใจจะร่วมเดินทางไปกับสำนักซ่อนเร้น หานเจวี๋ยก็ไม่รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด
มีคนฝึกบำเพ็ญมหามรรคต้นกำเนิดเพิ่มขึ้นมาอีกคน ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
ในขณะนั้นเอง พลังอันยิ่งใหญ่เทียมสวรรค์ก็ไหลบ่าลงมา
“ข้ากู่จั๋วอิน วันนี้ข้าได้สร้างเผ่าบรรพกาลจากสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า ปรารถนาจะนำเผ่าบรรพกาลสู่อารยธรรมและความรุ่งโรจน์ ขับไล่สัตว์อสูรแห่งมรรคาสวรรค์ ฟื้นคืนเอกภพอันสดใสแก่มรรคาสวรรค์!”
เสียงดังกล่าวส่งลงมาจากฟากฟ้า
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น
เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน
เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
ช่างรู้จักฉวยโอกาสจริงๆ ใจกล้าถึงขั้นสร้างเผ่าพันธุ์จากสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าขึ้นมาได้!
แต่ก็คงเป็นได้แค่เป้ากระสุนปืนใหญ่เท่านั้น!
หานเจวี๋ยขี้คร้านจะวิวัฒนาการตรวจสอบตัวตนของกู่จั๋วอิน
เผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าเผ่าบรรพกาลจะอยู่รอดหรือไม่ก็ตาม
แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่สนใจ แต่กลุ่มอิทธิพลกลุ่มอื่นๆ ทั่วทั้งแดนเซียนกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ใต้ต้นฝูซัง
หลงเฮ่าลืมตาขึ้น เฮ่าเทียนก็โผล่ออกมา และกล่าวอย่างทอดถอนใจ “กู่จั๋วอิน คนผู้นี้เป็นถึงมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาหลายครั้งหลายครา ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะนำทัพด้วยตัวเอง ดูท่าคงจะมั่นใจเต็มเปี่ยม”
ไก่คุกรัตติกาลถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้านี่แข็งแกร่งมากเลยหรือ”
เฮ่าเทียนพยักหน้าและตอบ “ราวกับครึ่งอริยะเลยละ”
“ครึ่งอริยะ!
ไก่คุกรัตติกาลพูดไม่ออก ครึ่งอริยะช่างห่างไกลกับเขาเหลือเกิน
…
บนดินแดนรกร้างไร้สิ้นสุด มีภูเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่เพียงลำพัง
บนยอดเขามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ รูปร่างสูงสง่า สวมเกราะหนังสีเขียว เรือนผมสีดำขลับ ในมือถือหอกขนาดใหญ่เอาไว้
เขาก็คือกู่จั๋วอินนั่นเอง
เขามองลงไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่เบียดเสียดกันอยู่ในท้องทุ่งอันเวิ้งว้างเบื้องล่าง สายตาเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
“พรสวรรค์ที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ นี่แหละคุณสมบัติที่จะนำข้าไปชิงตำแหน่งอริยะได้!”
กู่จั๋วอินคลี่ยิ้มออกมา พร้อมวาดแผนการในหัวสมองเสร็จสรรพ
ก่อนอื่นก็ต้องสร้างปัญญาให้แก่สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเสียก่อน ช่วยพวกมันแปลงกายให้ได้!
ในขณะนั้นเอง
สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่มีรูปร่างคล้ายเต่ายักษ์ตัวหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “เจ้ามีสิทธิ์อันใดขึ้นมาเป็นผู้นำเผ่าของเรา”
สิ้นคำพูดดังกล่าว สายตาของสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าไม่น้อยก็ฉายแววไม่พอใจออกมาทันที
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในที่แห่งนี้ มีกลุ่มหนึ่งที่สามารถพัฒนาความคิดจิตวิญญาณของตนขึ้นมาได้แล้ว
กู่จั๋วอินหันไปมองสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่มีจิตมุ่งร้ายเหล่านั้น และขมวดคิ้วน้อยๆ
แปลกมาก
สติปัญญาของพวกมันพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร
ที่สำคัญคือยังทะเยอทะยานมากอีกด้วย!
………………………………………………..