ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 566 ความเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ร่างมารบรรพชนเต๋า
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 566 ความเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ร่างมารบรรพชนเต๋า
บทที่ 566 ความเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ร่างมารบรรพชนเต๋า
“เข้ามาเถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงหานเจวี๋ย หลงเฮ่าเผยสีหน้าปรีดา ลุกขึ้นทันทีแล้วเดินเข้ามาในอารามเต๋า
เขาคุกเข่าคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
ปัจจุบันเขาอยู่ในระดับปฐมเทพขั้นหกแล้ว เข้าใกล้ระดับเซียนทองต้าหลัวยิ่งนัก พรสวรรค์ดั้งเดิมของเขาก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่จนใจที่ประสบการณ์ในมหาเคราะห์ครั้งก่อนทำให้ดวงชะตาถูกสะกดยับยั้งมาตลอด
เฮ่าเทียนลอยออกมาจากร่างหลงเฮ่า เอ่ยว่า “ตบะของเด็กคนนี้ติดอยู่ที่ระดับปฐมเทพขั้นหก ข้าสงสัยว่าจะมีคนเล่นลูกไม้กับเขา ท่านช่วยตรวจดูให้ทีเถิด”
หลงเฮ่าเงยหน้าขึ้น แววตาเปี่ยมความคาดหวัง
เขาส่งจิตศักดิ์สิทธิ์ออกไป ตรวจสอบวิญญาณของหลงเฮ่า
หืม?
มีจริงๆ ด้วย!
พลังนี้ซ่อนอยู่ลึกยิ่ง ผนึกมรรควิถีของหลงเฮ่าไว้
ช้าก่อน!
นี่มิใช่พลังเวทของจักรพรรดิสวรรค์หรอกหรือ
สีหน้าหานเจวี๋ยไม่แปรเปลี่ยน รู้สึกแปลกอยู่ในใจ
พอคิดดูอย่างละเอียด ยากจะตัดสินทัศนคติของจักรพรรดิสวรรค์ที่มีต่อหลงเฮ่าได้ จะบอกว่าเขารักทะนุถนอมหลงเฮ่า แต่ก็ไม่ยกบัลลังก์ให้หลงเฮ่า จะบอกว่าเขาชิงชังหลงเฮ่า แต่ก็ฝากฝังหลงเฮ่าไว้กับหานเจวี๋ย
จักรพรรดิสวรรค์มีโอรสมากมายถึงเพียงนั้น หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดลง เหลือเพียงหลงเฮ่าที่รอดมาได้
ไม่ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะคิดอย่างไร ในเมื่อหลงเฮ่ามาหาหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยก็จำเป็นต้องลงมือช่วยเหลือ
บางทีพลังนี้อาจมีเพื่อปกป้องหลงเฮ่าไม่ให้ถูกเฮ่าเทียนยึดร่าง แต่เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของหานเจวี๋ย เฮ่าเทียนจะไม่มีทางยึดร่างได้แน่นอน
เพียงหานเจวี๋ยคิด พลังของจักรพรรดิสวรรค์ที่ผนึกมรรควิถีของหลงเฮ่าไว้ก็สลายไปทันที
ทันใดนั้น หลงเฮ่าเสมือนได้ปลดเปลื้องภาระหนักอึ้ง
เขามองหานเจวี๋ยด้วยความดีใจ ถามขึ้นว่า “อาจารย์ ท่าน…”
หานเจวี๋ยตอบรับ “อืม กลับไปฝึกฝนให้ดีเถอะ”
หลงเฮ่ารีบโขกศีรษะขอตัวลา
เฮ่าเทียนก็ทำความเคารพเช่นกัน
หลังจากออกจากอารามเต๋า เฮ่าเทียนเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “อาจารย์ของเจ้าร้ายกาจจริงๆ รู้สึกได้ว่าเหนือล้ำกว่าอริยะผู้วางตัวสูงส่งเหล่านั้นแล้ว”
หลงเฮ่ากล่าวด้วยความภูมิใจ “เหลวไหล อาจารย์ของข้าเป็นผู้ยุติมหันตภัยมารสวรรค์ อริยะล้วนยอมรับนับถือ!”
เฮ่าเทียนส่ายหน้าหลุดยิ้ม รู้สึกว่าเรื่องโชคดีที่สุดในชีวิตนี้ของหลงเฮ่าคือได้กราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์ มิเช่นนั้นคงถูกเขายึดร่างไปนานแล้ว หรือไม่ก็คงสิ้นชีพในมหาเคราะห์
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ จักรพรรดิสวรรค์ก็ขอเข้าฝันเขา
ตอนนี้ควรเรียกว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
หานเจวี๋ยตอบรับคำขอเข้าฝันของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ครั้งนี้ แดนความฝันมิใช่ป่าเล็กนอกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ แต่เป็นแผ่นดินรกร้างแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยซากศพ
ท้องนภาสูงยิ่ง เมฆครึ้มเนืองแน่น น่าหดหู่อย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยมองเห็นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ยืนอยู่บนกองกระดูกด้านหน้าที่สุมทับกันจนกลายเป็นภูเขาลูกเล็กๆ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหลุบตามองหานเจวี๋ย เอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าต้องกำจัดพลังเวทที่เราทิ้งไว้ในร่างหลงเฮ่า”
หานเจวี๋ยกล่าว “ข้าไม่ทราบว่าฝ่าบาทมีเจตนาใด ข้าคิดว่าท่านอยากปกป้องเขา ยามนี้เขาปลอดภัยไร้อันตราย ข้าจึงกำจัดพลังนี้ให้ ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญอีก”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจ้องมองเขาอย่างเยียบเย็น
[ความประทับใจที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมีต่อท่านลดลง ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายใน
เขาเอ่ยถาม “ท่านไม่ชอบหลงเฮ่าหรือ แล้วเหตุใดจึงให้ข้ารับเขาเป็นศิษย์”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบว่า “มิใช่ว่าข้าไม่ชอบหลงเฮ่า เพียงไม่ชอบเฮ่าเทียนเท่านั้น ตอนนี้ยิ่งหลงเฮ่าแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไร เฮ่าเทียนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น สองคนนี้แยกจากกันไม่ได้”
หานเจวี๋ยเงียบไป เป็นเช่นนี้จริงๆ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยถาม “เจ้ามองรอบๆ นี้สิ เจ้าคิดเห็นประการใด”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “มรรคาสวรรค์ยอดเยี่ยมโดยแท้”
“ใช่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับมรรคาสวรรค์ สถานที่แห่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่ายมโลกเสียอีก ที่นี่ก็คือแดนเทพหวนปัจฉิม”
“โชคดีที่ข้ามิได้ไปที่แดนเทพหวนปัจฉิม”
“ไม่ เจ้าสมควรมา เมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าถึงจะแข็งแกร่งขึ้น หากอยู่ที่แดนเซียน เจ้าจะหยุดอยู่ที่อริยะ ไม่อาจก้าวหน้าได้อีก ข้าเคยเห็นการต่อสู้ของอริยะเสรีมาก่อน วาจาคือประกาศิต เพียงพูดก็เปลี่ยนแปลงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ พลังอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น เจ้าไม่ต้องการหรือ”
“ต้องการ แต่ข้ายังไม่บรรลุจุดสูงสุดแห่งอริยะ ไม่ต้องการไปเสี่ยงอันตรายตอนนี้”
“ก็ถูกแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถูกความสัตย์ซื่อของหานเจวี๋ยทำให้หมดคำพูด
หานเจวี๋ยกลับวิตกอยู่ในใจ
วาจาคือประกาศิตหรือ
ซ้ำยังเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วได้อีก
นี่คือการย้อนเวลาหรือว่ากำหนดชะตาโดยตรงกันแน่
แดนเทพหวนปัจฉิมอันตรายจริงๆ!
หานเจวี๋ยเห็นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเงียบไป อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “ระยะนี้ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”
“พอใช้ได้ เราหวังว่าเจ้าจะไม่ใกล้ชิดกับเฮ่าเทียนเกินไป หากทำได้ เราอยากให้เจ้าทำลายล้างเฮ่าเทียนเสีย” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายส่ายหน้าพลางเอ่ยวาจา
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าจะใคร่ครวญดู ถ้าฝ่าบาทมีปัญหา หากข้าสามารถช่วยท่านได้ บอกได้ทุกเมื่อเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
การเข้าฝันสิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
ทัศนคติของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายผิดแผกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม้ว่าจะยังไม่สำเร็จเป็นอริยะ ก็ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ดูเหมือนดวงจิตประหลาดชั้นรองและสิ่งอัปมงคลจะส่งผลกระทบต่อเขามหาศาลยิ่ง
ส่วนเรื่องทำลายเฮ่าเทียน ตอนนี้หานเจวี๋ยยังลงมือไม่ได้
ไม่มีเหตุผลที่จำเป็นต้องลงมือ อีกอย่างค่าความประทับใจที่เฮ่าเทียนมีต่อเขาก็ยังสูงอยู่
หานเจวี๋ยทำได้เพียงรอให้เฮ่าเทียนกระทำความผิดก่อน ค่อยช่วยจักรพรรดิสวรรค์ทำลายคนผู้นี้
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในใจเขาก็เอนเอียงไปหาจักรพรรดิสวรรค์มากกว่า
หากว่าเฮ่าเทียนจงรักภักดีไปตลอด เช่นนั้นก็หมดหนทางแล้ว
หากสังหารเฮ่าเทียนอย่างไร้เหตุผล ศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักซ่อนเร้นจะคิดอย่างไรเล่า
หานเจวี๋ยไม่คิดมากต่อไปอีก ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
….
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน เวลาหมุนเวียนไป
ผ่านพ้นไปอีกสามพันปี
หานเจวี๋ยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ชอบปิดด่านเป็นระยะเวลาที่ลงท้ายด้วยเลขศูนย์
เขาลืมตาขึ้น เริ่มตรวจดูจดหมาย บ้างก็เผชิญกับการโจมตี บ้างก็พบโอกาสวาสนา บ้างก็เผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ และมีการพบพานเรื่องอื่นๆ
มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ย
[มหาจักรพรรดิเซียวสหายของท่านออกจากมรรคาสวรรค์]
[มหาจักรพรรดิเซียวสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ เริ่มหลุดพ้นจากดวงชะตามรรคาสวรรค์]
หานเจวี๋ยเรียกรูปประจำตัวของมหาจักรพรรดิเซียวออกมาตรวจดู พบว่าตบะของคนผู้นี้ไม่ได้ลดลง
กล่าวอีกนัยคือเขามิได้ถูกทำให้อ่อนแอลง แต่กำลังจะแข็งแกร่งขึ้น
หรือว่าเขาต้องการเลียนอย่างหลี่มู่อี หลบหนีจากฐานะอริยะมรรคาสวรรค์?
ไม่ถูกสิ
ผู้ทรงพลังลึกลับน่าจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่า
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำนายดูสักหน่อย ป้องกันไม่ให้ถูกลอบปองร้าย
‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ชี้แนะมหาจักรพรรดิเซียว’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเจ็ดหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า
[หลัวโหว: อริยะเสรีระยะสมบูรณ์ ปฐมบรรพชนเผ่ามาร มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ ร่างมารบรรพชนเต๋า]
สีหน้าท่าทางของหานเจวี๋ยดูแปลกพิกล
เขาเคยได้ยินเรื่องหลัวโหว ชื่อของเขาแพร่สะพัดไปทั่วโลก แต่สมญาดวงชะตาในส่วนหลังกลับมีปัญหายิ่ง
หลัวโหวบรรพชนมารไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบุตรแห่งมรรคาสวรรค์ ซ้ำยังเป็นร่างมารบรรพชนเต๋าด้วย!
สรรพสิ่งต่างรู้กันดี เหตุผลที่บรรพชนเต๋าโดดเด่นขึ้นมาก็เพราะเหยียบขยี้บรรพชนมาร และนั่นคือมหาเคราะห์ครั้งแรกแห่งมรรคาสวรรค์ ศึกมรรคปะทะมาร
หรือว่าทุกอย่างนี้จะเป็นการกำกับฉากของบรรพชนเต๋าเอง
หรือว่าบรรพชนเต๋าสยบหลัวโหวได้?
หานเจวี๋ยทำนายถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลัวโหวและบรรพชนเต๋าต่อ
[เกี่ยวข้องกับตัวตนที่อยู่เหนือว่าขีดจำกัดของระบบ ไม่สามารถทำนายได้]
หานเจวี๋ยอดมองหลัวโหวอีกครั้งไม่ได้
เขาสังหรณ์ว่าหลัวโหวจะหวนกลับมาอีกครั้ง
อริยะมรรคาสวรรค์เหล่านี้ล้วนมีผู้หนุนหลังที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลัง โชคดีที่หานเจวี๋ยไม่ได้สังหารพวกเขาไปตรงๆ
แล้วไปเถอะ
ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นก็ทำให้พวกเขากัดกันเองเสีย หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะโดยตรง
หานเจวี๋ยลุกขึ้นมา ตัดสินใจจะออกไปแสดงธรรม กำจัดความคิดฟุ้งซ่าน
ในขณะเดียวกันนี้
สุดเขตตอนเหนือของแดนเซียน พื้นน้ำแข็งกว้างไกลไร้ขอบเขตจู่ๆ ก็บังเกิดรอยปริแตกมากมาย แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ไอดำอันน่าหวาดหวั่นลอยขึ้นมาจากด้านล่าง
………………………………………………………………