ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 596 แผ่นหยกนำโชค มรรคาสวรรค์แห่งใหม่
บทที่ 596 แผ่นหยกนำโชค มรรคาสวรรค์แห่งใหม่
หลังจากค่ายกลแสงกระบี่ผงาดขึ้นจากเขาเทพปู้โจว เผ่าปีศาจถูกสกัดขวาง ปีศาจจอมโอหังบางส่วนคิดจะฝืนบุกเข้าไป ผลคือถูกค่ายทำลายล้าง ทำให้ทัพใหญ่เผ่าปีศาจตกตะลึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก
ไกลออกไป จักรพรรดิปีศาจอีกาทองและเหล่าเทพปีศาจของเผ่าปีศาจรวมตัวกันในหุบเขาแห่งหนึ่ง
เทพปีศาจตนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม “หลี่เต้าคงไม่หลงกล พวกเราต้องออกโรงหรือไม่”
จักรพรรดิปีศาจอีกาทองแค่นเสียง “ไม่จำเป็น หลี่เต้าคงผู้นี้นิสัยเย่อหยิ่ง ไม่อาจทนเห็นสิ่งขวางตาได้ ต่อให้ทราบว่าเป็นแผนการของพวกเรา เขาก็หลงกลอยู่ดี เพราะเขาไม่อยากแสดงให้เห็นว่าเขากลัวพวกเรา”
“หากพวกเราเผยตัว อาจถูกหลี่เต้าคงสังหาร ความแข็งแกร่งของหลี่เต้าคงไม่จำเป็นต้องเล่าแล้วกระมัง”
เหล่าเทพปีศาจต่างรู้สึกว่ามีเหตุผล อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ
พวกเขาล้วนไม่อยากเผชิญหน้ากับหลี่เต้าคง
ข่าวที่เผ่าปีศาจเข้าปิดล้อมเขาเทพปู้โจวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว นิกายเจี๋ยจึงเริ่มโจมตีรุกคืบเข้ามายังเขาเทพปู้โจวแล้ว
….
ชั่วพริบตาเดียว
เวลาผ่านไปหนึ่งพันปี
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาให้ความสนใจก็คือสถานการณ์ของเขาเทพปู้โจว
เผ่าปีศาจที่ปิดล้อมเขาเทพปู้โจวหายไปแล้ว
ช้าก่อน!
หานเจวี๋ยพลันมองเห็นไอชั่วร้ายแผ่คลุมไปทั่วชายขอบเขาเทพปู้โจว คงอยู่เนิ่นนานยากจะปัดเป่าให้สลายไป
หรือว่า…
หานเจวี๋ยตรวจดูทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ หลี่เต้าคงหล่นไปอยู่ในลำดับที่สาม
ผู้ครองอันดับหนึ่งคนใหม่คือต้าซั่นเทียน
หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย ที่แท้นิกายเจี๋ยต้องการตามล่าเผ่าปีศาจจริงๆ แต่ถูกสำนักพุทธขัดขวาง ทำให้เผ่าปีศาจสามารถพัวพันเขาเทพปู้โจวต่อไปได้ หลี่เต้าคงรู้สึกหงุดหงิดจึงลงมือเอง กวาดล้างพลทหารปีศาจกว่าร้อยล้านตน แรงกรรมพัวพันกาย หักล้างดวงชะตาไปไม่น้อยเลย
จักรพรรรดิปีศาจอีกาทองถูกหลี่เต้าคงโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่มียอดสมบัติมรรคาสวรรค์ เกรงว่าคงสิ้นใจคาที่
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย
เขาไม่ได้กล่าวโทษหลี่เต้าคงเพราะเหตุนี้ นี่คือการตัดสินใจของตัวหลี่เต้าคงเอง
เพียงแต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าสำนักพุทธจะสนับสนุนเผ่าปีศาจ
น่าจะมิใช่
เป็นไปได้ว่าสำนักพุทธจะต้องการเป็นปฏิปักษ์กับนิกายเจี๋ยเท่านั้น
หานเจวี๋ยมิได้ไปหาฉิวซีไหลเพราะเหตุนี้ กลุ่มอำนาจในสังกัดของเขาจำเป็นต้องขัดแย้งกันบ้าง มิเช่นนั้นจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นยิ่งกว่าเดิม
หากแข็งแกร่งขึ้นจากการต่อสู้ก็นับเป็นเรื่องดี
หานเจวี๋ยไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป หันไปสอดส่องหานทั่วบุตรชายของตนแทน
ระยะนี้วังเทพกำลังพัฒนาโลกมนุษย์ หานทั่วก็นำกำลังคนเข้าสู่โลกมนุษย์ด้วยตัวเอง เขาไปที่โลกแยกนภา วังเทพและสำนักแยกนภาคล้ายจะสร้างสายสัมพันธ์บางอย่างขึ้นมา
ตบะของหานทั่วก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ยามนี้ถึงระดับปฐมเทพขั้นสามแล้ว ก้าวหน้าว่องไวยิ่ง
หานเจวี๋ยสอดส่องอี๋เทียนต่อ บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ผู้นี้เป็นระดับปฐมเทพขั้นห้าแล้ว
บุตรแห่งมรรคาสวรรค์เลิศล้ำจริงๆ!
หานเจวี๋ยหันเหสายตาไปส่องสอดหานอวี้ต่อ
หืม?
หานอวี้อยู่ในวังมังกร ณ โพ้นทะเลแห่งแดนเซียน กำลังดื่มสุรากับราชามังกรทะเลบูรพาอยู่
องค์หญิงเจ็ดแห่งทะเลบูรพาต้องตาหานอวี้ ราชามังกรทะเลบูรพาทราบว่าอาจารย์ของหานอวี้คือหลี่เต้าคง จึงอยากได้เขาเป็นเขย
หานเจวี๋ยยกยิ้มมุมปากนิดๆ
‘หน้าตาแบบข้าดึงดูดให้สตรีชมชอบได้ง่ายจริงๆ’
หานเจวี๋ยคิดพลางยิ้มร่า ลูกหลานก็มีโชคชะตาของลูกหลานเอง เขาคร้านจะสอดมือยุ่ง
ราชามังกรทะเลบูรพาเป็นแค่เซียนทองไท่อี่เท่านั้น ไม่คู่ควรได้พบหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยสอดส่องดูคนอื่นต่อไป ผ่านไปหลายวัน จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง
นี่ก็คืออริยะ เวลาส่วนใหญ่ล้วนหมดไปกับการนั่งสมาธิบำเพ็ญ
….
ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ตำหนักเอกอนันต์
ฟางเหลียงเยื้องย่างเข้ามาในตำหนัก สีหน้าเขาเย็นชา แขนเสื้อสองข้างโบกสะบัดตามการเคลื่อนไหว รัศมีองอาจน่าเกรงขาม
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองฟางเหลียงที่เดินเข้ามาหาตน เขาพลันเหม่อลอย
ฟางเหลียงหยุดลงตรงหน้าเขาในระยะสิบจั้ง เอ่ยว่า “ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง บรรพชนเต๋าให้ข้ามาหาท่าน ท่านน่าจะทราบกระมังว่ามาด้วยเรื่องใด”
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงตอบ “อืม แผ่นหยกนำโชค”
เขาพินิจดูฟางเหลียง กล่าวด้วยความสะท้อนใจ “กลายเป็นบรรพชนเต๋าแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง”
ฟางเหลียงตอบ “รู้แจ้งหลายสิ่งยิ่ง และต้องแบกรับหลายสิ่งนัก”
“บรรพชนเต๋าอยู่ที่ใด”
“บรรพชนเต๋าอยู่ทุกที่”
“เหตุใดบรรพชนเต๋าจึงมาหาเจ้า”
“เพราะเทพมารอนธการ”
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะเงียบลง
ฟางเหลียงเอ่ยว่า “แผ่นหยกนำโชคอยู่ที่ไหน มอบให้ข้าได้หรือไม่”
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “มอบแผ่นหยกนำโชคให้เจ้าไม่ได้ เพราะมันไม่อยู่แล้ว ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันไปอยู่ที่ใด สมบัติชิ้นนี้มีจิตวิญญาณ หายสาบสูญไปตั้งแต่ก่อนเกิดมหาเคราะห์ครั้งก่อนขึ้น ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมิได้เทศนาธรรมต่อสรรพสิ่งแห่งแดนเซียน ด้วยต้องการตามหาเบาะแสของแผ่นหยกนำโชค น่าเสียดายที่ไม่เป็นผล”
ฟางเหลียงขมวดคิ้ว
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวต่อว่า “หากไม่อยู่ในมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นก็คงอยู่ที่แดนเทพหวนปัจฉิมเป็นแน่ หรือไม่ก็คงเป็นแดนบรรพกาลที่อยู่ลึกเข้าไปอีก เจ้าไปตามหาดูได้ บรรพชนเต๋าต้องอำนวยพรแก่เจ้าแน่”
“หากไปที่แดนเทพหวนปัจฉิมพึงระวังมารมรรคาเอาไว้ ส่วนที่แดนบรรพกาล เจ้าต้องระวังเทพมาร”
ฟางเหลียงแค่นเสียงครานหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อจากไป
รอจนเขาพ้นจากตำหนักเอกอนันต์ ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถอนหายใจคราหนึ่ง เอ่ยรำพัน “บรรพชนเต๋า ท่านวางแผนอะไรไว้กันแน่ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านดูคล้ายหวาดหวั่นต่อบางสิ่งอยู่ ยามนี้ข้าแยกแยะเท็จจริงได้กระจ่าง หลุดพ้นจากทุกสิ่ง แต่กลับยังมองไม่ออกว่าท่านกำลังไล่ไขว่คว้าสิ่งใดอยู่”
ในความทรงจำของเขา บรรพชนเต๋าลึกลับมาโดยตลอด เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าหลังจากบุกเบิกสวรรค์ เขาแข็งแกร่งที่สุด ทว่าเอาแต่ปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่เสมอ
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงพลิกมือขวาขึ้นมา แผ่นหยกสีม่วงชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
….
ณ อาณาเขตเต๋าอริยะนิกายเจี๋ย
หวงจุนเทียนคุกเข่าคารวะเบื้องหน้าเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยอย่างนอบน้อม ไม่กล้าสบสายตา
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยกล่าวว่า “ผลงานของเจ้ายอดเยี่ยมนัก ตอนนี้ติดหนึ่งในสิบอันดับของทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์แล้ว ไม่ทำให้นิกายเจี๋ยเสียหน้า”
หวนจุนเทียนตอบกลับว่า “ล้วนเป็นเพราะดวงชะตาแห่งนิกายเจี๋ย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมารับตำแหน่งเจ้านิกายเจี๋ย คงจะทำได้ดีกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ”
“เจ้าอย่าถ่อมตัวไปเลย ข้ามีภารกิจใหญ่อย่างหนึ่งจะมอบหมายให้เจ้า”
“เชิญอริยะท่านสั่งการมาได้เลย”
“นิกายฉ่านและนิกายเจี๋ยเตรียมจะจับมือเป็นพันธมิตร บุกเบิกมรรคาสวรรค์แห่งใหม่ เจ้าต้องเร่งรับศิษย์เข้ามา เพื่อส่งไปยังมรรคาสวรรค์แห่งใหม่”
“ขอรับ”
หวงจุนเทียนตอบรับทันที
“อืม หากเจ้าทำงานนี้ได้ดี ข้าจะเทศนาธรรมให้เจ้าเป็นการส่วนตัว”
“ขอบพระคุณอริยะท่าน!”
“ออกไปเถอะ”
หวงจุนเทียนคำนับอำลา
หวงจุนทียนออกจากชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ทะลุผ่านหมู่เมฆ สีหน้าของเขาเรียบเฉย ทว่าในใจเขากำลังใคร่ครวญถึงภารกิจที่เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยมอบให้
“มรรคาสวรรค์แห่งใหม่…ผิดปกติ ยามนี้อำนาจของนิกายเจี๋ยและนิกายฉ่านในแดนเซียนยังคงไม่อาจมองข้ามได้ ถึงขั้นที่รุ่งโรจน์ดั่งตะวันด้วยซ้ำ เหตุใดจึงต้องการบุกเบิกมรรคาสวรรค์แห่งใหม่เล่า”
หวงจุนเทียนได้กลิ่นของแผนการร้าย
จนปัญญาที่เป็นแผนการแห่งอริยะ เขาไม่มีทางได้มีส่วนร่วม อย่าว่าแต่ตามสืบเลย ทันทีที่เขามีท่าทางผิดปกติ อริยะก็คงจะรับรู้ได้
หลังจากรับหน้าที่เป็นเจ้านิกายเจี๋ย หวงจุนเทียนเสมือนเหยียบย่างบนผิวน้ำแข็งบางๆ เสมอมา ระมัดระวังทุกย่างก้าว
เขาสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยทำลายรูปการณ์ของเหล่าอริยชน ความสงบสุขในยามนี้ก็เป็นหานเจวี๋ยที่นำพามาให้ เพราะเขาแข็งแกร่งเกินไป เหล่าอริยชนไม่กล้าต่อสู้แย่งชิง ต่างฝ่ายต่างสมัครสมานกันไว้
พอนึกถึงเรื่องนี้ หวงจุนเทียนเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ย
หลังจากหานเจวี๋ยสำเร็จเป็นอริยะก็ไม่ได้ป่าวประกาศอวดอ้างถึงความแข็งแกร่งของตน กลับทำเพื่อนำพาความสงบสุขมาให้แดนเซียน แดนเซียนในยามนี้รุ่งเรืองยิ่งกว่าช่วงก่อนเกิดมหาเคราะห์เสียอีก
นี่สิถึงจะสมเป็นอริยะ!
ตัวเขาหวงจุนเทียนจะเจริญรอยตามหานเจวี๋ยอย่างแน่วแน่ไม่แปรผัน!
หวงจุนเทียนเริ่มใคร่ครวญว่าจะติดต่อไปหาหานเจวี๋ยอย่างไรดี เพื่อรายงานเรื่องมรรคาสวรรค์แห่งใหม่ต่อหานเจวี๋ย
ไม่สามารถไปหาที่เขตเซียนร้อยคีรีโดยตรงได้
เขาต้องหาทางทำให้หานเจวี๋ยมาเข้าฝันตน
“หากข้าได้รับบาดเจ็บ นายท่านต้องสังเกตเห็นข้าแน่”
………………………………………………………………