ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 488 ความทะเยอทะยานของหลี่เต้าคง ความช่วยเหลือจากอริยะ
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 488 ความทะเยอทะยานของหลี่เต้าคง ความช่วยเหลือจากอริยะ
บทที่ 488 ความทะเยอทะยานของหลี่เต้าคง ความช่วยเหลือจากอริยะ
นิกายเหรินใหม่
ชายผู้นี้ต้องการหักหลังหลี่มู่อีหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบรับในทีแรก
หากหลี่เต้าคงคิดเช่นนั้นจริงๆ หลี่มู่อีต้องจับสังเกตได้สิ
อริยะอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาไม่รู้
หลี่เต้าคงดูคล้ายจะรู้ถึงความคิดของหานเจวี๋ย จึงกล่าวว่า “วางใจเถิด ข้าพกยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ติดตัวอยู่ อริยะไม่มีทางจับสังเกตได้ และไม่มีทางสอดแนมข้าได้เช่นกัน”
หานเจวี๋ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น หลี่มู่อีจะไม่ระแวงเจ้ายิ่งกว่าเดิมหรือ”
หลี่เต้าคงกล่าวอย่างใจเย็น “ถูกต้อง ดังนั้นเขาจะยิ่งเชื่อใจเจียงตู๋กู”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบไป
หลี่เต้าคงสาธยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและเจียงตู๋กู
เจียงตู๋กูเป็นศิษย์เอกคนก่อนของนิกายเหริน ซึ่งนับถือหลี่มู่อีเป็นอาจารย์ เท่ากับมีศักดิ์เป็นศิษย์พี่ของเขา ทว่าหลี่เต้าคงเป็นศิษย์ที่หลี่มู่อีรับอุปการะ ส่วนเจียงตู๋กูเป็นศิษย์ที่มาขอพึ่งพาในช่วงรุ่งเรืองของหลี่มู่อี
เจียงตู๋กูมีสถานะสูงส่งมากในนิกายเหริน เพราะเขา ฐานะของนิกายเหรินในเผ่ามนุษย์จึงยกระดับขึ้น ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงได้รับความไว้วางใจจากหลี่มู่อี
ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งล่าสุด หลี่มู่อีได้มอบหมายภารกิจให้กับหลี่เต้าคงคือช่วยเหลือวังสวรรค์ แต่จู่ๆ วังสวรรค์ก็ผงาดขึ้นมาโดยไม่คาดคิด ฝ่ายตรงข้ามพินาศย่อยยับไปทีละคน จนกระทั่งเป็นภัยต่อระบบเต๋าของอริยะ หลี่มู่อีจึงสั่งให้หลี่เต้าคงล่าถอย
หลี่เต้าคงขัดขืนคำสั่ง เขาให้สัญญากับวังสวรรค์แล้ว จะกลับคำได้อย่างไร
อีกทั้งเขายังมองว่าการที่วังสวรรค์ได้รับชัยชนะย่อมเป็นการดี เพื่อให้มหาเคราะห์สิ้นสุดโดยเร็ว
ดังนั้นเขาจึงขัดใจหลี่มู่อีเข้า เจียงตู๋กูเองก็ลงมายังโลกมนุษย์เช่นกัน เมื่อเข้าสู่มหาเคราะห์ ทั้งสองคนก็ห้ำหั่นกันหลายครั้งเพื่อฝ่ายของตน และเริ่มระบายไฟแค้นใส่กัน จนทุกวันนี้ต่างก็กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกันไปในที่สุด
สีหน้าของหานเจวี๋ยเรียบเฉย ทว่าความรู้สึกผิดเกาะกุมหัวใจ
หากจะพูดเช่นนี้ ก็แสดงว่าความบาดหมางระหว่างหลี่เต้าคงและหลี่มู่อีมาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างเขาน่ะสิ
หลี่เต้าคงจ้องมองหานเจวี๋ยด้วยสายตาลุกโชน “เจ้ายินดีจะเข้าร่วมหรือไม่ ข้ายกให้เจ้าเป็นเจ้านิกายได้นะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างหมดความอดทน “เจ้ามีศิษย์กี่คน”
“ไม่มาก เดี๋ยวค่อยเพิ่มทีหลังก็ได้”
“เมื่อใดที่หาให้ได้เท่าสำนักซ่อนเร้นของข้า”
หลี่เต้าคงเงียบกริบ
เขาจำต้องใช้จิตรับรู้สำรวจดูรอบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าสำนักซ่อนเร้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เกินหนึ่งหมื่นคน!
และยังมีต้าหลัวด้วยบางส่วน!
กลุ่มอิทธิพลระดับนี้…
เป็นไปได้อย่างไร!
หลี่เต้าคงหัวใจสั่นสะท้าน
หานเจวี๋ยกล่าว “เหตุใดเจ้าไม่มาอยู่ในสำนักซ่อนเร้นของข้าแทนเล่า”
สำหรับหลี่เต้าคงนั้น หานเจวี๋ยรู้สึกชื่นชมเขามากทีเดียว
ในมหาเคราะห์ที่ผ่านมา นอกจากอริยะแล้ว หลี่เต้าคงเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุด สมญานามเซียนกระบี่อันดับหนึ่งล้วนตกเป็นของหลี่เต้าคง
ที่สำคัญที่สุดคือความเร็วในการทะลวงระดับของหลี่เต้าคงนั้นรวดเร็วใช่ย่อย
หลี่เต้าคงกล่าวพร้อมหรี่ตามอง “เจ้าไม่กลัวว่าจะล่วงเกินอริยะเข้าหรือ”
“แล้วการก่อตั้งนิกายเหรินใหม่กับเจ้า ไม่เป็นการล่วงเกินอริยะหรืออย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามั่นใจจริงๆ น่ะหรือว่าจะสามารถสร้างและควบคุมสำนักดวงชะตาได้”
หานเจวี๋ยพูดอย่างตรงไปตรงมา หลี่เต้าคงในความประทับใจของเขา เป็นคนที่ฉายเดี่ยวมาโดยตลอด มีบ้างบางครั้งที่พาศิษย์น้องอย่างหลี่เสวียนเอ้าไปไหนมาไหนด้วย
หลี่เต้าคงเงียบไปอีกครั้ง
อันที่จริงเขาไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน ที่คิดอยากจะก่อตั้งสำนักใหม่ ที่จริงแล้วเขาเพียงแต่ต้องการจะหาเรื่องหลี่มู่อีเท่านั้น
หานเจวี๋ยแอบถอนหายใจกับตัวเอง คิดจะกำราบหลี่เต้าคงลงง่ายๆ หรือ ไม่มีทางอยู่แล้ว
“เจ้ากับข้ามาลองประมือแลกเปลี่ยนวิชายุทธ์กันสักครั้งดีหรือไม่” หลี่เต้าคงเงยหน้าขึ้นถาม
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคงหลบไม่พ้นอีกแล้ว
เขากล่าวว่า “ข้ามีพลังวิเศษอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถเข้าไปต่อสู้ในแดนมายาได้ ภายในแดนมายาแห่งนี้ เจ้าสามารถสำแดงพลังได้อย่างเต็มที่”
หลี่เต้าคงรู้สึกสนใจขึ้นมา จึงพยักหน้าตอบตกลง
หานเจวี๋ยดึงเขาเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบ และเริ่มการต่อสู้
หลี่เต้าคงรู้สึกว่ามีความผิดปกติในแบบจำลองการทดสอบ แรกเริ่มหานเจวี๋ยใช้กลยุทธ์ตั้งรับ ปล่อยให้หลี่เต้าคงโจมตีจนสุดกำลังแล้วเขาค่อยพลิกเอาชนะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ใช่แล้ว!
นี่คือการสังหารในเสี้ยววินาที!
หานเจวี๋ยที่อยู่ในระดับครึ่งอริยะระยะปลายสามารถสังหารอริยะทั้งหมดได้ภายในเสี้ยววินาที แม้กระทั่งหลี่เต้าคงผู้สั่นสะเทือนโลกาก็ยังถูกเขาสังหารในเสี้ยววินาที!
ไม่กี่วันต่อมา
หลี่เต้าคงไปจากเขตเซียนร้อยคีรี ใบหน้าของเขาหม่นหมอง แผ่นหลังดูอ้างว้าง
ใต้ต้นฝูซัง
เจียงอี้ถามอย่างสงสัย “ดูท่าทางเขาไม่ค่อยเป็นสุขเลย นี่เขาแตกคอกับเจ้าสำนักหรือ”
ไก่คุกรัตติกาลกล่าว “ไม่ต้องบอกก็รู้ คงจะโดนสั่งสอนมาจากแบบจำลองการทดสอบนั่นแหละ”
เจียงอี้เงียบไป เช่นนั้นก็คงจะต้องทุกข์ใจจริงๆ นั่นแหละ ตอนนั้นกว่าเขาจะหลุดพ้นออกจากเงามืดได้ก็ใช้เวลานานทีเดียว
หลังจากหลี่เต้าคงกลับไปแล้ว หานเจวี๋ยก็เริ่มยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ ใช้เวลาหลายเดือนจึงยกระดับได้ถึงจุดสูงสุด
จากนั้น เขาก็เริ่มหยั่งรู้ ร่างจำลองเสรีสุญญตา
ในเวลายี่สิบปี หานเจวี๋ยได้ฝึกฝนร่างจำลองเทพมารทั้งสิ้นสิบสองตน ได้แก่ เทพมารเก้าหยาง เทพมารปฐพี เทพมารทองวิสุทธิ์ เทพมารยอดกระดูก เทพมารพันเศียร เทพมารทลายฟ้า เทพมารเนตรหุบเหว เทพมารปีศาจแดง เทพมารปัจฉิมทิวา เทพมารมหาเวท เทพมารนิทราผวา เทพมารตัดคำนึง
หานเจวี๋ยสะสมร่างจำลองเทพมารได้ทั้งสิ้นสามสิบห้าตน เขาก้าวหน้าไปไกลเรื่อยๆ บนเส้นทางไร้พ่าย
จากนั้น เขาก็เริ่มแบบจำลองการทดสอบ
สิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าอริยะ ล้วนถูกสังหารในเสี้ยววินาที!
หานเจวี๋ยลองท้าทายอริยะ ก็ยังคงถูกสังหารเช่นเดิม ทว่าสามารถต้านทานได้นานยิ่งขึ้น
หานเจวี๋ยรู้สึกเฉยชา
ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งขึ้นเลย
หานเจวี๋ยตัดสินใจตั้งเป้าหมายให้กับตนเองหนึ่งข้อ ก่อนที่จะพิสูจน์มรรคต้องเอาชนะอริยะมรรคาสวรรค์ให้ได้!
หากทำไม่ได้ในตอนนี้ หลังจากที่เขาพิสูจน์มรรคแล้ว จะโค่นล้มอริยะมรรคาสวรรค์ทั้งหมดได้อย่างไร
หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ของตน หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาพลางคลี่ยิ้ม
เมื่อพลังเวทถูกใส่เข้าไปในหนังสือแห่งความโชคร้าย แสงสีดำก็สาดกระทบใบหน้าของหานเจวี๋ย ทำให้เขาดูชั่วร้าย น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ห้าวันต่อมา
หานเจวี๋ยเริ่มใช้อายุขัยมาสาปแช่ง อายุขัยของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว สมแล้วที่เป็นสมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์ หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญทั่วไป บางทีอาจจะถูกสูบอายุขัยจนหมดเกลี้ยงตั้งแต่แรก
อีกด้านหนึ่ง
อริยะมิ่งจีรู้สึกได้ถึงพลังคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ จึงทำการเคลื่อนย้ายลมปราณเพื่อต้านทานทันที
เขามีลางสังหรณ์ว่าพลังคำสาปแช่งในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา!
ตอนนี้เขาอยู่ในอาณาเขตเต๋าของมหาจักรพรรดิเซียว
มหาจักรพรรดิเซียวเห็นอริยะมิ่งจีเคลื่อนย้ายลมปราณ ก็ขมวดคิ้วพลางกล่าว “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอีกแล้วหรือ”
อริยะมิ่งจีพยักหน้า
มหาจักรพรรดิเซียวนับนิ้วทำนาย แต่ก็ไม่อาจตรวจพบที่มาของพลังคำสาปแช่งนี้ได้
เป็นไปดังคาด!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคืออริยะจริงๆ!
สีหน้าของมหาจักรพรรดิเซียวเคร่งขรึมลง อริยะที่ต้องการทำลายอริยะคนอื่นๆ ถือเป็นภัยร้ายแรง แม้ว่าอริยะมิ่งจีจะมีจิตใจชั่วร้ายแอบแฝง แต่เขาเองก็ไม่อยากถูกอริยะท่านใดหมายหัวอย่างลับๆ
เมื่อหันไปมองก็พบว่าอริยะมิ่งจีถูกสาปแช่งจนเกิดมารในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน
ไอสีดำเริ่มโอบล้อมรอบกายของอริยะมิ่งจี เป็นสัญลักษณ์ของพลังคำสาปแช่ง
มหาจักรพรรดิเซียวใช้จิตรับรู้สัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ต้องตกใจ
อีกฝ่ายสังเวยฟ้าดินส่วนหนึ่งเลยหรือ
พลังคำสาปแช่งถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!
อริยะมิ่งจีเรียกระฆังทองออกมาปิดครอบร่างของตน แต่ทว่าพลังคำสาปแช่งก็ทะลุทะลวงระฆังเข้ามา และโจมตีร่างกายและจิตใจของเขาได้อยู่ดี
“แย่แล้ว!”
อริยะมิ่งจีสบถในใจ พลังคำสาปแช่งนี้เพิ่มพูนขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน!
ครั้งนี้คงจะไม่จบลงแค่มารในใจเท่านั้นเป็นแน่!
เขาเบิกตาโพลง “มหาจักรพรรดิ ช่วยข้าด้วย!”
มหาจักรพรรดิเซียวปรี่เข้ามาด้านหลังของเขา ใช้มือขวาวางลงบนไหล่ และใช้พลังเวทของตนเองช่วยอริยะมิ่งจีต้านทานพลังคำสาปแช่ง
…
ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยที่มีไอดำปกคลุมร่างกายสาปแช่งไปพลาง อ่านหน้าจอแสดงคุณสมบัติไปพลาง
สิบล้านล้านปี!
สิบห้าล้านล้านปี!
ยี่สิบล้านล้านปี!
[อริยะมิ่งจีศัตรูคู่อาฆาตของท่านมารในใจอาละวาดเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน โชคดีมีอริยะช่วยเหลือ จึงสามารถสะกดมารในใจเอาไว้ได้]
………………………………………………..