ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 591 อายุเก้าหมื่นปี แดนเซียนพิภพ
บทที่ 591 อายุเก้าหมื่นปี แดนเซียนพิภพ
หลังจากได้รับคำสั่งจากหวงจุนเทียน ศิษย์นิกายเจี๋ยก็ถอยออกไปทันที
หลายวันต่อมา นิกายเจี๋ยส่งทูตไปร่วมแสดงความยินดีกับสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์
อีกไม่กี่วันต่อมา เผ่าสวรรค์ก็ไปร่วมแสดงความยินดีกับสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน สองกลุ่มอิทธิพลชั้นแนวหน้าต่างก็ให้การสนับสนุนสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกยกระดับฐานะขึ้นทันที ข่าวแพร่ไปทั่วแดนเซียนภายในระยะเวลาสั้นๆ โดดเด่นเป็นที่สนใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
สิบกว่าปีต่อมา ศิษย์ของสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แดนเซียนกว้างใหญ่เหลือเกิน อีกทั้งละแวกนี้เป็นอาณาเขตของนิกายเจี๋ย สิ่งมีชีวิตที่ต้องการกราบเข้าสู่สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องขึ้นเขาข้ามห้วยมาหา
หานเจวี๋ยอยู่ในเขตเซียนร้อยคีรีมองดูความรุ่งเรืองของสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
เขาฝึกบำเพ็ญต่อ
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ทันใดนั้นมีข้อความสามแถวเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบเก้าหมื่นปีบริบูรณ์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที มุ่งหน้าสู่แดนเทพหวนปัจฉิม แสวงหามหามรรค จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ เลี่ยงการแปดเปื้อนผลกรรม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]
ยกระดับอาณาเขตเต๋า!
ในที่สุดก็มาแล้ว!
ไม่ได้เห็นมานานเหลือเกิน!
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]
[เริ่มยกระดับอาณาเขตเต๋า]
การยกระดับอาณาเขตเต๋าต้องใช้เวลา หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เฝ้ารอคอยต่อไป ตั้งใจฝึกบำเพ็ญแทน
เขาเข้าใกล้ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์เข้าไปเรื่อยๆ แล้ว
หนึ่งร้อยปีต่อมา
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับยอดมหามรรค ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสิบเท่า]
[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากตัวตนระดับผู้สรรค์สร้างมรรควิถีได้]
ผู้สรรค์สร้างมรรควิถี!
ผู้สรรค์สร้างมรรควิถีหมายความว่าอย่างไร
หานเจวี๋ยใคร่ครวญเงียบๆ ในใจรู้สึกปลอดภัยอย่างเต็มที่แล้ว
ระดับยอดมหามรรค ต่อให้เป็นตี้จวินหรือปรมาจารย์ลัญจกรสรวงมาโจมตี ก็น่าจะบุกเข้ามาไม่ได้
หานเจวี๋ยปรับสภาพอารมณ์ ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
วันเดือนเคลื่อนคล้อยไป หลังจากสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อตั้งขึ้น ก็มีสำนักนิกายที่ก่อตั้งขึ้นโดยต้าหลัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความสัมพันธ์ระหว่างโลกมนุษย์ในปวงสวรรค์และแดนเซียนก็แนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ สิ่งมีชีวิตธรรมดาหลั่งไหลมายังแดนเซียนไม่ขาดสาย และมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในแดนเซียนก็มุ่งหน้าไปยังโลกมนุษย์ ส่งเสริมพึ่งพา ก้าวหน้าไปด้วยกัน
ดวงชะตามรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นเพราะเหตุนี้!
เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดมหาเคราะห์แล้ว แดนเซียนสงบสุขและรุ่งเรืองขึ้นมากนัก
ในยุคทองอันรุ่งโรจน์เช่นนี้ สรรพสิ่งล้วนพากเพียรบำเพ็ญ แม้จะมีการต่อสู้ แต่ก็ไม่น่าเวทนาจนเกินไป หลักๆ ก็เป็นการต่อสู้แย่งชิงดวงชะตาและแรงกุศลมรรคาสวรรค์
เวลาผ่านไปไวเหมือนโบยบิน
สามพันปีผ่านไป
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ได้พบโอกาสสำหรับทะลวงขั้นแล้ว
เขาลืมตาขึ้น ปรับสภาพมรรคจิต
ก่อนจะทะลวงขั้น เขาสอดส่องดูหานทั่ว ระยะนี้หานทั่วมิได้ปิดด่านฝึกบำเพ็ญ แต่ออกศึกไปทั่วสารทิศ ขยายอาณาเขตของวังเทพ
หานเจวี๋ยสอดส่องหานอวี้ต่อ
หานอวี้ไม่ได้อยู่ที่เขาเทพปู้โจว แต่ออกท่องไปทั่วสารทิศ มาถึงละแวกนิกายเจี๋ยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหวงจุนเทียน หรือว่าพวกลี่เหยา หากได้พบหานอวี้ จะต้องคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างหานอวี้และหานเจวี๋ยออกแน่นอน ดังนั้นเขายังคงปลอดภัยดียิ่ง
ในช่วงสามพันปีมานี้ที่หานเจวี๋ยปิดด่าน หานทั่วและหานอวี้ประสบเรื่องราวไม่น้อยเลย นับว่ามีประสบการณ์โชกโชนเช่นกัน
ในช่วงนี้เอง หานอวี้บังเกิดความรู้สึกต่อสตรีนางหนึ่ง เป็นความสิเน่หาชั่วข้ามคืน หานอวี้ต้องการรับผิดชอบ ผลคืออีกฝ่ายกลับปฏิเสธ เหตุผลที่ปฏิเสธเป็นเพราะตบะของเขาอ่อนด้อยเกินไป
เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อหานอวี้อย่างรุนแรง หานอวี้มิได้ออกจากสังกัดหลี่เต้าคง เขาคิดจะพิสูจน์ความสามารถตัวเอง
หานเจวี๋ยสอดส่องสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อ สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์พัฒนาไปอย่างราบรื่นยิ่ง จำนวนศิษย์เกินหมื่นแล้ว นิกายเจี๋ยและเผ่าสวรรค์มักส่งทรัพยากรสำหรับฝึกบำเพ็ญมาให้พวกนางเป็นระยะๆ ราวกับกำลังแย่งชิงความโปรดปรานจากสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์กันอยู่
ใช้ได้เลย!
สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ลี่เหยาบุกทะลวงเข้าสู่ทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์แล้ว แม้จะอยู่ในลำดับที่เก้าแสนกว่าๆ แต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
หานเจวี๋ยหันเหสายตาไปสอดส่องบรรพจารย์ซานชิง คนผู้นี้ปิดด่านอยู่ตลอด เขาสังเกตเห็นบรรพจารย์ซานชิงน้อยยิ่ง
หืม?
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว สีหน้าใช้ความคิด
มองเห็นบรรพจารย์ซานชิงที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในอารามเต๋าของเขาเองกำลังถูกไอสีเทาแปลกประหลาดอย่างหนึ่งพัวพัน ไอสีเทานี้ต้องการตัดการเชื่อมโยงระหว่างเขาและมรรคาสวรรค์
หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย ทำนายไม่ได้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด
เขาจำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการทำนายดู
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหานเจวี๋ย
เป็นเขา!
หานเจวี๋ยกระจ่างในทันใด ไม่รู้สึกแปลกใจเลย ถึงอย่างไรก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นเขา
เป็นฝีมือของจอมอริยะเสวียนตู!
เดิมทีบรรพจารย์ซานชิงอยู่ในการควบคุมของหลี่มู่อี หลังจากหลี่มู่อีดับสูญ จอมอริยะเสวียนตูเข้ารับช่วงตำแหน่งอริยะ อีกฝ่ายจะหมายตาบรรพจารย์ซานชิงก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง
ฐานะของบรรพจารย์ซานชิงสำคัญเหลือเกิน ไร้พ่ายในแดนเซียน สำหรับอริยะเขาคือตัวหมากที่สำคัญอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยคิดเล็กน้อย เคลื่อนย้ายบรรพจารย์ซานชิงมาปรากฏเบื้องหน้า จากนั้นก็ใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับเขา ใช้พลังของระบบกำจัดการควบคุมจากจอมอริยะเสวียนตู
พอบรรพจารย์ซานชิงมองเห็นหานเจวี๋ย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “จอมอริยะเสวียนตูมาหาเจ้าตั้งแต่เมื่อไร”
บรรพจารย์ซานชิงกล่าว “หลายร้อยปีก่อน เขาบอกว่าสามารถช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากการควบคุมของมรรคาสวรรค์ได้”
“แต่เจ้าจะตกอยู่ในการควบคุมของเขาแทน”
“ข้าก็สงสัยเช่นกัน เพียงแต่…”
บรรพจารย์ซานชิงเผยความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์ทั่วไปออกมาอย่างที่พบเห็นได้น้อยยิ่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “รับใช้ข้าให้ดีเถิด นอกแดนเซียนมิได้สวยงามถึงเพียงนั้น อย่าได้หลงกล”
“ทราบแล้วขอรับ”
หลังจากถูกคุกสวรรค์อนธการสยบทาส บรรพจารย์ซานชิงก็เชื่อฟังหานเจวี๋ยอย่างสมบูรณ์
หลังจากใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์เสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็ส่งตัวบรรพจารย์ซานชิงกลับไป
เขาไม่กลัวจะถูกจอมอริยะเสวียนตูพบเห็นเลย การใช้ความสามารณ์ชำระล้างสมบูรณ์หลายๆ รอบจะสิ้นเปลืองอายุขัยมหาศาล มิสู้เตือนจอมอริยะเสวียนตูให้รู้ตัวไปตรงๆ เลยดีกว่า ให้เขาตัดใจเสีย
ผ่านไปไม่นานนัก
[จอมอริยะเสวียนตูต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเลือกยอมรับ
จอมอริยะเสวียนตูมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา แค่เข้าฝันน่าจะคุกคามเขาไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่ไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ก็เพราะกลัวว่าจะมีศัตรูแข็งแกร่งที่ไม่รู้จักซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด
ภายในแดนความฝัน หานเจวี๋ยและจอมอริยะเสวียนยืนอยู่ในอวกาศที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสุกสกาวแห่งหนึ่ง
เมื่อทอดสายตามองออกไป หานเจวี๋ยรู้สึกว่าอวกาศแห่งนี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง
คล้ายกับทางช้างเผือก
จอมอริยะเสวียนตูจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยขึ้นว่า “สหายเต๋า เจ้าต้องการบรรพจารย์ซานชิงหรือ”
หานเจวี๋ยตอบตรงๆ “อืม นี่คือค่าชดเชยที่หลี่มู่อีวางแผนปองร้ายข้า บรรพจารย์ซานชิงยอมสยบต่อข้าแล้ว หวังว่าสหายเต๋าจะไว้หน้ากันสักครั้ง”
ทั้งสองเผชิญหน้ากันตรงๆ บรรยากาศพลันหนักอึ้งขึ้นมา
ผ่านไปพักใหญ่
จอมอริยะเสวียนตูเปิดปากเอ่ยว่า “ช่างเถอะ เช่นนั้นก็ยกให้เจ้าแล้วกัน แต่มีเรื่องหนึ่ง หวังว่าสหายเต๋าจะยอมช่วยเหลือ”
“เรื่องใด”
“นับตั้งแต่มรรคาสวรรค์ก่อตั้งขึ้นก็เกิดมหาเคราะห์ขึ้นสิบกว่าครั้งแล้ว ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มีผู้ทรงพลังคนหนึ่งนามว่าเจิ้นหยวนจือไปจากแดนเซียน ก่อตั้งแดนเซียนพิภพขึ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก แดนเซียนพิภพพัฒนาไปด้วยดี เจิ้นหยวนจือยังได้รับการสนับสนุนจากบรรพชนเต๋าด้วย”
เจิ้นหยวนจือ แดนเซียนพิภพ…
หืม?
หรือจะเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ตั้งดาวโลกในทางช้างเผือก
หานเจวี๋ยครุ่นคิดในใจ
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “เจิ้นหยวนจือดูดซับดวงชะตาของแดนเซียน ก้าวข้ามมหามรรค เขาชุบเลี้ยงเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่งไว้ด้วย นามว่าเทพมารทำลายล้าง เกรงว่าจะมีจุดประสงค์ไม่ซื่อ ตอนนี้เจิ้นหยวนจือทอดทิ้งแดนเซียนพิภพแล้ว ข้าวางแผนจะยึดครองแดนเซียนพิภพ ให้แดนเซียนพิภพส่งผลสะท้อนกลับไปหาเจิ้นหยวนจือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ทำอย่างไร”
ค่อนข้างอันตรายทีเดียว
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “เจ้าร่วมมือกับข้า สร้างมิติพิเศษแห่งหนึ่งขึ้น เปิดรับสิ่งมีชีวิตบางส่วนจากแดนเซียนพิภพ ทำให้กลายเป็นตัวเบี้ยของพวกเรา ข้ามภพเข้าสู่แม่น้ำโชคชะตาของแดนเซียนพิภพ ลบล้างตระประทับของเจิ้นหยวนจือที่อยู่ในแม่น้ำโชคชะตาสายนั้น ทำให้แดนเซียนพิภพตัดขาดกับเจิ้นหยวนจืออย่างสมบูรณ์”
………………………………………………………………