ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 563 ภูตพยาบาท ศึกสวรรค์ปีศาจ
บทที่ 563 ภูตพยาบาท ศึกสวรรค์ปีศาจ
“เกิดอะไรขึ้น! เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่”
“เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”
“เพราะเหตุใด!”
ตัวตนลึกลับกรีดร้องคำรามอยู่ในสมองของหานทั่ว รู้สึกหวาดกลัวสุดขีด
ความเจ็บปวดทรมานของหานทั่วลดเลือนลงอย่างรวดเร็ว เขาอดฉงนไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น
เขานึกว่าตนต้องตายแน่แล้ว เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้รับผลสะท้อนกลับอย่างกะทันหันเล่า
หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าอธรรมย่อมพ่ายแพ้ธรรมะ
หานทั่วเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวาย
เสียงร้องโหยหวนของตัวตนลึกลับน่าสังเวชขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของหานทั่วฟื้นฟูกลับเป็นปกติด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชั้นหินบนร่างลบเลือนไป
เมื่อหานทั่วกลับเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ ตัวตนลึกลับไม่กรีดร้องอีกต่อไป เขาสัมผัสได้ว่าในส่วนลึกของวิญญาณมีบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ตนสามารถควบคุมได้ง่ายดายยิ่งราวกับสั่งการแขนขา
เขานำสิ่งนั้นออกมา ทันใดนั้นไอดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาเขา ร่วงลงบนพื้น ก่อนรวมตัวเป็นเงาร่างมนุษย์อย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้หน้าตาอัปลักษณ์ เครื่องหน้าราวกับตัดแปะเข้าด้วยกัน ร่างกายถูกไอดำปกคลุม มองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง
หานทั่วไม่กังวลเลย เนื่องจากเขาสามารถควบคุมเงาร่างตรงหน้าได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ความรู้สึกเช่นนี้สมจริงนัก แค่คิดเขาก็ตัดสินความเป็นความตายของอีกฝ่ายได้แล้ว
“เจ้าเป็นใคร” หานทั่วถาม
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยความผวา “ข้าสิที่อยากถามว่าเจ้าเป็นใคร!”
หานทั่วไม่ได้ตอบ เพียงจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น
เงาร่างมนุษย์ตกใจตัวสั่นระริก รีบเอ่ยว่า “เรียกข้าว่าภูตพยาบาทก็ได้ ข้าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวของวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วน”
“ภูตพยาบาทหรือ ภูตพยาบาทจากที่ใด”
“มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต…”
ดวงตาของหานทั่วส่องประกาย ถามต่อว่า “ได้ยินว่ามหาเคราะห์เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อหลายหมื่นปีก่อน มหาเคราะห์คืออะไร สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่”
ภูตพยาบาทตอบด้วยความระมัดระวัง “มหาเคราะห์ไร้อบเขตเป็นเคราะห์ภัยที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลก ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งก่อนมีสรรพสิ่งสิ้นชีพไปมหาศาล ทำให้มรรคาสวรรค์เริ่มวงจรใหม่อีกครั้ง ผู้ทรงพลังเลิศล้ำในยุคนั้นแทบถูกล้างหน้าไพ่จนสิ้น เจ้าเคยเห็นทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเลือดเนื้อกองท่วมสูงเป็นภูเขามหาสมุทรหรือไม่ นั่นก็คือมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต!”
หานทั่วฟังแล้วเหม่อลอย
น่ากลัวถึงเพียงนั้นจริงๆ น่ะหรือ
หานทั่วถาม “หลี่เต้าคงใช่หนึ่งในผู้ทรงพลังไร้เทียมทานจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งก่อนหรือไม่”
ภูตพยาบาทกล่าวว่า “ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ของข้าเคยได้ยินนามหลี่เต้าคงมาก่อนจริง หลี่เต้าคงคือศิษย์ใหญ่แห่งนิกายเหริน ให้การสนับสนุนวังสวรรค์ จนปัญญาที่วังสวรรค์พ่ายแพ้ ไม่ทราบเช่นกันว่าหลี่เต้าคงรอดมาได้หรือไม่”
หานทั่วอดถอนหายใจไม่ได้
รอดมาได้
แต่ถูกขับไล่ออกจากนิกายเหรินแล้ว
สำหรับหลี่เต้าคง หานทั่วเคารพยำเกรงมาโดยตลอด ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบพานมา ซ้ำยังเคยช่วยเหลือเขาไว้
จนใจที่หลี่เต้าคงไม่แยแสเขา ถึงเขาอยากกราบเป็นอาจารย์ก็ทำไม่ได้
หานทั่วถามด้วยความอยากรู้ “เช่นนั้นผู้ใดได้ชัยในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งก่อน ข้าได้ยินว่าทุกมหาเคราะห์ล้วนมีผู้ชนะ พึ่งพาดวงชะตาทะยานสู่สวรรค์”
ภูตพยาบาทเงียบงัน ย้อนระลึกความทรงจำตน
“น่าจะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ความทรงจำมากมายในสมองข้าล้วนเคยเอ่ยถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ได้ยินว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือผู้ชักนำมหาเคราะห์ จวบจนมหาเคราะห์สิ้นสุดลง ก็ไม่มีผู้ใดทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่มีคำทำนายอย่างหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลก”
“เมื่อปวงสวรรค์ตกอยู่ในความมืดมิด เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมาเยือน วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของภูตพยาบาทเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
วิญญาณอาฆาตมากมายในมหาเคราะห์ล้วนเคยสัมผัสการถูกสาปแช่งมาก่อน ยุคนั้นผู้คนต่างคิดแต่จะสาปแช่งกันอย่างบ้าคลั่ง
หานทั่วซักถามภูตพยาบาทต่อไป อาศัยความทรงจำของภูตพยาบาททำความเข้าใจประวัติศาสตร์แห่งแดนเซียน
….
หานเจวี๋ยดึงสายตากลับมา พลังของภูตพยาบาทไม่เลวเลยจริงๆ เป็นระดับต้าหลัวแล้ว ด้วยตบะของหานทั่วไม่มีทางสยบภูตพยาบาทได้ แต่ต้าหลัวมิอาจต่อต้านขัดขืนอริยะได้
หานเจวี๋ยทิ้งพลังของตนไว้ในร่างหานทั่ว พลังนี้ไม่เกินขอบเขตของครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ มิเช่นนั้นจะถูกมรรคาสวรรค์ต่อต้าน
ด้วยตบะของหานเจวี๋ย ควบคุมระดับความแข็งแกร่งของพลังได้ง่ายดายยิ่ง
หานทั่วนับว่าได้รับผู้คุ้มกันระดับเซียนทองต้าหลัวมาหนึ่งตนแล้ว
เพียงแต่เขาไม่รับรู้ถึงตบะของภูตพยาบาท และภูตพยาบาทก็มิได้ซื่อตรงถึงเพียงนั้น บอกแค่ว่าตนแข็งแกร่งกว่าหานทั่วเล็กน้อย เชี่ยวชาญพลังวิเศษด้านวิญญาณเท่านั้น
‘ต้องฝึกบำเพ็ญต่อ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการจับตามองแดนเซียน อาจบุกมาโจมตีได้ทุกเมื่อ ข้าไม่อาจประมาทได้’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ แม้ระบบป้องกันของมรรคาสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่หากมรรคาสวรรค์หายไปเล่า
เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ความรู้สึกปลอดภัยต้องได้มาจากตัวเอง หานเจวี๋ยไม่มีวันเอาความปลอดภัยไปผูกไว้กับมรรคาสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นคือมรรคาสวรรค์นี้ยังคิดร้ายกับเขาอีกด้วย!
หานเจวี๋ยหลับตาลง เวลาค่อยๆ ไหลผ่าน
ผ่านไปอีกสามพันปี!
ครั้งนี้หานเจวี๋ยปิดด่านฝึกบำเพ็ญยาวนานที่สุด ในสามพันปีนี้เขาถึงขั้นไม่แสดงธรรมเลย และไม่มีผู้ใดมารบกวนเขา
ช่วงนี้สถานการณ์ในแดนเซียนเปลี่ยนแปลงไป พอฉิวซีไหลแสดงธรรมจบ เขาได้คัดเลือกผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนามว่าต้าซั่นเทียนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งอริยะ
เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นให้ปวงสวรรค์หมื่นโลกา!
ต้าซั่นเทียนก็ไม่ธรรมดา หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ เขาคือผู้บำเพ็ญทรงพลังคนแรกที่บุกเบิกโลกมนุษย์ขึ้น!
จากนั้น ต้าซั่นเทียนเริ่มก่อตั้งสำนักดวงชะตาขึ้นในแดนเซียน สำนักแยกนภา จำนวนศิษย์ในสำนักเกินสิบล้านแล้ว ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่านิกายเจี๋ยในสมัยนั้น
นอกเหนือไปจากนี้คือ แนวโน้มสถานการณ์ของเผ่าปีศาจรุนแรงยิ่ง
ฉีเทียนต้าเซิ่งอี๋เทียนเข้าร่วมเผ่าปีศาจ กลายเป็นหนึ่งในสิบพญาเทพปีศาจใต้สังกัดจักรพรรดิปีศาจอีกาทอง มีพลทหารปีศาจใต้บังคับบัญชานับไม่ถ้วน เป็นผู้ทรงอิทธิพล
ในทางกลับกันเผ่ามนุษย์เข้าสู่ยุคสมัยที่ยากลำบากที่สุด เผ่าต่างๆ ล้วนมองเผ่ามนุษย์เป็นอาหาร หลังจากสูญเสียตำแหน่งเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ไป ในบรรดาสำนักนิกายแห่งอริยะก็เหลือเพียงนิกายเหรินที่เกื้อกูลเผ่ามนุษย์อยู่ แต่ก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนมากนัก เพียงออกหน้าเป็นครั้งคราวเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง
เผ่าสวรรค์แข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ทรงอำนาจเทียมฟ้า ทั่วทั้งแดนเซียนไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดสามารถเทียบเคียงได้
จักรพรรดิเซียนของเผ่าสวรรค์มีมากมายเหลือเกิน ทว่าระดับเทพกลับน้อยยิ่ง แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือมีผู้ทรงพลังเลิศล้ำอีกคนหนึ่ง!
เซียนกระบี่อันดับหนึ่งแห่งแดนเซียน หลี่เต้าคง!
หลี่เต้าคงเข้าร่วมวังสวรรค์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ด้วยชื่อเสียงอันแกร่งกล้าเกรียงไกรดึงดูดผู้ทรงพลังมาสู่เผ่าสวรรค์ได้มากมาย
ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งพูดเล่นๆ ว่า มหาเคราะห์ครั้งต่อไปคงเป็นศึกสวรรค์กับปีศาจ!
ในวันนี้เอง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืนแล้วขยับแขนขา
ยอดเยี่ยม!
ได้ฝึกบำเพ็ญโดยไม่มีเรื่องกวนใจช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
ไม่แปลกเลยที่ผู้ทรงพลังในยุคบรรพกาลปิดด่านหนึ่งครา กินเวลาถึงสามพันปี
การปิดด่านสามพันปีทำให้ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นมากนัก ตัวเขาสามารถรับรู้ได้ว่าตนกำลังแข็งแกร่งขึ้น
หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายเล็กน้อย เมื่อยืนยันได้ว่าช่วงนี้ไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น วงศ์วานมิตรสหายล้วนปลอดภัยดี เขาถึงเดินออกมาจากอารามเต๋า
เฉาเชา จางเจี่ยว และจิ้งจอกชาดลุกขึ้นทันที ทำความเคารพหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยพยักหน้านิดๆ จากนั้นเดินไปหยุดหน้าต้นฝูซัง
เหล่าศิษย์ใต้ต้นฝูซังพากันลุกขึ้นคารวะ
ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นมา “ไม่ได้พบกันไม่กี่พันปี นายท่านดูดีขึ้นอีกแล้ว ตบะต้องเหนือล้ำกว่าอริยะไปแล้วแน่นอน!”
เจ้าไก่ขี้ประจบตัวนี้ยกยอเกินเหตุไปบ้าง
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะด่าไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยนพลันเดินเข้ามา
“นายท่าน ข้ากำลังคิดจะไปหาท่านพอดี” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “มีเรื่องใด”
อู้เต้าเจี้ยนมองดูรอบข้าง ถ่ายทอดเสียงหาหานเจวี๋ยว่า “ไท่ซู่เทียนเข้าฝันข้า บอกว่าเผ่ามนุษย์ประสบปัญหา หวังว่าสำนักซ่อนเร้นจะยอมออกหน้าช่วยเหลือ นางบอกว่าเจ้าแม่หนี่ว์วารับปากท่านแล้วไม่มีทางผิดคำพูด สิ่งที่ท่านต้องการเก็บซ่อนไว้ที่เผ่ามนุษย์”
หืม?
หนี่ว์วาซ่อนปราณม่วงอนธการของตนไว้ที่เผ่ามนุษย์หรือ
หานเจวี๋ยไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
เขาไม่ได้ต้องการปราณม่วงอนธการ อีกอย่างเผ่ามนุษย์มีมากมายขนาดนั้น เขาจะคุ้มครองทั้งหมดได้หรือ
ในมุมมองของเขา ขอเพียงเผ่ามนุษย์ในโลกเขย่าพิภพอยู่รอดก็พอ เผ่ามนุษย์ในแดนเซียนต่อให้ตายกันหมด แล้วเกี่ยวอันใดกับเขาด้วยเล่า
แต่จะว่าไปแล้ว เผ่ามนุษย์ประสบเภทภัยใดกัน
หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู สีหน้าพลันแปลกพิกลไป
………………………………………………………………