ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 564 จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสวามิภักดิ์ ผู้แสวงมรรควิถี
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 564 จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสวามิภักดิ์ ผู้แสวงมรรควิถี
บทที่ 564 จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสวามิภักดิ์ ผู้แสวงมรรควิถี
จากการทำนาย หานเจวี๋ยพบว่าเภทภัยของเผ่ามนุษย์มีต้นตอมาจากภายในเผ่าพันธุ์มนุษย์เอง
หนึ่งหมื่นปีก่อนเผ่ามนุษย์มีครอบครัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกสังหารล้างตระกูล เผชิญความลำบากยากเข็ญสารพัด ในใจเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อเผ่ามนุษย์ ต่อมาได้รับโอกาสวาสนาในสถานที่อันน่าสิ้นหวังแห่งหนึ่ง จึงพัฒนาแบบพุ่งทะยาน
คนผู้นี้นามว่าสวีตู้เต้า ผู้เป็นอาจารย์คือ…
จักรพรรดิเซียนวัฏจักร!
หานเจวี๋ยเกือบลืมคนผู้นี้ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่ายังคงวิ่งเต้นอย่างลับๆ อยู่
สวีตู้เต้ามีตบะระดับเทพแล้ว พิสูจน์ระดับเทพในหมื่นปี ความเร็วของเขาเกินจริงอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามหานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าพลังส่วนใหญ่ในร่างของเขาเป็นพลังเวทของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเป็นเซียนทองต้าหลัว!
วันหน้าหากต้องการสำเร็จเป็นครึ่งอริยะ ย่อมมิใช่เรื่องยากแน่นอน
หานเจวี๋ยไม่สนใจอู้เต้าเจี้ยนอีก หันหลังจากไป กลับไปที่อารามเต๋าของตน
เขาถามอยู่ในใจ ‘เพราะเหตุใดจักรพรรดิเซียนวัฏจักรถึงเกื้อหนุนสวีตู้เต้า’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
สองพันล้านปี ไม่เลว จักรพรรดิเซียนวัฏจักรพอมีฝีมืออยู่บ้าง
ดำเนินการต่อ!
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
ที่นี่คือห้วงมิติมืดมัวแห่งหนึ่ง ไอหมอกอบอวล จักรพรรดิเซียนวัฏจักรนั่งสมาธิอยู่ด้านหน้า ภาพลักษณ์ดูลึกลับ ราวกับเงามายา
ในยามนี้เอง ร่างคนผู้หนึ่งหล่นลงมาเบื้องหน้าจักรพรรดิเซียนวัฏจักร
เป็นสวีตู้เต้าผู้นั้น
สวีตู้เต้าอยู่ในภาวะหมดสติ ลมหายใจรวยริน
เสียงหนึ่งแว่วขึ้น “จักรพรรดิเซียนวัฏจักร เจ้าอยากเป็นอริยะมิใช่หรือ ให้การสนับสนุนเด็กคนนี้สิ ให้เขาทำลายล้างเผ่ามนุษย์ ให้เผ่ามนุษย์ตายด้วยน้ำมือตน เจ้าและข้าไม่ต้องแบกรับผลกรรมใด วันหน้าข้าจะหาวิธีจัดสรรปราณม่วงอนธการให้เจ้า”
หานเจวี๋ยแสดงท่าทีแปลกใจ
เสียงนี้…
มหาจักรพรรดิเซียว!
ไม่นึกเลยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิเซียนวัฏจักรคือมหาจักรพรรดิเซียว
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรลืมตาขึ้น เผยให้เห็นตาดำสองข้าง เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร”
มหาจักรพรรดิเซียวกล่าว “เจ้าทำได้เพียงเชื่อข้า อริยะรายอื่นล้วนดูแคลนเจ้า อีกทั้งเจ้าถือกำเนิดจากวัฏจักร จักรพรรดินีผืนพิภพกดหัวเจ้าอยู่”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเงียบงัน
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลงไปเช่นนี้ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมา
เมื่อพูดถึงจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ความรู้สึกที่หานเจวี๋ยมีต่อเขาช่างซับซ้อนนัก
มรดกทายาทจักรพรรดิเซียนที่ระบบจัดสรรให้เขามาจากจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ในอดีตจักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็เคยวางแผนต่อเขาเช่นกัน แต่มิได้ทำอันตรายเขา ในอดีตตี้ไท่ไป๋ร่างแยกของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็เคยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครั้ง
หลายหมื่นปีผ่านไป ชีวิตแปรเปลี่ยนผกผัน เขาสามารถมองหยามจักรพรรดิเซียนวัฏจักรได้แล้ว
คิดไปคิดมา หานเจวี๋ยตัดสินใจไปเข้าฝันจักรพรรดิเซียนวัฏจักร
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหลบซ่อนมิดชิดยิ่ง แต่ไม่มีทางหลบพ้นสายตาอริยะได้ หาตัวพบอย่างง่ายดาย
ในแดนความฝัน
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรลืมตาขึ้น มองเห็นหานเจวี๋ยที่แผ่แสงเทพปกคลุมร่าง เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ถามเสียงเข้มว่า “ท่านคือผู้ใด”
เขาตระหนกผวาอยู่ในใจ ไม่น่าเชื่อว่าตนจะถูกดึงเข้าสู่แดนความฝันโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะเป็นอริยะก็ไม่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ หานเจวี๋ยปลดแสงเทพจากหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา เผยใบหน้าหล่อเหลาเลิศล้ำไม่เป็นสองรองใครของตนออกมา
หลังจากมองเห็นใบหน้าหานเจวี๋ยอย่างชัดเจน จักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็แสดงสีหน้าตกตะลึง
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “พวกเราพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่ก็มิใช่ครั้งแรกที่พบกัน”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเงียบงัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง
เขาถอนหายใจ “ข้าชื่นชมเจ้า แต่ก็ดูแคลนเจ้าด้วย”
ความรู้สึกที่เขามีต่อหานเจวี๋ยซับซ้อนเช่นกัน
ปีนั้นยามที่หานเจวี๋ยเผยคุณสมบัติออกมา จักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็จับตามองอย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ไม่คิดเลยว่าหานเจวี๋ยจะผงาดขึ้นมารวดเร็วเกินไป เร็วจนเขาตอบสนองไม่ทัน หานเจวี๋ยล้ำหน้าเขาไปแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าต้องการที่พึ่งหรือไม่”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตะลึงงัน ขมวดคิ้วพลางเอ่ยวาจา “หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าก็นับว่ามีกรรมติดค้างเจ้า ทำงานให้ข้า แล้วข้าจะให้การสนับสนุนเจ้า”
“เจ้ารู้หรือว่าข้าต้องการสิ่งใด”
“ก็แค่ตำแหน่งอริยะมิใช่หรือ”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเงียบไปอีกครั้ง
หานเจวี๋ยก็ไม่ร้อนรน รอคอยด้วยความอดทน
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเงยหน้าขึ้นพลางถาม “เหตุใดเจ้าถึงไว้ใจข้า”
หานเจวี๋ยจ้องมองเขา ตอบว่า “มีเหตุจึงมีผล กรรมแห่งมรรคาสวรรค์ก็มีชะตากรรมเป็นของตัวเอง ข้ารู้ว่าสถานการณ์ของเจ้ามิสู้ดี ทำงานรับใช้ข้า ขอเพียงยอมละวางทิฐิเท่านั้น นิสัยของข้าเจ้าก็น่าจะรู้ สำนักซ่อนเร้นตั้งแต่บนจรดล่างไม่เคยมีผู้ใดได้รับความอึดอัดคับข้อง โอกาสนี้ข้าจะมอบให้เจ้าเพียงครั้งเดียว หากเจ้าตอบตกลงแล้ววันหน้ายังทรยศข้า เชื่อข้าเถิด มิใช่แค่มหาจักรพรรดิเซียว แต่จะไม่มีอริยะรายไหนช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น”
สีหน้าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเรียบเฉย แต่หัวใจเขาเต้นรัวอีกครั้ง
หานเจวี๋ยเอ่ยถึงมหาจักรรพรรดิเซียว หรือว่า…
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พลันคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย
การคุกเข่าครั้งนี้ แปลว่าเขายอมปล่อยวางแล้ว
เมื่อเทียบกับศักดิ์ศรี เขาสนใจความก้าวหน้ามากกว่า
เขาปรารถนาจะสำเร็จเป็นอริยะเหลือเกิน!
“ข้าน้อยน้อมคารวะท่านเจ้าสำนัก!”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเอ่ยเสียงขรึม หนักแน่นกังวาน
[ความประทับใจที่จักรพรรดิเซียนวัฏจักรมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อย่าได้สอดมือเข้ายุ่งเรื่องสวีตู้เต้า รีบตัดสัมพันธ์โดยเร็ว มหาจักรพรรดิเซียวไม่ต้องการแบกรับผลกรรม แต่เจ้านับว่าเป็นอาจารย์ของสือตู้เต้า เจ้าจะต้องเป็นผู้แบกรับ มิเช่นนั้นเหตุใดอริยะต้องเลือกเจ้าเป็นตัวกลางเล่า”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ความจริงข้าทราบดี แต่ข้าไม่มีทางเลือก”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าจะถ่ายทอดมหามรรควิถีหนึ่งให้แก่เจ้า ฝึกบำเพ็ญให้ดี วันหน้าหากมิมีคำสั่งจากข้า อย่าได้ทำงานให้อริยะอีก ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป และข้าก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด”
เอ่ยจบเขาก็ไม่พูดมากอีก เริ่มถ่ายทอดมหามรรคต้นกำเนิดให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักร
การเข้าฝันครั้งนี้กินเวลาถึงสิบปี
หลังการเข้าฝันสิ้นสุดลง ค่าความประทับใจที่จักรพรรดิเซียนวัฏจักรมีต่อหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ดาว
มหามรรคต้นกำเนิดมีหนทางในการพิสูจน์มรรค นี่คือโอกาสวาสนาที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า!
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตื่นตะลึงและยินดีไปพร้อมกัน
โชคดีที่เขายอมตกลงรับใช้หานเจวี๋ย มิเช่นนี้คงพลาดโอกาสวาสนาเช่นนี้ไป
เพียงแต่พอนึกย้อนกลับไป เขาสะท้อนใจอย่างยิ่ง
ไม่คิดเลยว่าที่พึ่งที่ตนเฝ้ารอคอยมาโดยตลอดจะเป็นผู้ที่ตนชุบเลี้ยงอบรมมา
บ่วงกรรมช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้
….
เลือกสนับสนุนจักรพรรดิเซียนวัฏจักร เป็นเพียงความต้องการส่วนตัวของหานเจวี๋ย เขามิได้มีความคาดหวังต่อจักรพรรดิเซียนวัฏจักร
ต่อให้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหักหลังเขา เขาแค่พลิกฝ่ามือก็ทำลายล้างอีกฝ่ายได้
อีกอย่าง ขอเพียงจักรพรรดิเซียนวัฏจักรฝึกบำเพ็ญมหามรรคต้นกำเนิด ก็อย่าคิดจะได้หักหลังเขาอีกเลย
หากเกิดเรื่องขึ้นกับหานเจวี๋ย ทุกคนในเส้นทางมหามรรคาสายนี้ล้วนต้องเดือดร้อน
อริยะอาจจะต้านทานความเย้ายวนของมหามรรคต้นกำเนิดได้ แต่ระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไปผู้ใดจะต้านทานไหวเล่า
เขาเชื่อว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเริ่มศึกษามหามรรคต้นกำเนิดแล้ว
หานเจวี๋ยอารมณ์ดี จึงเดินออกจากอารามเต๋า เรียกรวมตัวศิษย์ทั้งหมดและเริ่มแสดงธรรม
การแสดงธรรมครั้งนี้ดำเนินอยู่หนึ่งร้อยปี
หนึ่งร้อยปีต่อมา
หลังจากหานเจวี๋ยแสดงธรรมเสร็จสิ้นก็กลับไปที่อารามเต๋า
เขาทอดสายตามองออกไปนอกเขตเซียนร้อยคีรี
สิบกว่าปีก่อนนอกเขตเซียนร้อยคีรีมีผู้แสวงหามรรควีถีผู้หนึ่งมาเยือน คุกเข่าคารวะมาจนถึงตอนนี้
คนผู้นี้คือหานทั่ว
บุตรชายมาร้องขอมรรควิถี!
ว่ากันตามจริง ขณะนี้หานเจวี๋ยไม่คิดจะให้หานทั่วเข้ามา เขาคาดหวังให้หานทั่วเลือกเดินในเส้นทางที่ต่างไปจากตน
ทันทีที่หานทั่วเข้ามา ศิษย์คนอื่นๆ ต้องคาดเดาสถานะของเขากับหานทั่วได้แน่นอน หลังจากความจริงถูกเปิดเผย ทัศนคติของหานทั่วจะเปลี่ยนไป
ไม่อยากเชื่อว่าบิดาของตนจะเป็นอริยะ!
ไม่ว่าทัศนคติจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือเปลี่ยนไปในทางเลวร้าย ก็ล้วนไม่ดีทั้งสิ้น
หานเจวี๋ยหวังให้หานทั่วได้ก้าวเดินบนเส้นทางพิสูจน์มรรคในแบบของเขาเอง ถึงอย่างไรในขอบเขตของมรรคาสวรรค์ก็ไม่มีผู้ใดสังหารหานทั่วได้
ขณะที่หานทั่วกำลังคุกเข่าแสวงหามรรควิถีอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “เจ้าไปเสียเถอะ”
หานทั่วลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “ข้าได้รับการเชื้อเชิญจากเต้าจื้อจุน โจวฝานและจ้าวเซวียนหยวนศิษย์แห่งสำนักซ่อนเร้น”
ที่แท้ผู้มาใหม่ทั้งสองคนในอาณาเขตฟ้าบุพกาลก็คืออี๋เทียนและหานทั่ว
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงออกไปอีกครั้ง “ภายในหนึ่งล้านปี หากเจ้าสำเร็จเป็นครึ่งอริยะได้ด้วยตัวเอง ข้าเจ้าสำนักซ่อนเร้น จะรับเจ้าเป็นศิษย์สายตรงทันที และจะมอบสิทธิ์ในการพิสูจน์มรรคให้เจ้า”
………………………………………………………………