ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 58 ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปด หนังสือแห่งความโชคร้าย
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 58 ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปด หนังสือแห่งความโชคร้าย
บทที่ 58 ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปด หนังสือแห่งความโชคร้าย
หลี่เฉียนหลง?
ผู้สืบทอดราชาพิษ?
หานเจวี๋ยมีสีหน้าแปลกประหลาด
ชื่อของหลี่เฉียนหลงผู้นี้ช่างรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก
เหมือนว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน!
ช้าก่อน!
หนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้ โม่จู๋นัดเขาไปหาโชค เหมือนกับว่าสถานที่ที่ไปก็คือถ้ำเทวาของหลี่เฉียนหลง
คิดไม่ถึงว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงนี้ หลี่เฉียนหลงก็กลับมาแล้ว!
ตบะระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นห้า ในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนพอที่จะนับได้ว่าสูงส่งมาก หากเขากลับมาอย่างประจักษ์สายตา จะต้องก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
หานเจวี๋ยไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หยางเทียนตง ฉางเยวี่ยเอ๋อร์และสิงหงเสวียนก็มาหาเขาบ่อยๆ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย นี่หมายความว่าอย่างไรกัน
หมายความว่าหลี่เฉียนหลงแอบซ่อนตัวเข้ามาอย่างไร!
หานเจวี๋ยรีบค้นหาตำแหน่งของหลี่เฉียนหลงทันที
กลับไม่คาดคิดว่าหลี่เฉียนหลงจะอยู่บนยอดเขาหลัก
ยามนี้ นักพรตเต๋าจิ้งซวีได้เรียกให้ศิษย์ทั้งหมดบนยอดเขาหลักมารวมตัวกัน สิงหงเสวียนก็อยู่ที่นั่นด้วย
หลี่เฉียนหลงหน้าตาธรรมดา กลิ่นอายพลังก็ถูกกดไว้ที่ระดับร่วมแก่นปราณขึ้นหนึ่ง ลักษณะท่าทางดูซื่อๆ ใครจะคิดเล่าว่าเขาเป็นผู้สืบทอดราชาพิษ
หานเจวี๋ยไม่ได้ใช้พลังจิตสำรวจดูในยอดเขาหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น
การที่นักพรตเต๋าจิ้งซวีเรียกศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวนี้ ก็เพื่อจะแจ้งข่าวเรื่องที่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป
หลังจากหลี่เฉียนหลงรู้เรื่องนี้ ก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
ในก็สุดโอกาสก็มาถึง!
ก่อนหน้านี้ที่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังอยู่ เขาไม่กล้าเสี่ยงเข้ามา
ยามนี้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไปแล้ว ในที่สุดเขาก็เกิดความรู้สึกราวกับแหวกเมฆหมอกมาเจอกับพระอาทิตย์
“ใจเย็นก่อน! ยังมีอีกคนที่จะขัดขวางข้า!”
หลี่เฉียนหลงคิดเงียบๆ
ผู้ที่ลึกลับที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์!
ผู้อาวุโสสังหารเทพ!
เขาเคยได้ยินมาว่าเหตุที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณพ่ายแพ้ เป็นเพราะเจ้าลัทธิเดินทางมาสังหารที่สำนักหยกพิสุทธิ์ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่รอดกลับไป
เวลานั้น นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังไม่กลับมา
หรือกล่าวได้ว่า ผู้อาวุโสสังหารเทพมีพลังที่น่าหวาดกลัวในการสังหารเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ!
ก่อนหลี่เฉียนหลงจะดำเนินการตามแผน เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีจัดการผู้อาวุโสสังหารเทพก่อน
แต่ว่าจนถึงตอนนี้ เขายังสืบไม่พบว่าผู้อาวุโสสังหารเทพคือใคร กล่าวกันว่ามาจากยอดเขาหยกวิเวก
ยอดเขาหยกวิเวก…
เมื่อนึกถึงคนที่อยู่บนยอดเขาหยกวิเวกผู้นั้น แววตาของหลี่เฉียนหลงก็กลับกลายเป็นขมขื่นขึ้นมา
……
หลังจากค้นพบหลี่เฉียนหลงแล้ว ขณะที่หานเจวี๋ยทำการฝึกบำเพ็ญก็มักจะให้ความสนใจเขาอยู่บ่อยๆ
หากหลี่เฉียนหลงไม่ได้คิดทำร้ายสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยย่อมไม่อาจสังหารเขาได้โดยตรง
เขาถ่ายทอดเสียงไปถามสิงหงเสวียน สำนักหยกพิสุทธิ์ฝ่ายในเงียบสงบมาก ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายเลย
เหตุการณ์ดำเนินอยู่เช่นนี้
จนเวลาผ่านไปห้าปี
หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเจ็ด!
เข้าใกล้ระดับสุญตามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
หานเจวี๋ยเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
เขาตรวจสอบตำแหน่งของหลี่เฉียนหลงอีกครั้ง พบว่าหลี่เฉียนหลงกลับไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว
หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก
เพียงแค่หลี่เฉียนหลงไม่สร้างเรื่องสร้างราวก็พอแล้ว
หานเจวี๋ยเปิดอ่านจดหมายในค่าความสัมพันธ์
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านมีความเข้าใจในชีวิตมนุษย์และพลังวิเศษ]
[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านตกเข้าสู่สายมาร]
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงของท่านเข้าใจพลังวิเศษประจำตัว]
[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านถูกอารมณ์โกรธแค้นโจมตีจิตใจ มรรคจิตได้รับความเสียหาย]
[โจวฝานสหายของท่านสำเร็จร่างสกรรจ์ ชื่อเสียงเลื่อนลั่นไปทั่วปฐพี]
……
หานเจวี๋ยนิ่งอึ้งไปทันที
ฉิบหาย
ไม่คิดว่าในเวลาห้าปีจะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้
โม่ฟู่โฉวดันตกอยู่ในสายมาร เขาไปเจออะไรกันแน่
เจ้าสุนัขเข้าใจพลังวิเศษประจำตัว แต่กลับไม่บอกเจ้านายอย่างข้าสักคำ!
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งช่างน่าอนาถ แต่ก็สมควร ใครใช้ให้ท่านจ้องจับดาวตัวซวยล่ะ!
แล้วยังโจวฝานอีก
ใช้ได้นี่!
ไม่ผิดต่ออักษรฝาน[1]ของเจ้า!
หานเจวี๋ยหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าตนเองไม่อาจย่ามใจได้แล้ว
ตบะของเขาอาจจะอยู่บนเพดานสุดของแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะยังคงเป็นเช่นนั้น
เขาต้องหมั่นเพียรฝึกบำเพ็ญ!
เหมือนตัวเอกอย่างโจวฝาน ไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนโลกได้
แม้โจวฝานจะยังเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมแก่นปราณ แต่สิ่งที่เขาเผชิญในช่วงนี้คล้ายกับการฝึกบำเพ็ญวิชาวัฏจักรหกวิถีในช่วงแรกมาก วางรากฐานอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปนานเพียงนี้ สมบัติฟ้าดินบนขุนเขาที่เขาอยู่ก็เริ่มทยอยกันเติบโต พลังวิญญาณต้อนรับช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยตัดสินใจใช้พลังทั้งหมดในการทะลวงระดับสุญตา!
…..
เพียงพริบตาเดียว!
เวลาผ่านไปอีกสิบปีแล้ว
ตบะของหานเจวี๋ยบรรลุถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นแปด อีกทั้งยังห่างจากระดับเก้าไม่มาก!
ทุกครั้งที่นึกถึงระดับสุญตา เขาก็รู้สึกกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
วันนี้ หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียนเขา
เพื่อป้องกันไม่ให้ซูฉีนำความโชคร้ายมาให้หลี่ชิงจื่อ หานเจวี๋ยจึงเดินออกมานอกถ้ำ
“ผู้อาวุโสหาน ไม่ได้เจอกันนาน บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่ชิงจื่อถามอย่างเป็นมิตร
ตอนนี้พอที่จะนับได้ว่าเขามีหน้ามีตามาก
ด้วยการช่วยเหลือของนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง ตบะของเขาบรรลุระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเก้าแล้ว
นอกจากตบะแล้ว เขายังเป็นประมุขสายหลักในแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนด้วย
เวลาหลายปีนี้ หานเจวี๋ยไม่เห็นว่าเขาจะถูกใครโจมตีเลย
“นับว่าไม่เลว ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ” หานเจวี๋ยยิ้มถาม
หลี่ชิงจื่อยิ้มกล่าว “งานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียนของสำนักสายหลักใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ท่านจะไปหรือไม่ งานประชุมใหญ่ในครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเยี่ยน จะได้รับโชคของมนุษย์ ช่วยในเรื่องการบำเพ็ญเพียร”
อักขระแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย
[เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อเชิญท่านเข้าร่วมงานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ปฏิเสธ ทำการฝึกบำเพ็ญต่อ จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]
[สอง ตอบรับ ติดตามเจ้าสำนักออกจากสำนัก จะได้รับหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งก้อน]
รางวัลของทั้งสองข้อต่างกันมากนัก…
แต่หานเจวี๋ยเคยชินแล้ว
ตัวเลือกเช่นนี้ไม่ใช่ว่าระบบบีบบังคับเขาให้เลือก แต่เป็นเพราะก่อนหน้านั้นเขาเลือกที่จะถ่อมตนฝึกบำเพ็ญ เป็นทางเลือกที่ระบบวางแผนไว้ตามความต้องการของเขา
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่หนึ่งอย่างเงียบๆ
งานประชุมใหญ่การบำเพ็ญเซียน ดูก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องได้โดยง่าย ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ด้วย!
หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “ช่างเถิด ข้าก็ไม่ไปแล้ว เจ้าสำนักระวังตัวหน่อย แม้ช่วงนี้สำนักหยกพิสุทธิ์จะทำอะไรก็ราบรื่นไปเสียทั้งหมด แต่เรื่องที่ปรมาจารย์จากไป กลุ่มอิทธิพลอื่นจะต้องรู้อย่างแน่นอน”
หลี่ชิงจื่อลอบถอนหายใจ
จิตใจมุมานะฝึกบำเพ็ญของผู้อาวุโสหานผู้นี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริง!
หากเขามีพลังระดับหานเจวี๋ยคงออกไปท่องใต้หล้าอย่างอิสระเสียนานแล้ว
[ท่านปฏิเสธคำเชิญของเจ้าสำนัก ได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณชั้นเลิศ–หนังสือแห่งความโชคร้าย]
[หนังสือแห่งความโชคร้าย: สมบัติวิญญาณชั้นเลิศ สามารถสาปแช่งสรรพสิ่ง นำโชคร้ายมาให้ฝ่ายตรงข้ามได้ ขณะเดียวกันจะไม่ถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็น]
หืม?
หนังสือแห่งความโชคร้าย?
สาปแช่ง?
หานเจวี๋ยรู้สึกสนใจสมบัตินี้ขึ้นมาทันที
แต่หลี่ชิงจื่อยังอยู่ตรงหน้า เขาไม่อาจนำออกมาดูได้
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านมีความเห็นอย่างไรกับหลี่เฉียนหลงผู้นี้” หานเจวี๋ยพลันถามขึ้นมา
ไม่นานหลี่ชิงจื่อก็จะไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว หากหลี่เฉียนหลงกลับมาอีก และต้องการสร้างเรื่อง หานเจวี๋ยก็อยากจะรู้ว่าจะสังหารเขาได้หรือไม่
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลี่ชิงจื่อก็แปรเปลี่ยน เอยถามด้วยน้ำเสียงสุขุม “เหตุใดผู้อาวุโสหานถึงถามเช่นนี้”
พอคำพูดออกจากปาก เขาพลันรู้สึกว่าท่าดีของตนเองไม่เหมาะสมอยู่บ้าง จึงรีบอธิบายว่า “คนผู้นี้เคยเป็นศิษย์น้องของข้า คุณสมบัติโดดเด่น แต่เขากับกวนโยวกังต่างชอบพอเซียนซีเสวียน ทั้งสองเคยทำศึกตัดสินความเป็นความตาย จนอาจารย์ข้าต้องลงมือ แต่เจ้าหลี่เฉียนหลงไม่ยอมรับ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือกับอาจารย์ข้า ในระหว่างที่ถูกคุมขัง เขาแอบหนีไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ก่อนจากไปเขาได้ทิ้งจดหมายไว้ว่าวันหน้าจะกลับมาทลายสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ย่อยยับ”
พูดถึงหลี่เฉียนหลง เขาก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ
โศกนาฏกรรมที่เกิดจากการชิงรักหักสวาทอีกแล้ว
มิน่าเล่า เซียนซีเสวียนถึงไม่ให้บรรดาศิษย์มีความรัก
หานเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา “หลี่เฉียนหลงกลับมาแล้ว แต่ว่าช่วงนี้ก็ออกไปอีก เขาปลอมแปลงฐานะ เข้ามาเป็นศิษย์ของยอดเขาหลัก”
พอหลี่ชิงจื่อได้ฟัง ดวงตาก็พลันเบิกโพลง โกรธจนตัวสั่นไปเสียทั้งร่าง
เขาคว้าตัวหานเจวี๋ย กล่าวว่า “หากเขากลับมาอีก ผู้อาวุโสหานต้องจับตัวเขาให้ได้ ใช่แล้ว! ไม่ต้องสังหาร ท่านอย่าได้ลงมือโหดเหี้ยมตีเขาจนตาย!”
……………………………………….
[1] อักษรฝาน (凡) มีความหมายหนึ่งว่าทุกสิ่งอย่าง