ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 492 คนคู่แห่งนิกายเหรินเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น
บทที่ 492 คนคู่แห่งนิกายเหรินเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น
หานเจวี๋ยนิ่งไป คิดไม่ถึงว่าหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าจะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล้าหักหลังอริยะ
จะรับไว้ดีหรือไม่หนอ
หานเจวี๋ยไม่เคยลืมว่าหลี่เสวียนเอ้าควักลูกตาทั้งสองข้างของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไป
คิดแล้ว หานเจวี๋ยก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้ารับพวกเจ้าเข้ามาไม่ได้ อย่างแรกข้าไม่มั่นใจว่าหลังจากพวกเจ้าเข้ามาอยู่ในสำนักซ่อนเร้น จะสามารถเพียรบำเพ็ญอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เที่ยวหาเรื่องไปทั่วได้หรือไม่ อย่างที่สอง ศิษย์น้องของเจ้าเคยควักลูกตาศิษย์ของข้า ฉกชิงดวงชะตาของเขาไป”
สิ้นคำ หลี่เต้าคงตกตะลึง ส่วนหลี่เสวียนเอ้าหน้าเปลี่ยนสี
หลี่เต้าคงหันไปมองหลี่เสวียนเอ้า เมื่อเห็นสีหน้าของเขาก็มีแผนการในใจ
ทันใดนั้นเอง!
หลี่เต้าคงยื่นมืออกไปอย่างกะทันหัน และควักลูกตาของหลี่เสวียนเอ้าออกมาอย่างรวดเร็วจนหลี่เสวียนเอ้าไม่ทันได้ตอบโต้
หลี่เต้าคงบีบมือขวา ลูกตาในมือแหลกเป็นผุยผง เขาจ้องหน้าหานเจวี๋ยพร้อมกล่าว “ข้าไม่สนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ข้าก็จะให้เขาชดใช้ แม้เจ้ากับข้าต่างก็รู้ดีว่า ดวงตาที่ถูกทำลายไปแล้วไม่ว่าจะเป็นของศิษย์ของเจ้า หรือศิษย์น้องของข้าล้วนสามารถงอกกลับมาใหม่ได้ แต่ข้าก็ได้พิสูจน์ความจริงใจให้เจ้าได้เห็นแล้ว”
“หากเจ้ายินดีรับพวกข้าไว้ พวกข้าก็จะเชื่อฟังในสิ่งที่เจ้าสั่ง ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นพวกข้า ส่วนศิษย์ผู้นั้น ข้าจะให้ศิษย์น้องของข้าถ่ายทอดพลังวิเศษให้กับเขา เพื่อเป็นการไถ่โทษ”
ขณะที่พูด สายตาของหลี่เต้าคงจับจ้องไปที่หานเจวี๋ยตลอดเวลา
แม้ว่าหลี่เสวียนเอ้าจะรู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยกมือขึ้นปิดตาของตนที่มีเลือดสดๆ หลั่งออกมาเป็นสาย
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
หลี่เต้าคงบ้าบิ่นจริงๆ!
ทำให้หานเจวี๋ยหมดคำพูด เพราะอย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็เอ่ยปากเชื้อเชิญหลี่เต้าคงด้วยตนเอง
หานเจวี๋ยกล่าว “เมื่อเข้าสู่สำนักซ่อนเร้นแล้ว ห้ามออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในยามปกติข้าไม่มีงานอะไรให้พวกเจ้าช่วยอยู่แล้ว และข้ายังจัดเตรียมการแสดงธรรม และพลังวิญญาณ ปราณฟ้าประทานของอาณาเขตเต๋าและเขตเซียนร้อยคีรีไว้ด้วย พวกเจ้าน่าจะรู้สึกได้อย่างชัดเจน ตกลงพวกเจ้ายินยอมหรือไม่”
หลี่เสวียนเอ้าอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ศิษย์พี่ของข้าเป็นครึ่งอริยะ เจ้าแสดงธรรมให้กับครึ่งอริยะได้ด้วยหรือ”
“ย่อมทำได้อยู่แล้ว”
“เช่นนั้นสถานะของพวกเราเล่า”
“ขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเจ้า แล้วจะจัดแจงให้ในภายหลัง”
หานเจวี๋ยคิดจะพิสูจน์สภาพภายในของสำนักซ่อนเร้นเสียก่อน หากรับพวกเขาเข้ามาเป็นศิษย์ตอนนี้ เห็นทีคงไม่ยินยอมแน่
หานเจวี๋ยเรียกเตี่ยนเหวยในใจ เตี่ยนเหวยเป็นร่างจำลองของสือตู๋เต้า แข็งแกร่งกว่าหลี่เต้าคง
หลี่เต้าคงกล่าว “ได้ พวกเราเองอยากจะหาที่หลบภัยจากอริยะที่หมายหัวพวกเราอยู่แล้ว”
หานเจวี๋ยกล่าว “อืม เช่นนั้นก็ไปเถิด ข้างนอกมีคนรอพาพวกเจ้าลงไปข้างล่างอยู่”
หลี่เต้าคงพยักหน้า จากนั้นพาตัวหลี่เสวียนเอ้าจากไป
เมื่อเดินออกมาจากอารามเต๋าและเห็นเตี่ยนเหวย หลี่เต้าคงตกตะลึง
“ทำไมถึงเป็นเจ้า” หลี่เต้าคงเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว
หลี่เสวียนเอ้าสงสัยว่าคนผู้นี้คือใครกัน
แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็ยังมีจิตรับรู้อยู่ ดวงตาจึงไม่จำเป็น
เตี่ยนเหวยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าน้อยเตี่ยนเหวย เป็นองครักษ์แห่งเขตเซียนร้อยคีรี เชิญทั้งสองท่านตามข้ามา ข้าจะพาท่านไปสำรวจโดยรอบ”
องครักษ์?
หัวใจของหลี่เต้าคงสั่นสะท้าน
สือตู๋เต้ามาเป็นองครักษ์ของสำนักซ่อนเร้นตั้งแต่เมื่อไร
หลี่เต้าคงตกใจสุดขีด หลี่เสวียนเอ้าแม้จะไม่ทราบว่าสือตู๋เต้าเป็นใคร แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเตี่ยนเหวยแข็งแกร่งมาก เผลอๆ อาจจะแข็งแกร่งกว่าหลี่เต้าคงเสียด้วยซ้ำ!
เตี่ยนเหวยพาหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าเดินสำรวจโดยรอบ และจงใจพามาที่ต้นฝูซังก่อนเป็นอันดับแรก
บรรดาศิษย์ที่อยู่ที่นี่ต่างรู้สึกสงสัยในตัวหลี่เต้าคงเป็นอย่างมาก
หลงเฮ่ารู้สึกประหลาดใจ “แม้แต่คนคู่แห่งนิกายเหรินยังมาที่นี่ สำนักซ่อนเร้นนับวันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ”
ทันทีที่สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเห็นหลี่เสวียนเอ้า มันก็ตกใจจนฉี่แทบราด แต่เมื่อมันสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าดวงตาทั้งสองข้างของหลี่เสวียนเอ้าอาบเลือด อีกทั้งหนังตายังยุบเข้าไปอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ตระหนักได้เช่นนั้น ความชื่นชมในตัวหานเจวี๋ยก็ยิ่งทวีขึ้นกว่าดิม
ต้องเป็นอาจารย์ที่ช่วยออกหน้าแทนมันอย่างแน่นอน!
หลี่เสวียนเอ้าเองก็สังเกตถึงสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเช่นกัน ทันทีที่ตระหนักได้ดังนั้น เขาก็บ่นอุบอิบขึ้นมา “เจ้ามีเจ้านายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่บอกกันตั้งแต่แรกเล่า”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนิ่งเงียบไป
ตอนนั้นตัวมันเองก็ไม่รู้เช่นกันว่านายท่านของมันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น
หลี่เต้าคงกล่าว “ข้าขอขมาเจ้าแทนศิษย์น้องของข้าด้วย หลังจากนี้ข้าจะให้เขาถ่ายทอดพลังวิเศษให้กับเจ้า ขอให้ความแค้นที่ผ่านมาสิ้นสุดกันแต่เพียงเท่านี้เถิด”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นที่ถูกหลี่เต้าคงจ้องมอง รู้สึกประหม่า จึงพยักหน้าถี่ๆ เป็นการแสดงว่าตกลง
ไก่คุกรัตติกาลเห็นดังนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนโพล่งคำด่าออกมา “เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ หัดทำตัวเข้มแข็งหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นพยักหน้าหงึกหงัก ราวกับลูกไก่ก้มจิกเมล็ดข้าว
หลี่เต้าคงไม่พูดอะไรต่ออีก เขายังคงความทะนงตัวอยู่ ในเมื่อเป็นความผิดของเขา เขายอมรับผิดได้ แต่เขาจะไม่มีวันก้มหัวจนต่ำต้อยติดดินเป็นอันขาด
วันนั้น ทั้งสองคนตั้งอารามเต๋าขึ้นมาในบริเวณภูเขา ไม่ไกลจากศิษย์ในนามของสำนักซ่อนเร้นนัก
ในช่วงแรกหานเจวี๋ยจับตามองสองพี่น้องคู่นี้อยู่ตลอด ด้วยกลัวว่าทั้งสองจะเที่ยวสร้างปัญหาขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไร เขาจึงวางใจลง
…
ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ภายในพระราชวังขนาดใหญ่
หลี่มู่อีสีหน้าเคร่งครึม ภายในท้องพระโรงมีคนหลายคนมารวมตัวกัน รวมถึงเจียงตู๋กูด้วย
“อะไรนะ หลี่เต้าคงกับหลี่เสวียนเอ้าทรยศอย่างนั้นหรือ”
“บังอาจนัก! ต้องจับพวกมันให้ได้!”
“นิกายเหรินของเรามีหนอนบ่อนไส้ด้วยหรือ”
“พวกมันอยู่ที่ใด”
“หลี่เต้าคงชักจะจองหองเกินไปแล้ว! แต่ก่อนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นผู้อาวุโสอย่างพวกเราอยู่ในสายตา!”
ผู้ทรงพลังแห่งนิกายเหรินต่างก่นด่าสาปแช่งกันเสียงระงม เจียงตู๋กูไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาหมองหม่น ทว่าดวงตาของเขากลับซุกซ่อนความยินดีเอาไว้
เขากำลังคิดหนักว่าควรจะจัดการกับหลี่เต้าคงอย่างไรดี ในเมื่อหลี่เต้าคงทรยศต่ออาจารย์จริงๆ!
หลี่มู่อีกล่าวขึ้นมา “พวกมันสองคนหลบหนีไปอยู่ในสำนักซ่อนเร้น มีใครจะไปจัดการหรือไม่”
ชายผู้หนึ่งในชุดคลุมเต๋าลุกขึ้นยืน และเอ่ย “ศิษย์พี่ ให้ข้าไปเถิด ข้าปิดด่านฝึกฝนมาเจ็ดสิบล้านปีแล้ว อยากจะยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”
เมื่อเห็นเขาอาสา คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยทันที ไม่มีใครคิดจะแย่งหน้าที่นั้น
“ตันหลง เจ้ามุ่งหน้าไปสำนักซ่อนเร้นในครั้งนี้ อย่าเพิ่งเข้าไปต่อสู้ทันที เข้าไปเจรจาขอตัวคนมาก่อน” หลี่มู่อีออกคำสั่ง
ตันหลงหยักหน้า กุมมือทำความเคารพ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
…
นับตั้งแต่ที่พวกหลี่เต้าคงหนีออกมาก็ผ่านไปหนึ่งร้อยสามสิบปีแล้ว
วันหนึ่ง หานเจวี๋ยออกมาจากอารามเต๋า
“ทุกคนเตรียมสดับมรรค!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทั้งเขตเซียนร้อยคีรีก็ตกอยู่ในความอลหม่าน ศิษย์สำนักซ่อนเร้นมุ่งหน้าไปยังสถานที่แสดงธรรม สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าทั้งหลายต่างก็เตรียมตัวสดับมรรค
หลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าตามพวกศิษย์สำนักซ่อนเร้นไปยังพื้นที่แสดงธรรมด้วย
ทั้งสองอยากรู้มากว่าหานเจวี๋ยจะแสดงธรรมเกี่ยวกับอะไร
เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว หานเจวี๋ยที่นั่งอยู่บนยอดเขาสูง ก็เริ่มแสดงธรรม
เขาเทศนาเกี่ยวกับมหามรรคต้นกำเนิด!
เขาตั้งใจจะทำให้หลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าเข้าร่วมด้วย
เมื่อการแสดงธรรมเริ่มขึ้น หลี่เต้าคงก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนัก ส่วนหลี่เสวียนเอ้าถึงกับดูหมิ่น เพราะพวกเขาเคยรับฟังอริยะแสดงธรรมมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองก็พลันตกตะลึง
หานเจวี๋ยกำลังเทศนาถึงมหามรรค!
มันทั้งกว้างขวางลึกล้ำยิ่งกว่าที่หลี่มู่อีอาจารย์ของพวกเขาเทศนาเสียอีก
ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาสามารถฟังและเข้าใจได้ ไม่นานก็เข้าสู่ภาวะรู้แจ้งทันที
“เขาคืออริยะ!”
พายุคลั่งพัดกระหน่ำในใจของทั้งสอง โดยเฉพาะหลี่เสวียนเอ้า ที่เบิกตากว้าง พร้อมแสดงสีหน้าเหลือเชื่ออย่างที่หาชมได้ยากออกมา
[หลี่เสวียนเอ้าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]
หานเจวี๋ยเห็นข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น ก็แสดงธรรมต่อ ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
เขาสนใจหลี่เต้าคงยิ่งกว่าหลี่เสวียนเอ้าเสียอีก
หากหลี่เต้าคงเปลี่ยนใจ ภายภาคหน้าเขาต้องกลายเป็นบุคคลแถวหน้าของสำนักซ่อนเร้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าคุณสมบัติของพวกเต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้ โจวฝาน และลี่เหยาจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับหลี่เต้าคงแล้ว ยังขาดความน่าเกรงขามอันแสนโอหังอยู่!
มันคือจิตวิญญาณอันเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง!
………………………………………………..