ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 551 จักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้าย เทพสูงสุดอู๋ฝ่า
บทที่ 551 จักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้าย เทพสูงสุดอู๋ฝ่า
หานเจวี๋ยสนใจเรื่องครอบครองมรรคาสวรรค์ แต่เขาไม่สามารถครอบครองด้วยตัวเองได้
เขาไม่อยากถูกผูกมัดไว้กับมรรคาสวรรค์
เขาต้องการสนับสนุนอริยะสักคน ให้ยึดครองมรรคาสวรรค์แต่เพียงผู้เดียว ครอบครองมรรคาสวรรค์แทนเขา
หานเจวี๋ยเกิดความคิดอีกอย่างขึ้นมา สอบถามว่า ‘ข้าสามารถใช้คุกสวรรค์อนธการสยบอริยะมรรคาสวรรค์ให้เป็นทาส แล้วเข้าครอบครองมรรคาสวรรค์ได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[สามารถสยบอริยะมรรคาสวรรค์เป็นทาสได้ แต่ไม่อาจอาศัยเหตุนี้เข้าครอบครองมรรคาสวรรค์ได้ มรรคาสวรรค์จะเป็นฝ่ายตัดขาดดวงชะตาของอริยะเอง]
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่รู้สึกแปลกใจเลย
ถึงอย่างไรมรรคาสวรรค์ก็เป็นกฎเกณฑ์ ต่อให้ระบบแข็งแกร่งแค่ไหน จะยังแกร่งไปกว่ามหามรรคได้หรือ
มหามรรคไม่อาจเข้ากลืนกินมรรคาสวรรค์โดยตรงได้!
อีกอย่าง หากสยบอริยะมรรคาสวรรค์เป็นทาส จะต้องล่วงเกินตัวตนในระดับที่อยู่สูงกว่าแน่นอน
จากความเข้าใจที่หานเจวี๋ยมีต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน มรรคาสวรรค์ผ่านมหาเคราะห์มาสิบครั้งแล้ว ในระหว่างมหาเคราะห์เหล่านี้มีผู้ทรงพลังมากมายที่ผงาดขึ้นมา อริยะก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนไป ผู้ที่หลุดพ้นเหล่านั้นล้วนออกจากมรรคาสวรรค์ ย้ายไปอยู่ที่แดนเซียนหวนปัจฉิม
ในเมื่ออวี้ผูถีสามารถรับรู้สถานการณ์ของมรรคาสวรรค์ได้ ผู้หลุดพ้นรายอื่นก็ย่อมทำได้เช่นกัน
ว่ากันตามตรงคือ อริยะเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นเชิดที่อริยะมหามรรคสอดแทรกไว้ในมรรคาสวรรค์
หานเจวี๋ยต้องเข้ายึดครองมรรคาสวรรค์อย่างลับๆ!
เช่นนี้ถึงจะมีแต่ได้ไม่มีเสีย!
….
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
อาณาเขตเต๋าอริยะ
ฉิวซีไหลนั่งบนแท่นบัวทอง สีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ไอสีเทาที่ดูเก่าแก่พิสดารหลายสายพัวพันอยู่รอบกายเขา
เขาพลันลืมตาขึ้น ตวาดดังลั่น ไอสีเทารอบกายหายไปทันที
ในเวลานี้ เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าฉิวซีไหล
ฉิวซีไหลจ้องมองเขา เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่!”
เงาดำเปิดปากกล่าว “มรรคาสวรรค์อ่อนกำลัง นี่เป็นโอกาสของเจ้า ข้าสิที่ต้องถามเจ้า เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
ฉิวซีไหลเงียบงัน
เงาดำเอ่ยต่อ “โลกพันอนันต์ของหลี่มู่อีกำลังจะถูกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการกลืนกิน เป้าหมายต่อไปก็คือมรรคาสวรรค์ หากเจ้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับมรรคาสวรรค์ ก็จะรับมือกับการโจมตีของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ดียิ่งขึ้น”
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการคือผู้ใด”
“สิ่งอัปมงคลที่เกิดขึ้นจากผลกรรมในแดนต้องห้ามอันธการ เขาต้องการกลืนกินมรรคาสวรรค์ทั้งน้อยใหญ่ เพื่อก้าวข้ามสู่มหามรรค ต่อสู้กับระเบียบโบราณ”
“เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ลงมือ”
“เจ้าดินแดนยังอยู่ เหตุใดต้องลงมือเล่า มรรคาสวรรค์และมหามรรคต่างไม่ก้าวก่ายกัน นี่คือกฎเหล็กที่ไม่อาจฝ่าฝืนได้”
ฉิวซีไหลตกอยู่ในความเงียบงัน
เงาดำเอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งแล้วหายตัวไปในอากาศ “ก่อนมหาเคราะห์ครั้งถัดไปมาเยือน จะต้องผสานรวมกับมรรคาสวรรค์ให้ได้ มิเช่นนี้ตำแหน่งอริยะของเจ้าก็เปลี่ยนคนมาแทนเสียเถอะ”
แววตาฉิวซีไหลวูบไหว ในใจรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
….
ห้าสิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ตรวจดูจดหมาย
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[หานโยวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญโลกแยกนภา] x842
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการแทรกซึมทางวิญญาณจากสิ่งอัปมงคล]
[หวนจุนเทียนสหายของท่านเข้าสู่อาณาเขตเต๋าของอริยะ]
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านกลืนกินสิ่งอัปมงคล ดวงชะตาเกิดความเปลี่ยนแปลง กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้าย]
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเข้าสู่แดนเทพหวนปัจฉิม]
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านได้รับการเข้าฝันจากผู้ทรงพลัง พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
….
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วทันที
จักรพรรดิสวรรค์กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ
ก่อนออกจากแดนเซียน จักรพรรดิสวรรค์ถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนลอบปองร้าย ถูกดวงจิตประหลาดชั้นรองยึดร่าง ขณะนั้นหานเจวี๋ยไม่มีความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ อับจนหนทาง
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา ตรวจดูรูปประจำตัวของจักรพรรดิสวรรค์
นามของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นจักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้าย ใบหน้าดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ คิ้วดกสีแดง สองเนตรมีนัยน์ตาดำสองลูก หว่างคิ้วปรากฏรอยขีดเป็นเส้นตรง ราวกับมีดวงตาข้างหนึ่งหลับตาอยู่ตรงนั้น
สิ่งสำคัญคือตบะของจักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้ายบรรลุถึงระดับครึ่งอริยะตอนปลายแล้ว!
ตบะเพิ่มพูนขึ้นเร็วยิ่ง!
หานเจวี๋ยลังเลอยู่พักหนึ่ง ตัดสินใจเข้าฝันจักรพรรดิสวรรค์
เขาสำแดงความฝันอันธการ จักรพรรดิสวรรค์ไม่อาจต่อต้านได้
ฉากความฝันคือป่าเล็กๆ ละแวกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เมื่อสี่หมื่นกว่าปีก่อน นับว่าเป็นสถานที่รำลึกความทรงจำระหว่างหานเจวี๋ยและจักรพรรดิสวรรค์
เมื่อได้พบจักรพรรดิสวรรค์อีกครั้ง สรรพสิ่งยังคงเดิมทว่าคนกลับเปลี่ยนแปลงไป
จักรพรรดิสวรรค์อยู่ในชุดคลุมสีดำลายมังกร สวมกวานหยกม่วงทองประดับเขามังกร มีเงากระบี่สามเล่มที่ก่อตัวเป็นรูปพัดลอยอยู่ด้านหลัง รูปทรงกระบี่แตกต่างกันไป
เมื่อเห็นหานเจวี๋ย จักรพรรดิสวรรค์ตกตะลึงไป
ทั้งสองจ้องมองกันอยู่เช่นนี้ ตกอยู่ในความเงียบงัน
ผ่านไปหลายลมหายใจ
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “เจ้าร้ายกาจกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เสียอีก เจ้าพิสูจน์มรรคแล้วหรือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ข้ายังมิใช่อริยะมรรคาสวรรค์ ช่วงนี้ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดียิ่ง ไม่ได้รู้สึกมีอิสระเสรีเช่นนี้มาก่อน หานเจวี๋ย หากเจ้าอยู่ในแดนเซียนต่อไปไม่ได้ ก็จงมาหาเราที่แดนเทพหวนปัจฉิม เราก่อตั้งวังสวรรค์แห่งใหม่ขึ้นแล้ว”
“เมื่อเทียบกับแดนเซียนแล้ว แดนเทพหวนปัจฉิมเป็นอย่างไรหรือ”
“อันตรายกว่า ทุรกันดารกว่า แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสเช่นกัน”
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
ทุรกันดารหรือ
เขานึกมาตลอดว่าแดนเทพหวนปัจฉิมงดงามรุ่งโรจน์กว่าแดนเซียน เปรียบเสมือนแดนเซียนในฉบับที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม แต่ฟังจากคำพูดจักรพรรดิสวรรค์แล้ว มิใช่เช่นนั้นเลย
จักรพรรดิสวรรค์ทอดถอนใจพลางเอ่ยว่า “แดนเทพหวนปัจฉิมถือกำเนิดก่อนแดนเซียน เป็นดินแดนมรรคาสวรรค์แห่งแรก ทว่าในอดีตถูกทำลายล้างด้วยมหาสงครามอริยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม บรรพชนเต๋าจึงรวบรวมเศษส่วนที่พังทลายของแดนเทพหวนปัจฉิมมาสร้างเป็นแดนเซียน ส่วนแดนเทพหวนปัจฉิมดั้งเดิมอุดมไปด้วยกรรม ความอาฆาตพยาบาทและแรงกรรม รกร้างกันดารมานานแล้ว ปัจุบันนถูกมองว่าเป็นหนทางสำหรับมุ่งสู่แดนบรรพกาล บนเส้นทางสายนี้มีผู้ทรงอำนาจมากมายที่สังหารฆ่าฟันและล่วงลับดับสูญ ทิ้งโอกาสวาสนามากมายเหลือคณาเอาไว้”
หานเจวี๋ยอดนึกถึงมหาสงครามอริยะในเรื่องห้องสินไม่ได้ หรือว่าการถือกำเนิดของแดนเซียนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?
เขาถามต่อ “แล้วแดนบรรพกาลเล่า”
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้า เอ่ยว่า “แดนบรรพกาล นั่นเป็นสถานที่เร้นลับ แม้ว่าจะมีคนรอดชีวิตออกมาจากที่นั่นได้ ก็ไม่มีทางยอมเผยความจริงด้านในออกมา เราเองก็ไม่ทราบแน่ชัด”
หานเจวี๋ยครุ่นคิด
จักรพรรดิสวรรค์จ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยว่า “หานเจวี๋ย มาเถอะ มาเข้าร่วมกับเรา เราจะแต่งตั้งเจ้าเป็นจักรพรรดิสวรรค์ อยู่ในวังสวรรค์ อยู่ใต้คนเพียงหนึ่งอยู่เหนือคนนับหมื่น หากเราร่วมมือกัน บุกยึดแดนต้องห้ามอันธการ กวาดล้างปวงสวรรค์หมื่นโลกา สร้างความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!”
หานเจวี๋ยเงียบงัน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขารู้สึกอยู่เสมอว่าจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนไป
นอกจากความทะเยอทะยานแล้ว นิสัยยังก้าวร้าวรุนแรงขึ้นอีกด้วย
“แล้วแดนเซียนเล่า ตอนนี้ท่านมีแผนการอย่างไรต่อแดนเซียน” หานเจวี๋ยถาม
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยด้วยความเย่อหยิ่ง “เราจะกลับไปในอีกไม่ช้าก็เร็ว อริยะทั้งหมดล้วนต้องชดใช้! เราจะกวาดล้างแดนเซียน ผู้ใดไม่ยอมสยบ ก็ต้องวอดวายไปด้วยกัน!”
เขาจ้องมองหานเจวี๋ยอีกครั้ง กล่าวว่า “หานเจวี๋ย ร่วมมือกับเรา กวาดล้างทุกสิ่ง เลียนอย่างผานกู่ในเทวตำนานบรรพกาล พวกเราจะสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่!”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ข้าจะใคร่ครวญดู”
“อืม”
ทั้งสองสนทนากันต่ออีกสักพัก
หลังจากแดนความฝันสิ้นสุดลง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
จักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้ายไปแล้วจริงๆ!
ตอนนี้นอกจากพลังอันแข็งแกร่ง ก็กลายเป็นตัวร้ายเต็มมาตรฐานอย่างสมบูรณ์!
แน่นอน หากมองในมุมของจักรพรรดิสวรรค์ เขาจะเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
‘จักรพรรดิสวรรค์สามารถบุกตะลุยไปทั่วแดนเทพหวนปัจฉิมได้ บางที่แดนเทพหวนปัจฉิมอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ข้าจินตนาการไว้ แต่มีผู้ที่เก่งกาจกว่าข้าอยู่แน่นอน’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญต่อ
ห้าร้อยปีผ่านไป
มรรคาสวรรค์มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ข้าคือเทพสูงสุดอู๋ฝ่า เป็นอริยะมรรคาสวรรค์คนใหม่ รับผิดชอบปลิดชีพสังหารตามระเบียบมรรคาสวรรค์ จะก่อตั้งสำนักไร้วิถีขึ้น!”
น้ำเสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกามรรคาสวรรค์
………………………………………………………………